เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1335 มือยักษ์
ตอนที่ 1,335 มือยักษ์
เงาแห่งความตายที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนคืบคลานเข้ามาใกล้
ใต้เท้าอวิ๋นอิงรู้สึกอย่างชัดเจนว่าตนเองกำลังจะตาย
เขาไม่อยากเชื่อ
เพราะร่างกายที่มีความแข็งแกร่งของใต้เท้าอวิ๋นอิงกลับถูกคมกระบี่ฟันเข้าใส่อย่างง่ายดาย
ในมือของเจี๋ยนเซียวเหยานอกจากมวกเหล็กอมตะและถุงมือเทวฤทธิ์แล้ว ยังมีอาวุธวิเศษชิ้นอื่นอยู่อีกหรือ?
โลหิตสีแดงสดไหลทะลักไม่หยุดยั้ง…
ทันใดนั้น เหตุการณ์แปลกประหลาดได้บังเกิดขึ้น
ภูเขาหินลูกใหญ่ที่ตั้งอยู่ด้านข้างพลันเกิดรอยแตกร้าว เศษหินจำนวนมากแตกกระจายออกมา ก่อนที่เศษหินเหล่านั้นจะรวมตัวกันกลายเป็นมนุษย์หินที่มีร่างกายสูงใหญ่กว่าเก้าเซียะ มนุษย์หินตนนั้นเดินมาวางมือไว้บนหัวไหล่ของใต้เท้าอวิ๋นอิง
และโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์บรรเทาอาการบาดเจ็บ
ใต้เท้าอวิ๋นอิงมีอาการดีขึ้นทันตาเห็น
“อ้า…”
ใต้เท้าอวิ๋นอิงหอบหายใจด้วยความโล่งอก
เขารีบหันกลับไปประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อม “ผู้น้อยขอคารวะใต้เท้าใหญ่”
“ไม่เป็นไร”
มนุษย์หินไร้ใบหน้าตอบกลับมาพึมพำในลำคอ
แต่เสียงของมันกลับดังสะท้อนไปทั่วเหมืองใต้ดิน
ใต้เท้าอวิ๋นอิงตัวสั่นเทา รีบคุกเข่าลง ไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีก
เพราะมนุษย์หินตนนี้คือร่างจำแลงของท่านเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ ผู้เป็นหนึ่งในเจ็ดเทพสงครามนั่นเอง
ยามที่ต้องพบปะกับผู้คน ท่านเทพเจ้าแห่งเมืองแร่ก็จะใช้ร่างจำแลงมนุษย์หินเสมอ
รูโบ๋บนใบหน้าของมนุษย์หินคือสิ่งที่ใช้แทนดวงตา ภายในรูโบ๋นั้นมีแสงสว่างเรืองรองสามารถสอดส่องได้ทั่วบริเวณที่มืดมิด และมันจึงมองเห็นทิศทางที่พวกศัตรูกำลังวิ่งหนีไป
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”
เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่พูดออกมาช้า ๆ
…
ห่างไกลออกไปหลายสิบลี้
ผู้คนแปดคนกำลังหลบหนีอย่างสุดชีวิต
โดยที่มีนักรบจำนวนมากวิ่งไล่ตามมาอย่างไม่กลัวตาย
“ใครขวางทางข้ามันต้องตาย”
กระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินแปรเปลี่ยนเป็นกระบี่เพลิงโลกันตร์
กระบี่เงินของเขาเกิดรอยแตกร้าวจากการต่อสู้ครั้งที่แล้วกับพานตั่วชิง แม้รอยแตกร้าวยังคงอยู่ แต่ความคมก็ยังไม่จางหายไป ดังนั้นมันจึงยังสามารถใช้โจมตีใต้เท้าอวิ๋นอิงได้โดยไม่มีปัญหา
แต่ถ้าจะให้รับมือกับบรรดานักรบที่พยายามขัดขวางเส้นทางหลบหนีของเขา หลินเป่ยเฉินก็มีแต่ต้องใช้กระบี่เพลิงโลกันตร์แล้ว
หลินเป่ยเฉินไม่อยากจะใช้กระบี่เงินมากเกินไป
เพราะกระบี่เงินอาจเป็นหลักฐานที่เชื่อมโยงกลับไปถึงตัวเขาเอง
เพราะว่ามันเป็นกระบี่เงินจากฝีมือของอาจารย์เฉิน ผู้ตีกระบี่เล่มสุดท้ายให้กับหลินเป่ยเฉิน และดินแดนทวยเทพแห่งนี้ก็มีหนทางติดต่อสื่อสารกับแผ่นดินตงเต้า หากมีผู้ใดรู้เรื่องกระบี่เงินเล่มนี้ ก็คงสามารถจับต้นชนปลายและนำมาสู่การเปิดโปงตัวตนของหลินเป่ยเฉินได้ไม่ยาก
ส่วนกระบี่เพลิงโลกันตร์เป็นเขาขโมยขึ้นมาจากบ่อลาวา ในแผ่นดินตงเต้ามีผู้คนรับทราบเรื่องนี้อยู่ไม่มาก ความเสี่ยงที่จะถูกเปิดโปงตัวตนจึงมีน้อยมากกว่ากันหลายเท่า
