เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1424 ยอดฝีมือปรากฏตัวต่อเนื่อง
ตอนที่ 1,424 ยอดฝีมือปรากฏตัวต่อเนื่อง
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ภายในจวนผู้ว่าก็เกิดการฆ่าฟันทุกหนทุกแห่ง
นี่คือการสังหารหมู่แต่เพียงฝ่ายเดียว
กลุ่มตัวประหลาดขนขาวหลบหนีแตกกระเจิง
แต่ลมหายใจต่อมา พวกมันก็กลายเป็นศพไร้หัวหมดสิ้น
“แม่นางเฉียนเหมย เลิกวางมาดได้แล้ว รีบมาช่วยเหลือผู้คนเร็วเข้า”
เสียงที่น่าขนลุกบอกไม่ได้ว่าเป็นเสียงบุรุษหรือสตรีดังขึ้น แต่การลงมือโจมตีของเจ้าของเสียงน่ากลัวมากกว่านั้น เพราะระหว่างที่พูดอยู่นี้ ไม่ทราบเลยว่ากลุ่มตัวประหลาดขนขาวต้องตายไปอีกกี่ตัวแล้ว
“ข้าไม่ได้วางมาดสักหน่อย”
เฉียนเหมยพูดอย่างผู้ชนะ “พี่หลินฮุน อย่าบอกนะว่าท่านอิจฉาข้า ฮ่า ๆๆ ข้าเพิ่งล้มผู้ที่ได้รับพลังเทพเจ้าของพวกมันสำเร็จเชียวนะ”
นางเพิ่งสังหารผู้แข็งแกร่งของเผ่าอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กได้จริง ๆ
เจ้าของเสียงที่น่าขนลุกนั้นพ่นลมผ่านทางจมูกอย่างเย็นชา แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“เฉียนเหมย เจ้าเข้าไปเก็บกวาดในจวนผู้ว่า คอยช่วยเหลือผู้อาวุโสฉีด้วย”
อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างนุ่มนวลชวนให้รู้สึกสนิทสนมโดยไม่รู้ตัว
ศิษย์สาวทั้งสองของสำนักคฤหาสน์กำยานมองไปทางต้นเสียง บนยอดหลังคาที่อยู่ห่างออกไป หญิงสาวในชุดสีขาวยืนถือกระบี่อยู่บนนั้น นางมีรูปลักษณ์งดงามคล้ายกับหลินเฉียนเหมยทุกกระเบียดนิ้ว เพียงแต่แววตามีความอ่อนโยนและดูฉลาดเฉลียวมากกว่ากันเท่านั้น
“แม่นางระวัง!”
หนึ่งในศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานพลันอุทานออกมา
เพราะนางเห็นตัวประหลาดขนขาวตัวหนึ่งแอบย่องหมายเข้ามาลอบโจมตีสตรีบนหลังคาจากทางด้านหลัง
วูบ!
เงากระบี่สีเงินพุ่งวาบ
แล้วตัวประหลาดขนขาวตัวนั้นก็ร่างระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
แม้ตัวประหลาดตัวนี้จะเป็นผู้อาวุโสระดับสูงที่ได้รับการประทานพรจากเทพเจ้า แต่มันก็ไม่สามารถรับลำแสงกระบี่นี้ได้
หญิงสาวผู้มีหน้าตาอ่อนโยนค่อย ๆ ลดกระบี่ในมือลง ราวกับเพิ่งทำเรื่องที่ปกติธรรมดาเสร็จสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นศิษย์สาวของสำนักคฤหาสน์กำยาน หรือบรรดาตัวประหลาดขนขาวที่ยังเหลือรอดอยู่ ทั้งหมดล้วนตกอยู่ในความตื่นตะลึงทั้งสิ้น
เหตุไฉนผู้อาวุโสผู้แข็งแกร่งของพวกมันถึงถูกฆ่าตายได้ง่ายดายถึงเพียงนี้?
หนึ่งในศิษย์สาวของสำนักคฤหาสน์กำยานนึกอะไรได้บางอย่าง จึงกล่าวว่า “แม่นางผู้กล้า… พวกเรารีบหลบหนีกันก่อนดีหรือไม่?”
“หลบหนีอย่างนั้นหรือ?”
