เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1401 ตกตะลึงทั่วแดนเทพ
ตอนที่ 1,401 ตกตะลึงทั่วแดนเทพ
“ถ้าอย่างนั้นท่านก็กลับไปได้แล้ว ข้ายินดีรับท่านเป็นผู้ติดตาม”
หลินเป่ยเฉินโบกมือ
ท่านยายของมู่หลินเซินอาจจะเป็นหญิงชรา
แต่เมื่อได้ดูดซับพลังจากลูกแก้วเทพเจ้าเข้าไป นางก็กลับมาเป็นเด็กหญิงผู้มีผมสีเขียวสดหน้าตาน่ารักน่าชังอีกครั้ง
ให้ตายสิ
นางคงมีพลังไม่ต่ำต้อยแน่ ๆ
อาจจะแข็งแกร่งกว่าอาจารย์ฉู่เหินด้วยซ้ำ
เมื่อเด็กหญิงได้ยินคำรับรองจากหลินเป่ยเฉิน นางก็รีบล่าถอยกลับไปด้วยความเคารพและสบายใจ
เมื่อมองย้อนกลับไป หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกผิดขึ้นมาเล็กน้อย
แม้เขาจะมอบตำแหน่งเทพเจ้าให้หญิงชราตามคำสัญญา ทว่า มันก็เป็นตำแหน่งที่ล้างสมองของนางราวกับเป็นคนละคน หลินเป่ยเฉินไม่ทราบเลยว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้องหรือไม่
“หลังจากนี้ เราคงต้องรีบลงมือแล้ว…”
เมื่อได้รู้ผลลัพธ์การทดลอง หลินเป่ยเฉินก็รีบวางแผนการที่สมบูรณ์แบบออกมา
ครึ่งวันให้หลัง
ฉู่เหินกับกงกงหลอมรวมพลังเสร็จสิ้นและพวกเขาก็เดินทางกลับออกมาจากหอคอยหรงเซิน
ทั้งสองคนเหมือนได้เกิดใหม่
ร่างกายเปี่ยมล้นด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์
แม้จะไม่มีวงแหวนเทพเจ้าอยู่ด้านหลังศีรษะ แต่ระดับพลังและฝีมือการต่อสู้นั้น ดีพอที่จะสู้กับเทพเจ้าระดับสูงได้อย่างไม่มีปัญหา
และสิ่งที่หลินเป่ยเฉินวิตกกังวลก็ไม่ได้เกิดขึ้น
แม้จะได้รับตำแหน่งเทพเจ้าที่มีค่าความซื่อสัตย์ไม่เต็มหนึ่งร้อยคะแนน แต่ฉู่เหินกับกงกงก็ยังคงภักดีต่อหลินเป่ยเฉินไม่เปลี่ยนแปลง
นี่ทำให้เด็กหนุ่มโล่งใจ
และจากการวิเคราะห์ของหลินเป่ยเฉิน เนื่องจากอาจารย์ฉู่เหินและเหล่ากงมีความซื่อสัตย์กับเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น ค่าความซื่อสัตย์ของตำแหน่งเทพเจ้าจึงไม่มีผลอะไรกับพวกเขากระมัง?
หากเป็นเช่นนี้ แผนการในขั้นต่อไปของหลินเป่ยเฉินก็ง่ายขึ้นแล้ว
…
ข่าวลือแพร่กระจายไปทั่วเมืองเยี่ยเฉิง
ใต้เท้าใหญ่คนใหม่แห่งสภาเทพเจ้าเจี๋ยนเซียวเหยากำลังเปิดรับผู้ติดตามเป็นจำนวนมาก
นี่คือสิ่งที่ใครหลายคนคาดเดาเอาไว้ล่วงหน้า
เพราะว่าลูกสมุนของใต้เท้าฉางและคนจากเผ่าเทพตะวันก่อกบฎ กลุ่มคนเหล่านั้นหากไม่ถูกฆ่าตายก็หลบหนีออกไปหมดสิ้น เจี๋ยนเซียวเหยาผู้ที่เข้ามารับตำแหน่งสืบต่อจากใต้เท้าฉางจึงไม่หลงเหลือผู้คนให้ใช้งาน
แต่สิ่งที่ทำให้ใครหลายคนตกตะลึงก็คือข้อความในการประกาศรับผู้ติดตามนั้น…
สำหรับผู้ที่ผ่านเกณฑ์การคัดเลือกได้เป็นผู้ติดตามของเจี๋ยนเซียวเหยา คนผู้นั้นก็จะได้รับตำแหน่งเทพเจ้าโดยทันที
เมื่อได้เห็นข้อความนี้ มีผู้คนจำนวนมากที่ไม่อยากเชื่อ
“แค่ไปเป็นผู้ติดตามของเขาก็จะได้รับการแต่งตั้งเป็นเทพเจ้าเชียวหรือ?”
“เจี๋ยนเซียวเหยามีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือเยอะขนาดนั้นได้อย่างไร?”