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่สาดประกายเจิดจ้า
แล้วบรรดาลูกสมุนของใต้เท้าอวิ๋นอิงก็ล้มลงดั่งใบไม้ร่วง
ยามหน้าสิ่วหน้าขวาน หลินเป่ยเฉินย่อมลงมือโดยไม่มีความเมตตา
ลู่ปิงเหวิน เฉียนหลงและคนอื่น ๆ ช่วยกันหิ้วปีกไต้จือฉุนวิ่งตามมาทางด้านหลังอย่างใกล้ชิด
ฉู่เหินผู้แข็งแกร่งก็แสดงฝีมือออกมาแล้วเช่นกัน
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ตราบใดที่ยังมีคนคุ้มกันอยู่เช่นนี้ พวกเขาก็จะปลอดภัย
“เกือบจะถึงทางออกแล้ว”
เฉียนหลงพูดเสียงดังด้วยความตื่นเต้น
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์เพียงรู้สึกเลือดลมในร่างกายร้อนระอุ
พวกเขาเคยแต่ใช้ชีวิตเป็นบุรุษเสเพล ดื่มสุราเคล้านารีและรังแกผู้ที่อ่อนแอกว่า นี่จึงเป็นรสชาติแปลกใหม่ในชีวิตที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน
หลินเป่ยเฉินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเช่นกัน
หากเรื่องที่เขาฆ่าใต้เท้าอวิ๋นอิงตายแพร่กระจายออกไป เกรงว่าคงเป็นเรื่องใหญ่แล้วกระมัง?
หากหมดสิ้นหนทางจริง ๆ ก็คงต้องไปพึ่งบารมีใต้เท้ากั้วเสียแล้ว
แน่นอนว่าใต้เท้ากั้วเป็นเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตในสภาเทพเจ้า เมื่อออกหน้าช่วยเหลือ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าเอาผิดหลินเป่ยเฉินอีก
แต่ทันใดนั้น ในหัวใจของหลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้ถึงอันตรายที่คุกคามเข้ามา
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
เสียงคำรามปานฟ้าผ่าดังกังวานไปทั่วบริเวณ แก้วหูของผู้คนสั่นสะเทือน ชวนให้เกิดอาการเวียนหัวตาลายตามมา
มวลพลังกดดันบีบอัดเข้ามาจากรอบทิศทาง
“แย่แล้วสิ…”
“ไม่มีทาง”
“อะไรแย่อย่างนั้นหรือ?”
“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน…”
“แต่สถานการณ์ดูย่ำแย่แล้วจริง ๆ”
บรรดาคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าคนหันมากระซิบกระซาบกันด้วยความตื่นตระหนก
นี่คือพลังกดดันจากเทพเจ้าระดับสูง
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
น่าเสียดายที่เหตุการณ์ดำเนินมาถึงขั้นนี้ เขาก็ยังไม่สามารถปลดผนึกวงแหวนเทพด้านหลังศีรษะได้ เพราะฉะนั้น หลินเป่ยเฉินจึงไม่สามารถต้านทานมวลพลังกดดันเหล่านี้ได้เลย
“ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง… หลบอยู่ด้านหลังของข้าไว้ก็พอ”
หมวกเหล็กอมตะบนศีรษะของเขาระเบิดลำแสงทองคำกลายเป็นม่านพลังครอบคลุมตนเองและบรรดาผู้ติดตาม
เมื่อมีม่านพลังทองคำคอยห่อหุ้มรอบกาย มวลพลังกดดันเหล่านั้นก็แทบทำอะไรพวกเขาไม่ได้อีก กลุ่มชายหนุ่มยังคงวิ่งไปข้างหน้าต่อไป
ทันใดนั้น…
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือนอย่างแปลกประหลาด
“ดูนั่นสิ”
ซือเกินตั๋งชี้มือไปข้างหน้า
ภูเขาหินที่ตั้งอยู่ห่างไกลออกไปหลายลี้เคลื่อนไหวคล้ายเป็นสิ่งมีชีวิต แล้วพวกมันก็เคลื่อนที่มาขวางหน้าพวกเขาเอาไว้ปิดเส้นทางหลบหนีมิดชิด
“ฝันไปเถอะ”
หลินเป่ยเฉินฟันกระบี่ในมือออกไป
เปลวไฟพุ่งทะยานราวกับพญามังกรโถมตัวเข้าใส่ภูเขาหินลูกนั้น
ตู้ม!
