เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1337 ได้เวลาทวงแค้น
ตอนที่ 1,337 ได้เวลาทวงแค้น
เมื่อเสียงนั้นดังขึ้น คลื่นพลังจำนวนมหาศาลก็ปกคลุมลงมาจากฟากฟ้า แม้จะมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า แต่ก็สัมผัสได้ถึงความรุนแรงอันหนักหน่วง
หากใช้คำอธิบายตามหลักวิทยาศาสตร์ก็คือ นี่เป็นปรากฏการณ์ที่มวลความกดดันในอากาศเพิ่มความหนาตัวมากขึ้น
“ในที่สุดก็มาได้สักที”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเวลาเดียวกันนี้ ใต้เท้าอวิ๋นอิงผู้เคยมีกิริยาก้าวร้าวรุนแรงกลับตัวสั่นเทาแข้งขาอ่อนแรงไม่สามารถยกขวานใหญ่ในมือได้อีก
ส่วนลูกสมุนคนอื่น ๆ ของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่บัดนี้ก็มีใบหน้าซีดขาวด้วยความตื่นกลัวเช่นกัน พวกเขาเอาแต่ถอยร่นไปยังปากทางเข้าเหมืองใต้ดินตลอดเวลา
ทางด้านผู้คุ้มกันเหมืองที่มีสถานะเป็นนักรบระดับสามัญบัดนี้ก็พากันคุกเข่าลงกับพื้นดินตัวสั่นเทาไม่กล้าเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย
แต่สิ่งที่หลักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ก็คือ เพราะเหตุใดความหนาตัวของมวลความกดดันอากาศกลับไม่ส่งผลต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน
โดยเฉพาะพวกของหลินเป่ยเฉินที่มีสีหน้าผ่อนคลายเป็นอย่างยิ่ง
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
พื้นดิน เสาหิน อาคารศิลาใหญ่ที่ตั้งอยู่รอบบริเวณต่างก็ระเบิดกระจายถล่มทลาย และเศษก้อนหินเหล่านั้นก็กำลังรวมตัวกัน…
“คิดดีแล้วหรือที่จะมีเรื่องกับข้า”
“ไปให้พ้นซะ”
“ข้าจะรวบรวมแขนของข้า”
“ข้าจะรวบรวมศีรษะของข้า”
“ข้าจะรวบรวมขาของข้า…”
“ข้าจะรวบรวม… ลำตัวของข้า”
ท่ามกลางการเคลื่อนไหวของก้อนหินเหล่านั้นเกิดเสียงแปลกประหลาดดังขึ้นจากรอบทิศทาง และการรวมตัวของก้อนหินก็กลายเป็นศีรษะขนาดใหญ่เงยหน้ามองท้องฟ้า
ก่อนที่ก้อนหินเหล่านั้นจะรวมตัวกลายเป็นร่างจำแลงของท่านเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่อีกครั้ง
“ใต้เท้ากั้ว ท่านจะปกป้องคนชั่วผู้นี้จริง ๆ หรือ?”
มนุษย์ก้อนหินร่างยักษ์พูด
เสียงพูดไม่ต่างจากเสียงก้อนหินกระทบกัน เวลาที่ปากบนใบหน้าศิลาขยับเคลื่อนไหว ก็จะเกิดเป็นคลื่นอากาศแผ่กระจายออกมาอย่างรุนแรง
และคลื่นอากาศเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยพลังกดดันกดทับผู้คนรอบบริเวณ
ใต้เท้าอวิ๋นอิงและพรรคพวกหอบหายใจอย่างยากลำบาก รีบถอยร่นกลับไปด้วยความตื่นตระหนก
“แน่นอนอยู่แล้ว เพราะเขาเป็นคนที่ข้าเลือกมาเองกับมือ”
เสียงที่เบื่อหน่ายนั้นดังมาจากท้องฟ้าอีกครั้ง
เป็นเสียงของใต้เท้ากั้ว
“แต่คนของท่านจะมาฆ่าคนของข้าในถิ่นของข้าไม่ได้”
เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่คือหนึ่งในเจ็ดเทพสงคราม สถานะไม่ได้ต่ำต้อยไปกว่าใต้เท้ากั้ว เพราะฉะนั้น เสียงของเขาจึงแข็งกระด้างมากทีเดียว
ใต้เท้ากั้วผู้เป็นเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตแห่งสภาเทพเจ้าตอบกลับไปเสียงเรียบว่า “แต่ถ้าเขาทำตามคำสั่งของข้า ท่านจะทำอะไรได้? คนเหล่านั้นไม่ควรมาตอแยกับเจี๋ยนเซียวเหยาก่อน พวกมันย่อมสมควรตายแล้ว”
ให้ตายเถอะ
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก
ใต้เท้ากั้วดีกับเขาถึงขนาดนี้เลยหรือนี่?
