เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1327 ท่านมาอยู่ที่นี่เอง
ตอนที่ 1,327 ท่านมาอยู่ที่นี่เอง
หุบเหวโหยหวน สะพานหินโบราณ
การต่อสู้ดำเนินมาถึงจุดชี้ขาดผลแพ้ชนะ
หนูหลานไม่ทราบเลยว่าทนทานรับไปกี่หมัด ร่างกายของเขาจึงเปล่งรัศมีสีทองคำสว่างไสวมากขึ้นเรื่อย ๆ…
“จบกันเพียงเท่านี้ล่ะนะ… กระบวนท่าหมัดสลายวิญญาณ!”
หนูหลานคำรามเสียงแหบต่ำพร้อมกับกระแทกหมัดออกมาข้างหน้า
อักขระโบราณที่อยู่บนผิวหนังปรากฏแสงสว่างระยิบระยับ และพร้อมกันนั้น เขาก็เหวี่ยงหมัดขวาออกมาปะทะเข้ากับหมัดของคนบาปจุ่ยถูู
ชั่วพริบตานั้น
โลกทั้งใบคล้ายกับสั่นสะเทือน
คลื่นพลังจากกำปั้นของคู่ต่อสู้ทั้งสองราวกับจะทำให้สะพานหินพังถล่มลงไปได้ทุกเมื่อ
แม้คนบาปจุ่ยถููยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิม แต่ตัวคนก็ถูกปกคลุมด้วยลำแสงทองคำแล้ว…
เรียบร้อย
กลุ่มผู้รับชมต่างก็อุทานอยู่ในใจ
จุ่ยถููไม่มีทางรับหมัดนี้ได้เด็ดขาด
หลังจากนั้นประมาณห้าลมหายใจ ลำแสงทองคำจึงได้เลือนรางลงไป
สะพานหินโบราณเกิดรอยแตกร้าวอย่างน่ากลัว พื้นผิวน้ำแข็งกะเทาะแตกหลุดเป็นบริเวณกว้าง
หนูหลานยืนหอบหายใจเล็กน้อย ยังคงตั้งท่าพร้อมสำหรับการปล่อยหมัดได้ทุกเมื่อ
แต่เห็นได้ชัดว่าหมัดเมื่อสักครู่นี้ผลาญพลังของเขาไปไม่น้อย
กระบวนท่าหมัดสลายวิญญาณเป็นกระบวนท่าที่จะหยิบยืมพลังจากคู่ต่อสู้หลังถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องและเปลี่ยนแปลงพลังนั้นนำมาเป็นพลังของตนเองโต้ตอบกลับไป
ปกติมีไว้ใช้ยามพบเจอคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งจริง ๆ เท่านั้น
และหมัดเมื่อสักครู่นี้ ก็ผลาญพลังของหนูหลานไปเกือบหมดสิ้น
อักขระโบราณปรากฏขึ้นบนร่างกายของหนูหลานอย่างชัดเจน
ทันใดนั้น ชายฉกรรจ์ร่างยักษ์ก็ต้องเบิกตาโต
เพราะว่าคู่ต่อสู้ของเขากำลังเดินสืบเท้าก้าวเข้ามาอย่างแช่มช้า
คนบาปจุ่ยถูเสื้อผ้าฉีกขาด ผิวหนังของแขนทั้งสองข้างถลอกปอกเปิก เปิดเผยให้เห็นถึงเนื้อในที่เป็นโลหะแวววาว กระดูกทุกข้อล้วนผลิตขึ้นมาจากทองคำบริสุทธิ์…
หน้ากากศิลาที่สวมใส่อยู่ก็แตกหักออกไปแล้ว
นั่นเปิดเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงของคนบาปจุ่ยถูู เส้นผมสีดำยาวรุงรัง หน้าตาคมเข้ม มีเสน่ห์ตามวัยหนุ่มใหญ่…
นี่หรือคือใบหน้าที่แท้จริงของ ‘จุ่ยถูู’?
จุ่ยถููควรจะตายไปแล้วไม่ใช่หรือ?
หนูหลานหัวใจกระตุกวูบ ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามย่อหัวเข่าลงเล็กน้อย เมื่อรู้สึกตัวอีกที หนูหลานก็เห็นลำแสงสีแดงมาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าตนเองแล้ว…
นี่คือการจู่โจมสวนกลับของคนบาปจุ่ยถูู
หนูหลานอยากจะหลบเลี่ยง แต่เขาตกตะลึงเกินไปจนไม่อาจขยับร่างกาย
จึงถูกลำแสงสีแดงกระแทกเข้าใส่อย่างจัง
ต่อมา หนูหลานรู้สึกได้ถึงพลังกดดันหนักอึ้งที่ครอบคลุมบริเวณหัวไหล่และลำคอ เขาไม่มีช่องว่างให้ขัดขืน ดวงตาเริ่มหมุนวนด้วยความมึนงง
นี่คือท่าไม้ตายของคนบาปจุ่ยถููใช่หรือไม่?