ก้อนหินระเบิดกระจาย
เกิดเป็นเส้นทางช่องว่างตัดผ่านภูเขาหินเพียงพอให้พวกเขาวิ่งผ่าน
ผู้คนแปดชีวิตเปลี่ยนร่างกลายเป็นลำแสงพุ่งไปตามเส้นทางนั้น
ครืน! ครืน!
เสียงแผ่นดินสั่นสะเทือนยังดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
ไม่ว่าจะเป็นกำแพงหิน ภูเขาหินหรือก้อนหินใหญ่ที่อยู่รอบบริเวณต่างก็เริ่มขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว
พวกมันเคลื่อนที่เข้ามาขัดขวางเส้นทางหลบหนีของกลุ่มคนทั้งแปด
“ไม่นะ นี่มัน… ฝีมือของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่”
เฉียนหลงมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปแล้ว
หนึ่งในเจ็ดเทพสงครามถึงกับแสดงฝีมือเองเชียวหรือ?
ลู่ปิงเหวิน ซือเกินตั๋ง มู่หลินเซินและกวนรั่วเฟยรู้สึกเสียวสันหลังวูบ
“นายท่านทำอะไรลงไป? เหตุไฉนเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ถึงได้ลงมือเองเช่นนี้?”
เฉียนหลงร้องถามเสียงแหบแห้งขณะวิ่งหนีไม่หยุด
“เมื่อสักครู่ ข้าตื่นเต้นมากไปหน่อย ก็เลยเผลอฆ่าใต้เท้าอวิ๋นอิงโดยไม่ได้ตั้งใจน่ะสิ”
หลินเป่ยเฉินตอบโดยไม่เหลียวหน้ามองกลับไป “เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว รีบตามข้ามาเร็ว ๆ เข้าเถอะ”
“ว่าไงนะขอรับ?”
“แย่แล้วสิ!”
“ให้ตายเถอะ…”
“แม่จ๋า”
“พวกเราหัวขาดแน่”
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์พร้อมใจร้องอุทานออกมาอย่างสติแตก
ฆ่าใต้เท้าอวิ๋นอิงตายโดยไม่ได้ตั้งใจอย่างนั้นหรือ?
นายท่าน ทำไมถึงต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้ด้วย?
แค่บุกรุกมาก่อความวุ่นวายในอาณาเขตของผู้อื่นยังพอทน แต่ถึงกับฆ่าขุนนางคนสำคัญในอาณาเขตของผู้อื่นเช่นนี้… เช่นนี้… เช่นนี้มันก็ออกจะอุกอาจเกินไปแล้ว!
“พวกเจ้าไม่ต้องกลัวหรอกน่า”
หลินเป่ยเฉินยังคงตวัดกระบี่ในมือต่อไป
ไม่ว่าเส้นทางเบื้องหน้าจะถูกภูเขาหินมาปิดกั้นสักกี่ครั้ง กระบี่ของเขาก็สามารถเปิดทางให้วิ่งหนีต่อไปได้เสมอ “ข้าเคยพูดแล้วนะว่าพวกเราพี่น้องร่วมสาบานมีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ความผิดในครั้งนี้พวกเจ้าก็มีส่วนร่วมด้วย… เรามาฟันฝ่าความยากลำบากครั้งนี้ไปด้วยกันเถอะ”
คุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าคนเบิกตาโต
นายท่าน ครั้งนี้พวกเราจะมีความผิดร่วมกันได้อย่างไร?