“นี่คือโอกาสครั้งเดียวในชีวิตเชียวนะ เราไม่ลองก็ไม่รู้หรอก”
“วิหารต้องห้ามถูกทำลายไปแล้ว ตำแหน่งเทพเจ้าที่เหลืออยู่ก็ถูกขโมยไปหมดสิ้น บัดนี้ ไม่มีหวังที่เราจะได้รับตำแหน่งเทพเจ้าจากทางอื่นอีก”
“หรือนี่อาจจะเป็นแค่กลลวงก็เป็นได้กระมัง?”
“เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว นี่คือประกาศฉบับแรกจากใต้เท้าเจี๋ยน เขาไม่มีทางทำลายภาพลักษณ์ของตนเองด้วยการประกาศคำลวงหรอก”
ผู้คนทั่วเมืองเยี่ยเฉิงต่างก็พูดคุยกันไปต่าง ๆ นานา
เมื่อมีตำแหน่งเทพเจ้าเป็นสิ่งล่อตาล่อใจ ผู้คนจำนวนมากก็พากันมาต่อแถวเข้าสู่คฤหาสน์ใต้เท้าเจี๋ยนยาวไกลหลายลี้
มู่หลินเซิน กวนรั่วเฟย ซือเกินตั๋งและลู่ปิงเหวินยืนอยู่หน้าทางเข้าคอยจัดระเบียบผู้คน
ส่วนสารานุกรมที่มีชีวิตอย่างเฉียนหลงคอยยืนอยู่เคียงข้างบัลลังก์ของหลินเป่ยเฉิน ทุกครั้งที่มีผู้คนเข้ามาคารวะเด็กหนุ่ม เฉียนหลงก็จะคอยบอกข้อมูลเกี่ยวกับชื่อแซ่ ตำแหน่ง สถานะและภูมิหลังของบุคคลผู้นั้นให้หลินเป่ยเฉินได้รับทราบ…
“เจิ้งผาน เป็นนักรบจากเผ่าเทพภูผา ก่อนหน้านี้เข้าร่วมกับใต้เท้ากั้ว ก่อนเปลี่ยนมาเข้าร่วมกับใต้เท้าเหยา แล้วย้ายมาสวามิภักดิ์ต่อใต้เท้าซิน… เรียกได้ว่าเป็นคนที่มีจิตใจไม่มั่นคง แต่พลังการต่อสู้แข็งแกร่งมาก เสียอย่างเดียวคือมีนิสัยโหดร้ายป่าเถื่อน สามารถฆ่าคนหมดหมู่บ้านได้ในคืนเดียว ปัจจุบันได้รับการคุ้มครองจากโทษประหารชีวิตด้วยอำนาจของเทพภูผาขอรับ…”
เฉียนหลงบอกเล่าประวัติของชายร่างยักษ์หัวล้านที่ยืนอยู่หน้าบัลลังก์เสียงดังกังวาน
นี่คือการประเมินโดยภาพรวม เฉียนหลงเพียงบอกแต่ข้อเท็จจริง ไม่ได้ใส่ความคิดเห็นของตนเองลงไปด้วย
ซึ่งตามความคิดเห็นของเขานั้น ตัวปัญหาเช่นนี้ใต้เท้าเจี๋ยนไม่สมควรรับเข้ามาเป็นผู้ติดตามเด็ดขาด
แต่หลินเป่ยเฉินกลับมีสีหน้าเกียจคร้าน โยนลูกแก้วเทพเจ้าขนาดเท่ากำปั้นสีขาวใบหนึ่งลงไปตรงหน้าชายร่างยักษ์
“ยินดีด้วย เจ้าผ่านการคัดเลือก”
หลินเป่ยเฉินใช้มือข้างหนึ่งนั่งเท้าคางและพูดเสียงเรียบ “ข้ามองเห็นถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเจ้า และข้าก็มองออกถึงจิตใจที่ใสซื่อบริสุทธิ์ของเจ้า นับจากนี้เป็นต้นไป… เจ้าจะกลายเป็นผู้ติดตามของข้า”
เจิ้งผานเบิกตาโตด้วยความตกใจ
ง่ายดาย… ขนาดนี้เชียวหรือ?
เขาเพียงมาที่นี่เพื่อลองเสี่ยงดวงดูเท่านั้น
คิดไม่ถึงเลยว่าใต้เท้าเจี๋ยนกลับยอมรับตนเองจริง ๆ
นี่ไม่ใช่เรื่องลวงหลอกใช่หรือไม่?