เมื่อความคิดนั้นปรากฏขึ้นมาในหัว ตัวคนก็ร่วงหล่นสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์
…
แต่ผู้ที่รับชมการแข่งขันล้วนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจน…
จุ่ยถููโจมตีสวนกลับไปด้วยความไวปานสายฟ้าฟาด เขาต่อยกำปั้นของตนเองซัดใส่ลำคอของหนูหลานเต็มแรง…
ร่างของหนูหลานร่วงล้มกระแทกพื้นสะพานหินเสียงดังสนั่น
พื้นสะพานหินที่เพิ่งจะสมานรอยร้าวไปเมื่อสักครู่ บัดนี้ กลับปรากฏรอยร้าวคล้ายใยแมงมุมขึ้นมาอีกครั้ง…
นี่คือการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว
เป็นการโจมตีที่ไม่อาจหลบหนีได้
นอกจากจะรอดชีวิตจากการถูกโจมตีได้แล้ว คนบาปจุ่ยถูยังสามารถโต้ตอบกลับไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ…
ไม่ทราบเลยว่าเขาใช้เพลงหมัดใด?
นอกจากนี้ เหตุไฉนกล้ามเนื้อแขนทั้งสองข้างของเขาจึงมีสีสันคล้ายกับโลหะเช่นนั้น?
นั่นแทบจะไม่ใช่แขนคนอีกแล้ว
…
ณ คฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝู
หลินเป่ยเฉินมองการถ่ายทอดสดด้วยความตกตะลึง
ร่างกายของเขาสั่นเทา ดวงตาจับจ้องไปที่ม่านพลัง
หลินเป่ยเฉินไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตนเองจะได้มาพบกับฉู่เหินอีกครั้ง
โดยเฉพาะในสถานที่เช่นนี้
ในช่วงเวลาอย่างนี้
ฉู่เหินอาจารย์ประจำสถานศึกษากระบี่ที่สามประจำเมืองหยุนเมิ่ง
อาจารย์ผู้รับหน้าที่เป็นองครักษ์พิทักษ์องค์ชายเจ็ดเดินทางสู่มหานครและหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย
หลินเป่ยเฉินเคยส่งคนออกตามหาอาจารย์ผู้นี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่เคยมีเบาะแสความคืบหน้าใด ๆ
แล้วฉู่เหินมาปรากฏตัวอยู่ในดินแดนทวยเทพได้อย่างไร?
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
แม้มีความเป็นไปได้ที่คนเราจะหน้าตาเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้ว แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เหินแตกต่างจากบุคคลอื่นก็คือแขนกลเทพเจ้าดาวเหนือทั้งสองข้างนั่นเอง
หลินเป่ยเฉินจำได้ดีไม่มีวันลืม
แม้ว่าเมื่อขึ้นมาอยู่บนดินแดนทวยเทพแล้ว แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือจะเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง แต่ก็น่าจะเป็นเช่นเดียวกับกงกง ที่แขนกลมีความแข็งแกร่งมากขึ้นอย่างน่ามหัศจรรย์
“อาจารย์ฉู่ อาจารย์ฉู่ ท่านมาอยู่ที่นี่เอง”
หลินเป่ยเฉินพึมพำในลำคอ ก่อนเงยหน้าระเบิดเสียงหัวเราะใส่ท้องฟ้า
เสียงหัวเราะของเขาเจือปนด้วยความตื่นเต้น ความสุขและการกล่าวโทษตนเองอยู่หลายส่วน
เคยมีคำโบราณกล่าวไว้ว่าเป็นอาจารย์หนึ่งวันเท่ากับเป็นบิดาตลอดชีวิต หลินเป่ยเฉินที่ทะลุมิติมาอยู่ในโลกแห่งวรยุทธ์นั้น หากจะถามว่าผู้ใดทำดีต่อเขาโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนมาตั้งแต่แรก หนึ่งในบุคคลเหล่านั้นก็คงจะต้องมีฉู่เหินรวมอยู่ด้วยอย่างไม่ต้องสงสัย
อาจารย์ฉู่ผู้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาโดยตลอด
ไม่ว่าเรื่องราวจะเป็นอย่างไร แต่ในที่สุด ปมบางอย่างในจิตใจของหลินเป่ยเฉินก็คลี่คลายลงแล้ว
“ฮ่า ๆๆ …เจอแล้วโว้ย ในที่สุดก็เจอแล้ว”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะร่า น้ำตาคลอเต็มสองเบ้า