หากเป็นเช่นนั้น เมื่อหลบหนีออกไปจากที่นี่ได้ ความวุ่นวายก็คงตามมาอีกมากมายแน่
ทันใดนั้น ภูเขาหินรอบทิศทางก็เริ่มเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็วมากขึ้น
ไม่ใช่เพียงปิดเส้นทางหลบหนีเท่านั้น
แต่ยังบีบวงแคบเข้ามาจากด้านซ้ายด้านขวาด้านหน้าด้านหลัง หมายจะบดขยี้พวกเขาให้บี้แบนอยู่ตรงกลาง
“แม่จ๋า อวยพรให้ลูกด้วย”
หนึ่งในกลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ร้องเสียงหลงและเริ่มสวดภาวนาอยู่ในใจ
“เร็วเข้า ข้างหน้าคือทางออก ข้าจะเปิดเส้นทางให้หลบหนี”
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่กระบี่เพลิงโลกันตร์เต็มอัตรา ก่อนที่จะฟันกระบี่ออกไปข้างหน้า
หน้าผาหินขนาดใหญ่เกิดรอยแตกร้าวแบ่งแยกออกเป็นช่องว่างพอดีตัวคน
วูบ!
กลุ่มชายหนุ่มรีบพุ่งทะยานเข้าไปในช่องว่างนั้น
ดวงตาของพวกเขาพบเจอกับแสงสว่าง
“พวกเราออกมาได้สำเร็จแล้ว”
เฉียนหลงร่ำร้องด้วยความดีใจ
ในที่สุด พวกเขาก็ออกมาจากเหมืองใต้ดินเป็นที่เรียบร้อย
“แม่จ๋า ลูกยังไม่ตาย”
ลู่ปิงเหวินร้องครวญครางและหอบหายใจ
เหล่าคุณชายผู้สูงศักดิ์คนอื่น ๆ ก็ยืนหอบจนตัวโยนอยู่ในอาการไม่ต่างกัน
สามารถหนีรอดการโจมตีจากเทพเจ้าระดับสูงผู้โกรธแค้นได้สำเร็จเช่นนี้?
ยังจะมีสิ่งใดน่าตื่นเต้นมากไปกว่านี้อีก?
“อย่าเพิ่งหยุด รีบไป เรายังต้องหนีกันต่อ”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงตะโกนขึ้นมา
เพราะหัวใจของเขายังสัมผัสได้ถึงพลังคุกคามที่คืบคลานเข้ามา
นอกจากพลังนั้นจะไม่ลดลงแล้ว มันยังเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
เป็นไปตามคาด ลมหายใจต่อมา…
ตู้ม!
มือยักษ์ที่ลุกเป็นไฟก็ทะลวงขึ้นมาจากใต้พื้นดินที่แตกร้าว เปลวไฟลุกโชนสว่างไสว เกิดเป็นพลังคุกคามพวกของหลินเป่ยเฉินด้วยความหนักหน่วง
การไล่ล่าจากเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ยังไม่จบ
“รีบหนีไป”
หลินเป่ยเฉินคำราม
หัวใจของเด็กหนุ่มปะทุด้วยความโกรธแค้น กระบี่ในมือตวัดไม่หยุดยั้งปลดปล่อยลำแสงกระบี่ใส่มือยักษ์ข้างนั้นด้วยความดุดันเกรี้ยวกราด
นี่คือการโจมตีด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่แปด
เป็นกระบวนท่าการโจมตีที่มีอานุภาพสังหารรุนแรงที่สุดเท่าที่หลินเป่ยเฉินสามารถใช้งานได้ในขณะนี้
ลำแสงกระบี่ไฟพุ่งทะลวงใส่มือยักษ์ข้างนั้นตลอดเวลา
แต่นี่ไม่ต่างจากการเอาไม้ซีกไปงัดไม้ซุง ลำแสงกระบี่ไฟสะท้อนกลับมา มือยักษ์ข้างนั้นยังคงเคลื่อนใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ…
บนพื้นดิน
ฉู่เหินเบิกตาโตด้วยความโกรธแค้น
“มือข้างนี้ เหล่าไต้ มือยักษ์ข้างนี้”
เขาร้องตะโกน
บัดนี้ ไต้จือฉุนตัวสั่นเทาไปทั้งร่างกายแล้ว