ชายร่างยักษ์ก้มหยิบลูกแก้วเทพเจ้าขึ้นมาถือ เมื่อมองดูอย่างใกล้ชิด เขาก็เห็นว่าภายในลูกแก้วบรรจุด้วยภาพมายาของอสูรกายที่มีร่างเป็นก้อนหินตนหนึ่ง
นี่คือตำแหน่งเทพเจ้าจริง ๆ
ดังนั้น หัวใจของเจิ้งผานจึงแทบกระดอนขึ้นมาอยู่ในลำคอแล้ว
“ขอบคุณใต้เท้ามากขอรับ”
เจิ้งผานระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น
เมื่อประสานมือทำความเคารพเรียบร้อย เขาก็หมุนตัวเดินจากไป
ตั้งใจจะรีบไปหลอมรวมพลังจากลูกแก้วเทพเจ้า
ส่วนเรื่องที่เจิ้งผานจะซื่อสัตย์ภักดีต่อเจี๋ยนเซียวเหยาต่อไปหรือไม่… เจิ้งผานยังไม่ได้ตัดสินใจแน่ชัด อย่างไรก็ตาม หากเขาสามารถหลอมรวมพลังเทพเจ้าได้สำเร็จ เจิ้งผานก็จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น และเมื่อถึงตอนนั้น เขาก็อาจไม่ต้องเกรงใจผู้ใดอีกแล้วก็เป็นได้
“นายท่านขอรับ คนผู้นี้ไว้ใจไม่ได้ มันยอมทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์…”
เฉียนหลงรีบพูดออกมาขณะจ้องมองเจิ้งผานเดินจากไป
“ไม่ต้องกังวล ข้าจัดการได้”
หลินเป่ยเฉินลอบหัวเราะเยาะอยู่ในใจ
ต่อให้เป็นกบฎชาติชั่วหรือบุคคลที่เจ้าเล่ห์มากเหลี่ยมเพียงใด เมื่อได้รับตำแหน่งเทพเจ้าของหลินเป่ยเฉินไปแล้ว คนผู้นั้นก็จะเชื่อฟังและซื่อสัตย์ราวกับสุนัขเชื่องตัวหนึ่ง
แต่สำหรับผู้ที่ตั้งใจเข้ามาประจบประแจงอย่างออกนอกหน้า หลินเป่ยเฉินก็จะขับไล่ออกไปอย่างไร้ไมตรี
เหตุการณ์ดำเนินไปเช่นนี้
เพียงวันเดียว หลินเป่ยเฉินก็รับผู้ติดตามได้ถึงสองร้อยสิบคน
ในบรรดาผู้คนเหล่านั้นมีตั้งแต่บุรุษหนุ่มผู้มากไปด้วยพรสวรรค์ ผู้อาวุโสที่ยังคงมีชื่อเสียงโด่งดัง นักรบมากฝีมือ ไปจนถึงตัวชั่วร้ายผู้อำมหิต…
ไม่ว่าผู้ที่เข้ามาคารวะหลินเป่ยเฉินจะเป็นใคร ขอแค่คนผู้นั้นมีคุณสมบัติตามเกณฑ์ของเขา หลินเป่ยเฉินก็จะรับไว้เป็นผู้ติดตามหมดทั้งสิ้น
ในสายตาของคนนอก นี่คือการกระทำที่โง่เขลาอย่างยิ่ง
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดิน การ ‘รับผู้ติดตาม’ ของหลินเป่ยเฉินก็ยังไม่แล้วเสร็จ
“อ้าว? เป็นพวกเจ้าเองหรือ?”
หลินเป่ยเฉินที่กำลังกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนบัลลังก์อย่างเบื่อหน่าย เมื่อเห็นผู้เข้าใหม่มีด้วยกันสามคน สีหน้าของเขาก็แสดงออกถึงความประหลาดใจ
เพราะเป็นผู้คนที่เขาเคยพบเจอมาก่อน
สามพี่น้องผู้อาภัพในการแข่งขันค้นหาเทพเจ้ารอบที่สองนั่นเอง
พี่ชายคนโตกับน้องสาวฝาแฝดทั้งสองของเขา
“คารวะใต้เท้าเจี๋ยน”
ทั้งสามคนคุกเข่าประสานมือแสดงความเคารพ
“ลุกขึ้นมาเถอะ”
หลินเป่ยเฉินกระดิกมือเพียงเล็กน้อย ยังคงนอนเอกเขนกด้วยความเกียจคร้านต่อไป “คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้พบเจอกับพวกเจ้าในสถานการณ์เช่นนี้… พวกเจ้าชื่ออะไรบ้างล่ะ?”
เด็กหนุ่มผู้เป็นพี่คนโตลุกขึ้นยืน ตอบว่า “ผู้ต่ำต้อยมีนามว่าต้วนจาง ส่วนน้องสาวทั้งสองมีนามว่าต้วนจูกับต้วนหูขอรับ”
ตระกูลต้วน?
ดีนะไม่ใช่ตระกูลด้วน
หลินเป่ยเฉินหัวเราะให้กับมุขตลกที่เล่นอยู่ในใจของตนเองคนเดียว ก่อนจะนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดดูฟังก์ชันการแชร์สัญญาณไวไฟ
เขาพบเจอชื่อของสามพี่น้องอย่างรวดเร็ว
สัญญาณความศรัทธา… เต็มห้าขีด!
ดูเหมือนการที่หลินเป่ยเฉินเคยช่วยชีวิตพวกเขาเอาไว้จะสร้างความประทับใจไม่ใช่น้อย
สามพี่น้องน่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง
หลินเป่ยเฉินเริ่มต้นค้นหาตำแหน่งเทพเจ้าที่เหมาะสมให้แก่อีกฝ่ายทันที