เมื่อนึกทบทวนดูดี ๆ หากตัดเรื่องที่ใต้เท้ากั้วยัดพลังศักดิ์สิทธิ์ใส่ลงมาในร่างของเขา และพยายามจะใช้หลินเป่ยเฉินเป็นหุ่นเชิด เรื่องอื่นๆ ก็นับว่าใต้เท้ากั้วดีต่อเขามากจริง ๆ…
คนดีเช่นนี้จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เด็ดขาด
ถ้ารู้ว่าจะมีใต้เท้ากั้วมาคอยเคลียร์ปัญหาให้เช่นนี้ ตอนที่อยู่ในเหมืองใต้ดินเมื่อสักครู่ หลินเป่ยเฉินนึกเสียดายที่ตนเองไม่อาละวาดให้หนักกว่านี้ เพราะหากทำเช่นนั้น ภาพลักษณ์ของเขาในหัวใจของคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าก็คงยิ่งใหญ่ไม่ต่างจากราชาแห่งเทพแล้ว…
บัดนี้ กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ก็ยังคงไม่หายจากอาการตกตะลึง
พวกเขาไม่แปลกใจอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดนายท่านถึงกล้าทำเรื่องราวเหล่านี้
ที่แท้ก็เพราะว่ามีผู้ยิ่งใหญ่คอยหนุนหลังอยู่นี่เอง
หากจะว่าไป นี่เรียกว่านายท่านของพวกเขามีเมตตาแล้วด้วยซ้ำ
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์อดคิดไม่ได้ว่าหากตนเองมีผู้หนุนหลังที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้บ้าง เหมืองใต้ดินแห่งนี้ก็คงถูกถล่มย่อยยับไปแล้ว
“ท่าน…”
เมื่อเผชิญหน้ากับใต้เท้ากั้ว ร่างจำแลงมนุษย์หินยักษ์ของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเดือดดาล “ใต้เท้ากั้ว ท่านคิดจะก่อสงครามกับเผ่าเหมืองแร่เราใช่หรือไม่?”
“หากท่านอยากจะสู้ ข้าก็ไม่ขัดข้อง”
เสียงของใต้เท้ากั้วแปรเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึมมากขึ้น
แรงกดดันในอากาศหนาแน่นมากขึ้น
“ขออนุญาตขอรับ…”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นส่งเสียงตะโกนแทรกว่า “หยุดเจรจากันก่อนสักครู่ได้หรือไม่?”
เขาพยักหน้าไปยังภูเขาหินใหญ่ที่ทับอยู่บนร่างกายของตนเอง “ใต้เท้ากั้ว ไม่ทราบว่าช่วยปลดปล่อยข้าน้อยก่อนได้หรือไม่?”
พูดจบ
เปรี้ยง!
สายฟ้าสีแดงก็ฟาดลงมาจากท้องฟ้า
แล้วภูเขาหินฝ่ามือยักษ์ก็แตกกระจายไปในพริบตา
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นปัดเศษฝุ่นตามร่างกายและเดินออกมาจากกองเศษหิน
“ขอบคุณใต้เท้ากั้วขอรับ ข้าน้อยจะเป็นผู้ติดตามที่ซื่อสัตย์ของท่านตลอดไป”
คำประจบประแจงอีกมากมายกล่าวออกมาจากปากของเด็กหนุ่ม
เมื่อได้รับทราบว่าใต้เท้ากั้วยินดียื่นมือเข้ามาช่วยกำจัดหนี้เลือดให้ตนเอง หลินเป่ยเฉินก็สาบานในใจแล้วว่าเขาจะหาทางประจบประแจงเอาใจใต้เท้ากั้วทุกครั้งที่ทำได้เพื่อความปลอดภัยของตนเอง
ความกังวลเดียวของหลินเป่ยเฉินก็คือการที่เขาปลดผนึกขอบเขตพลังปราณธาตุน้ำได้สำเร็จ หากใต้เท้ากั้วตรวจสอบเรื่องนี้พบเจอ ใต้เท้ากั้วก็อาจจะรู้ความจริงว่าตนเองไม่สามารถควบคุมเขาได้อีกต่อไปแล้ว
เมื่อเวลานั้นมาถึง ใต้เท้ากั้วอาจจะแปรเปลี่ยนจาก ‘บิดาผู้ใจดี’ เป็น ‘พ่อเลี้ยงใจร้าย’ ก็เป็นได้
แต่โชคดีที่ความกังวลของหลินเป่ยเฉินไม่เป็นจริง
“ใต้เท้ากั้ว ท่านแน่ใจแล้วหรือที่จะทำเช่นนี้?”
เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ไม่ได้ขัดขวางที่หลินเป่ยเฉินสามารถหลุดออกจากพันธนาการ แต่น้ำเสียงของเขาเคร่งเครียดจริงจังมากขึ้นขณะเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า “การกระทำของเจี๋ยนเซียวเหยา คือสิ่งที่ขัดต่อกฎระเบียบของท่านมหาเทพ…”
“งั้นเจ้าก็ไปฟ้องท่านมหาเทพเองแล้วกัน”
เสียงของใต้เท้ากั้วดังตอบกลับมา ขัดจังหวะการพูดของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่อย่างไร้ความเมตตา
นี่คือความองอาจห้าวหาญของเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิต
ก้าวร้าว รุนแรง ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผล
หลินเป่ยเฉินแอบยิ้มด้วยความสะใจ
นี่คือพฤติกรรมที่เขาต้องเรียนรู้เอาไว้ให้ดี
“นับจากวันนี้ไป เหมืองแร่ของข้าจะหยุดส่งทรัพยากรทุกชนิดให้แก่เมืองเยี่ยเฉิง รวมถึงศิลาเทวะด้วยเช่นกัน”
เทพเจ้าแห่งเหมืองแร่พูดเพียงเท่านี้ ร่างของมนุษย์หินยักษ์ก็แตกสลายลงไป ก่อนที่บรรดาลูกสมุนของตนเองจะแยกย้ายสลายตัว
“นายท่านขอรับ คนบาปทั้งสองคนนั้นยังไม่ได้…”
ใต้เท้าอวิ๋นอิงพลันร้องตะโกนเสียงดังด้วยความลนลาน
คนบาปจุ่ยถููถือเป็นสมบัติล้ำค่าของเขา ใต้เท้าอวิ๋นอิงจะยอมปล่อยให้หลุดมือไปง่าย ๆ ได้อย่างไร
แต่ใต้เท้าอวิ๋นอิงยังพูดไม่ทันจบประโยค หลินเป่ยเฉินก็มาปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าเสียแล้ว
“อ๊าก…”
กำปั้นทมิฬส่งใต้เท้าอวิ๋นอิงลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นดิน
เมื่อมีใต้เท้ากั้วคอยหนุนหลังอยู่ทั้งคน หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องเกรงกลัวอะไรอีกแล้ว
“เจ้ายังกล้าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาอีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินใช้กำปั้นข้างที่สวมถุงมือเทวฤทธิ์กระแทกหมัดใส่ใบหน้าของใต้เท้าอวิ๋นอิงไม่หยุดยั้ง ในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความสะใจ “ข้าจะทำให้เจ้าต้องชดใช้”
ศีรษะของใต้เท้าอวิ๋นอิงจมหายลงไปใต้พื้นหิน
พื้นหินเกิดรอยแตกร้าวเป็นใยแมงมุมแผ่กระจายไปไกลหลายวา โดยที่มีศูนย์กลางรอยแตกร้าวอยู่ที่ศีรษะของใต้เท้าอวิ๋นอิง
ใต้เท้าอวิ๋นอิงเป็นเทพเจ้าชนชั้นผู้ดูแลเหมืองใต้ดิน เขาจะเคยถูกกระทำย่ำยีเช่นนี้มาก่อนได้อย่างไร?
ใต้เท้าอวิ๋นอิงพยายามโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์เพื่อตอบโต้…
แต่หมัดของหลินเป่ยเฉินหนักหน่วงมากเกินไป ยิ่งได้พลังเสริมจากถุงมือเทวฤทธิ์ ใต้เท้าอวิ๋นอิงก็ได้แต่นอนนับดาวอยู่บนพื้นดิน พลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายสลายหายไปหมดสิ้น
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าเห็นเช่นนั้นก็ดวงตาลุกวาว
โอกาสดีมาถึงแล้ว
“นายท่านใจเย็นก่อนขอรับ”
“นายท่านอย่าเหนื่อยแรงเลย”
“พวกข้าจะช่วยประหยัดเวลาให้นายท่านเอง”
“นายท่านไม่เจ็บมือหรือขอรับ?”
“นายท่านอย่าได้หักโหมมากเกินไป”
กลุ่มคุณชายผู้สูงศักดิ์ทั้งห้าเดินไปจับแขนจับขาของใต้เท้าอวิ๋นอิงทำให้กลายเป็นเป้านิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ และนั่นก็ทำให้หลินเป่ยเฉินสามารถรัวหมัดใส่ใบหน้าใต้เท้าอวิ๋นอิงได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น