เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1410 เหตุผลแห่งอันตราย
ตอนที่ 1,410 เหตุผลแห่งอันตราย
แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นหันมามองหน้าหญิงชรา
มารดาของเจ้าอ้วนกล่าวว่า “งั้นเรามาพูดถึงเรื่องนี้กันเลยก็ได้”
นางลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า ใช้ไม้เท้าพยุงกายเดินไปยังรั้วบ้าน ห่างไกลออกไปสามารถมองเห็นกลุ่มควันที่ลอยขึ้นมาจากบ้านเรือนซึ่งถูกเพลิงไหม้ เสียงร้องไห้ครวญครางขอความเมตตาลอยมาตามสายลม…
“สำหรับผู้ที่ได้ครอบครองตำแหน่งเทพเจ้าและเดินทางไปสู่ภพภูมิอื่นนั้น หากไม่รู้จักวิธีใช้งาน โอกาสรอดชีวิตของพวกเขาก็จะลดน้อยลง และความสามารถในการฝึกวิทยายุทธวิชาต่าง ๆ ก็จะลดลงด้วยเช่นกัน”
“ปัจจัยสำคัญคือตำแหน่งเทพเจ้าที่ได้รับ”
“ที่ข้าพูดออกมานี้ไม่ทราบใต้เท้าพอจะเข้าใจหรือไม่?”
หญิงชราค่อย ๆ หันหน้ามองมาที่หลินเป่ยเฉิน
“เข้าใจขอรับ”
หัวใจของหลินเป่ยเฉินเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นเต้น
อยู่ดี ๆ เขาก็เข้าใจอะไรบางอย่าง
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเคยพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่าตำแหน่งเทพเจ้าไม่สามารถใช้ได้สำหรับทุกคน
โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ในเมืองเยี่ยเฉิง
หรือว่า…
“ลูกแก้วเทพเจ้าเหล่านี้ก็ตกทอดมาจากบรรพบุรุษยุคบรรพกาลเช่นกันสินะขอรับ?” หลินเป่ยเฉินพิศวงไม่น้อยกับความฉลาดของตนเอง
หญิงชราผมขาวพยักหน้า “เดิมทีลูกแก้วเทพเจ้านี้เป็นวัตถุเก็บพลังชนิดหนึ่ง”
วัตถุเก็บพลัง?
หลินเป่ยเฉินถามว่า “เป็นพลังจากภพภูมิอื่นใช่หรือไม่?”
“หากพูดให้ถูกต้องก็คือมันเป็นวัตถุเก็บพลังจากอาณาจักรหงหวง ลูกแก้วเทพเจ้าเหล่านี้คือสิ่งของที่คนธรรมดาก็สามารถครอบครองได้ เพียงแต่ระดับความแข็งแกร่งของลูกแก้ว ก็จะแตกต่างกันไปตามลำดับชั้นของผู้ครอบครอง”
มารดาของเจ้าอ้วนกล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดชะงักเล็กน้อยและหันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินอีกครั้ง “ท่านเข้าใจหรือไม่ว่าเป็นเพราะเหตุใด?”
หลินเป่ยเฉินพอจะมีความคิดบางอย่างอยู่บ้าง
แต่เขาก็ไม่กล้ามั่นใจหนึ่งร้อยเปอร์เซ็นต์
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนตนเองเป็นเด็กนักเรียนชั้นประถมที่กำลังฟังคุณครูสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ “รบกวนท่านป้าได้โปรดบอกข้าด้วย”
หญิงชราพยักหน้า
ที่วันนี้นางขอให้บุตรชายไปตามตัวเจี๋ยนเซียวเหยามานั้น เดิมทีนางต้องการจะแจ้งข่าวบางอย่างต่อเขา ซึ่งน่าจะเป็นผู้คนจากภพภูมิอื่นเช่นกัน
นี่ก่อให้เกิดสายสัมพันธ์อันดีระหว่างพวกเขา
“ก่อนหน้านี้ ข้าเคยบอกเล่าว่าดินแดนทวยเทพเคยเป็นเมืองด่านหน้าที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อรับมือศัตรู แต่ภายหลังมันกลับกลายเป็นเมืองร้าง ใต้เท้าทราบหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดมันถึงเป็นเมืองร้าง?”