อาจารย์ขอรับ ในที่สุด ข้าน้อยก็หาท่านพบแล้ว
เด็กหนุ่มตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง เขาแทบอยากจะเดินทางไปที่สะพานหินโบราณเพื่อพบกับฉู่เหินเสียเดี๋ยวนี้
น่าเสียดายที่เขาทำอย่างนั้นไม่ได้
ความคิดมากมายผุดขึ้นมาในหัวสมอง หลินเป่ยเฉินหันกลับมาจ้องมองที่พวกของเฉียนหลงและกล่าวว่า “ข้ามีภารกิจด่วนอยากจะให้พวกเจ้าทำ รีบหาข้อมูลมาเดี๋ยวนี้ว่าอาจารย์ฉู่… ว่าคนบาปจุ่ยถููอาศัยอยู่ที่ไหน ข้าต้องการไปพบเขาทันทีที่เขาจบการแข่งขันรอบนี้”
เฉียนหลง มู่หลินเซินและคนอื่นๆ เบิกตาโตด้วยความประหลาดใจ
เมื่อเห็นอากัปกิริยาของหลินเป่ยเฉิน พวกเขาก็พอคาดเดาได้ไม่ยากว่าระหว่างนายท่านของตนเองกับคนบาปจุ่ยถููน่าจะเคยมีอดีตบางอย่างต่อกันมาก่อน
พวกเขาไม่ได้สอบถามอะไรมากมาย ต่างก็รีบติดต่อคนของตนเองผ่านทางกำไลผลึกแก้วกิเลน เพื่อสืบหาข้อมูลโดยทันที
แล้วการต่อสู้บนสะพานหินก็จบลงอย่างเป็นทางการ
หนูหลานเป็นฝ่ายแพ้
ฉู่เหินเดินไปยืนอยู่เบื้องหน้าศพของคู่ต่อสู้ ถอนหายใจเล็กน้อย ก่อนก้มศีรษะประสานมือทำความเคารพและหมุนตัวเดินจากไป
สะพานหินโบราณซ่อมแซมตนเองอย่างรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียว มันก็กลับมามีสภาพเดิมอีกครั้ง
แม้แต่เถาวัลย์รากไม้ทุกต้นก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม
และศพของหนูหลานก็สลายหายไปบนพื้นสะพานราวกับเจออิทธิฤทธิ์ผงละลายศพของหลินเป่ยเฉิน จากศพที่เคยเป็นร่างมนุษย์ยักษ์ก็หลงเหลือเพียงแอ่งโลหิตกองใหญ่ หลังจากนั้น แอ่งโลหิตทั้งหมดก็ถูกสะพานหินโบราณดูดซับหายวับไปในพริบตา
“นายท่านขอรับ ข้าน้อยพบแล้ว เขาอาศัยอยู่ในเหมืองใต้ดิน”
เฉียนหลงส่งเสียงพูดขึ้นมาเป็นคนแรก “เขาทำงานอยู่ในอาณาเขตของเทพแห่งเหมืองแร่ซึ่งเป็นหนึ่งในเจ็ดเทพสงคราม และเขาทำงานขึ้นตรงต่อขุนนางเทวะผู้มีนามว่าอวิ๋นอิงขอรับ ซึ่งที่ตั้งของเหมืองใต้ดินนั้นก็อยู่ในพื้นที่เขตสามนี่เอง”
“ประเสริฐ ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หลินเป่ยเฉินรอไม่ไหวแล้ว
ยังมีคนสนิทของเขาอีกสิบคนที่หายตัวไปพร้อมกับฉู่เหิน
หนึ่งในนั้นย่อมรวมไปถึงไต้จือฉุนผู้เป็นพี่ชายร่วมสาบานของหลินเป่ยเฉิน
ไม่ทราบเลยว่าป่านนี้ไต้จือฉุนจะเป็นอย่างไรบ้าง
ภรรยาและบุตรสาวของไต้จือฉุนยังคงรอคอยให้เขากลับไปหาอยู่ในจักรวรรดิเป่ยไห่
แต่ในทันใดนั้นเอง…
ครืด!
สายรัดข้อมือของหลินเป่ยเฉินสั่นสะเทือน
ถึงคราวที่เขาต้องออกไปต่อสู้แล้ว
ทำไมเร็วขนาดนี้นะ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว
“ข้าต้องออกไปสู้ก่อน”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองบรรดาผู้ติดตามของตนเองและออกคำสั่งว่า “พวกเจ้าช่วยไปตรวจสอบดูหน่อยว่าสถานการณ์ของคนบาปจุ่ยถููเป็นอย่างไรบ้าง ข้าต้องการไถ่ตัวเขาออกมา ไม่ว่าต้องจ่ายหนักเท่าไหร่ ก็ต้องไถ่ตัวเขาออกมาให้ได้”
พูดจบ เด็กหนุ่มก็กระโดดหายวับเข้าไปในประตูมิติ
…
ในเวลาเดียวกันนี้
คฤหาสน์ตระกูลเจียง
กุหลาบเทวะเจียงรั่วไป๋ก้าวเดินอย่างเชื่องช้าเข้าสู่ประตูมิติ
เจียงจิวเหอและภรรยายืนส่งบุตรสาวอยู่ด้านข้างด้วยความกระวนกระวายใจ
“คู่ต่อสู้ของเสี่ยวไป๋คือผู้ใดหรือ?”
ฮูหยินเจียงกระซิบถามเสียงแผ่วเบา
ผู้เป็นสามีจ้องมองไปยังม่านพลังถ่ายทอดสดขนาดใหญ่
ภาพที่เห็นทำให้เจียงจิวเหอยืนตัวแข็งทื่อราวกับถูกสายฟ้าฟาด