“นั่นเป็นเพราะว่าศัตรูที่บุกมาโจมตีมีความน่ากลัวมากเกินไป เมืองด่านหน้าเหล่านี้จึงถูกตีแตก และอาณาจักรหงหวงก็ล่มสลาย แผ่นดินแตกกระจาย ผู้คนหายสาบสูญ แผ่นดินจำนวนมากก่อสร้างเป็นโลกใหม่ขึ้นในภพภูมิอื่น…”
“และบรรดาเมืองด่านหน้าที่ถูกตีแตกจนกลายเป็นดินแดนอันรกร้างนั้น พวกมันก็ได้เปลี่ยนเป็นสถานที่เก็บสมบัติมหาศาล เพราะศัตรูของอาณาจักรหงหวงประมาทมากเกินไป พวกเขาไม่สนใจไยดีเมืองร้างที่ไร้ผู้คนเหล่านี้ โดยหารู้ไม่ว่าที่นี่เก็บสะสมวัตถุเก็บพลังหรือสิ่งที่ใต้เท้าเรียกว่าลูกแก้วเทพเจ้าอยู่เป็นจำนวนมาก”
“นอกจากนี้ เมืองด่านหน้าที่รกร้างเหล่านี้ยังซ่อนไว้ด้วยประตูระหว่างภพภูมิที่ช่วยให้เดินทางไปมาหาสู่กันได้อีกด้วย…”
“กล่าวโดยสรุปก็คือบรรดาเมืองด่านหน้าที่ถูกทิ้งร้าง แท้จริงแล้วพวกมันถูกใช้เป็นสถานที่เก็บของวิเศษจำนวนมาก”
“เมืองด่านหน้าแต่ละแห่งล้วนมีลูกแก้วเทพเจ้า ชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ และอาวุธวิเศษซ่อนอยู่มากมาย”
“ต่อมา ด้วยเหตุผลกลใดไม่ทราบ กองทัพศัตรูของอาณาจักรหงหวงก็เริ่มถอนกำลังกลับไป พวกมันไม่สนใจออกสำรวจตามสถานที่รกร้างเหล่านี้ แต่ในเวลาเดียวกัน ผู้คนของอาณาจักรหงหวงเดิมก็ดูเหมือนจะลืมเลือนที่นี่ไปเช่นกัน…”
“ดังนั้น กลุ่มผู้รอดชีวิตที่เดินทางมาถึงดินแดนทวยเทพแห่งนี้ในยุคแรกจึงได้ค้นพบกับวัตถุเก็บพลัง พวกเขาสถาปนาตนเองเป็นเทพเจ้า และเรียกวัตถุเหล่านี้ว่าลูกแก้วเทพเจ้า โดยลืมเลือนไปเสียสนิทเลยว่าที่แท้พวกมันก็เป็นของบรรพบุรุษของตนเอง พวกเขาไม่รู้ว่ามันคืออะไร พวกเขารู้เพียงอย่างเดียวว่าเมื่อผู้คนดูดซับพลังจากลูกแก้วเทพเจ้า พวกเขาก็จะมีพลังแข็งแกร่งมากขึ้น”
“หลังจากนั้น กลุ่มเทพเจ้ายุคบุกเบิกก็ถือกำเนิดขึ้นมา และนี่ก็เป็นจุดกำเนิดของตำแหน่งเทพเจ้าที่สืบทอดกันมาจนถึงปัจจุบัน”
หญิงชราผมขาวบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดรวดเดียวจบ
เรียบง่ายได้ใจความ
หลินเป่ยเฉินรับฟังจนมึนงงไปหมด
รู้สึกเหมือนกำลังนั่งเรียนอยู่ในวิชาประวัติศาสตร์
มีข้อมูลมากมายเหลือเกิน
ซึ่งเป็นข้อมูลที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับเขาเท่าไหร่
เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นไม่ควรค่าต่อการจดจำสักนิด
“ที่ข้าส่งบุตรชายเข้าร่วมการแข่งขันก่อนหน้านี้ ก็เพียงหวังว่าเขาจะสามารถคว้าตำแหน่งผู้ชนะ เขาก็จะได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเทพเจ้า และเขาก็จะสามารถเปิดประตูระหว่างภพภูมิ ช่วยให้พวกเราเดินทางกลับสู่ดินแดนจูอวิ๋นได้อีกครั้ง แต่บุตรชายของข้าก็ได้พบเจอกับใต้เท้าและถอนตัวออกจากการแข่งขันเสียก่อน”
หญิงชราอธิบายเหตุผลที่ตนเองส่งบุตรชายเข้าร่วมการแข่งขันค้นหาเทพเจ้าหน้าใหม่
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “แต่ท่านป้าขอรับ เมื่อสักครู่นี้ ท่านเพิ่งบอกข้าเองนะว่าเจ้าอ้วนมีร่างกายไม่เหมาะสมสำหรับการรับตำแหน่งเทพเจ้า…”
“หืม? ข้าพูดเช่นนั้นหรือ?”
หญิงชราผมขาวถามกลับมาหน้าตาเฉย
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เขาขมวดคิ้วและหันหน้ามองมาที่แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้น
วิญญาณของราชาหมาป่าศิลาหันหน้ามองไปทางอื่น
เขาไม่อยากเข้าข้างฝ่ายใด
เพราะฝ่ายหนึ่งก็เป็นถึงองค์หญิงใหญ่
แต่อีกฝ่ายก็เป็นคนที่มีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในมือ… แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นต้องการตำแหน่งเทพเจ้าเพื่อเปิดประตูระหว่างภพภูมิสำหรับกลับสู่ดินแดนจูอวิ๋นอีกครั้ง
“ก็ได้ ข้าพูดเองนั่นแหละ”
หญิงชราผมขาวยิ้มออกมาเล็กน้อย “ข้าเพียงต้องการหยอกใต้เท้าเล่นเท่านั้น… แต่ร่างกายของบุตรชายข้าไม่เหมาะสมต่อการหลอมรวมตำแหน่งเทพเจ้าจริง ๆ …แต่ถึงกระนั้น เรื่องนั้นก็ไม่จำเป็นอีกแล้ว”
“เพราะเหตุใด?”
หลินเป่ยเฉินถามด้วยความสงสัย “ท่านป้าไม่อยากกลับบ้านเก่าแล้วหรือ?”
ให้ตายสิ
กลับบ้านเก่ามันหมายถึงตายแล้วไม่ใช่หรือ?
แม่ทัพใหญ่กุ้ยจวิ้นกำลังจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
หญิงชราผมขาวก็กล่าวขึ้นเสียก่อนว่า “เพราะดินแดนทวยเทพกำลังเกิดความโกลาหล… เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ทำให้มวลพลังที่ถูกกักเก็บไว้ได้รับการปลดปล่อยออกมา”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองท้องฟ้าของเมืองเยี่ยเฉิง
ท้องฟ้ายังคงปรากฏรอยแตกร้าว
เช่นเดียวกับพื้นดินใต้เท้าเขา โดยเฉพาะในพื้นที่เขตสาม ซึ่งมีสัตว์อสูรจากหุบผาอเวจีปรากฏตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง
“ประตูระหว่างภพภูมิได้ถูกเปิดออกอีกครั้ง พวกเราไม่จำเป็นต้องใช้ตำแหน่งเทพเจ้าก็สามารถกลับสู่ดินแดนจููอวิ๋นได้แล้ว” หญิงชราผมขาวกล่าว “แต่สำหรับผู้คนที่อยู่ในดินแดนทวยเทพ หากต้องการจะเดินทางไปสู่ดินแดนในภพภูมิอื่น ๆ นั้น ก็ยังคงจำเป็นต้องใช้พลังจากลูกแก้วเทพเจ้าอยู่ดี”
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้วใช้ความคิด
ดินแดนทวยเทพกำลังจะล่มสลายสินะ
นี่คือสิ่งที่น่าตื่นตระหนกมากกว่าประวัติศาสตร์ในอดีตหลายเท่า
เพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับความเป็นความตายของตัวเขาเอง
“แต่หากมีพลังจากลูกแก้วเทพเจ้าสนับสนุน ข้าก็มั่นใจประมาณเก้าในสิบส่วนว่า พวกเราจะต้องเดินทางกลับสู่ดินแดนจูอวิ๋นได้สำเร็จอย่างแน่นอน”
หญิงชรากล่าวต่อไป “แต่สิ่งที่ต้องจดจำให้ขึ้นใจก็คือ พวกเราจะหลอมรวมพลังศรัทธาและใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้เด็ดขาด เพราะหากพวกเราใช้พลังศักดิ์สิทธิ์เมื่อไหร่ ร่างกายก็จะถูกเผาไหม้และสูญสลายลงไปในทันตา ลูกแก้วเทพเจ้าเปรียบเสมือนดาบสองคม โดยเฉพาะลูกแก้วที่มีพลังมากเท่าไหร่ โอกาสรอดชีวิตของพวกเราก็ยิ่งน้อยลงมากเท่านั้น”