ในที่สุด เฉียนเหมยก็หยุดวางมาดเท่เลียนแบบหลินเป่ยเฉินและหันมาพูดกับศิษย์ของฮั่วเฟยฮัวทั้งสองคนว่า “พวกเจ้าคงมีวิธีการสื่อสารพิเศษภายในสำนักใช่หรือไม่ ถ้าอย่างนั้น แจ้งเตือนให้เพื่อนร่วมสำนักของพวกเจ้าทุกคนออกมารวมตัวกันที่นี่เดี๋ยวนี้”
“ที่นี่หรือเจ้าคะ? ไม่ใช่ว่าพวกเราสมควรแยกย้ายกันหลบหนีหรอกหรือ?”
หนึ่งในศิษย์ของฮั่วเฟยฮัวอุทานด้วยความประหลาดใจ
ในตัวเมืองขณะนี้ ไม่มีที่ไหนจะเป็นศูนย์รวมของเผ่าอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กมากไปกว่าจวนผู้ว่าอีกแล้ว หากให้ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่ ไม่ใช่ว่าคนของสำนักคฤหาสน์กำยานที่ยังหลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองนี้จะหลบหนียากขึ้นอีกหรือ?
สมมติว่าพวกนางถูกจับตัวโดยพวกของวิหารเทพตะวัน ก็เป็นเรื่องยากที่จะสามารถหลบหนีได้แล้ว
“มารวมตัวกันที่นี่แหละ”
หญิงสาวผู้มีหน้าตาอ่อนโยนพูดลงมาจากหลังคา “ไม่ต้องห่วง พวกเราเตรียมการรับมือไว้แล้ว รีบส่งข้อความบอกศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานให้มารวมตัวกันที่นี่เถอะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็… ได้เลยเจ้าค่ะ”
เสี่ยวชิงหนึ่งในลูกศิษย์ของฮั่วเฟยฮัวกัดฟันตัดสินใจทำตามคำสั่งของเฉียนเหมย
วี้ด! วี้ด! วี้ด!
เสียงหวีดแหลมสูงดังออกมาจากกระบี่ในมือของเสี่ยวชิง
เสี่ยวเหิงผู้เป็นสหายของนางพูดว่า “ยังมีพวกเราบางส่วนถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดิน เกรงว่าพวกนางคงไม่อาจมาได้ พวกเรา….”
“วางใจเถอะ มีคนเข้าไปช่วยพวกนางแล้ว”
หญิงสาวผู้อ่อนโยนบนหลังคาตอบพร้อมกับยิ้มกว้าง
ทันใดนั้น นางก็นำวัตถุโลหะสีเงินรูปทรงสามเหลี่ยมแปลกประหลาดออกมาจำนวนหกชิ้น ซึ่งแท่งเหล็กเหล่านี้สามารถนำมาประกอบรวมกันเป็นวงแหวนรูปทรงหกเหลี่ยมบนพื้นดินได้อย่างสวยงาม หลังจากนั้น สตรีผู้อ่อนโยนก็นำศิลาบูชาวางลงไปในวงแหวน ก่อนจะโคจรพลังลมปราณใส่เข้าไป
ครืด!
วงแหวนหกเหลี่ยมเกิดการสั่นสะเทือนเล็กน้อย
ฉับพลันนั้น ม่านพลังรูปทรงประตูก็ก่อตัวขึ้นมา
นี่คือ… ค่ายอาคมสำหรับการเคลื่อนย้ายผู้คนใช่หรือไม่?
ศิษย์สาวทั้งสองต่างก็ตกตะลึง
ต้องอย่าลืมว่าจวนผู้ว่าแห่งนี้ผ่านการลงค่ายอาคมอย่างหนาแน่น ทำให้นอกจากพวกของตัวประหลาดขนขาวแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดสามารถใช้งานประตูมิติได้อีก อย่าว่าแต่ที่นี่ยังมีหัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพตะวันคอยเฝ้าระวัง…
แล้วประตูมิติหกเหลี่ยมเบื้องหน้าพวกนางนี้จะสามารถเคลื่อนย้ายผู้คนได้จริง ๆ หรือ?
เสี่ยวชิงคิดมาถึงตรงนี้…
ม่านพลังรูปทรงประตูก็เกิดการสั่นไหว
พริบตานั้น สตรีร่างสูงผู้สวมใส่ชุดเครื่องแบบคล้ายกับอาจารย์ในสำนักศึกษาก็เดินออกมาจากประตูมิติ
นางมีร่างกายสูงเพรียว ผมยาวเป็นลอนม้วนงอเล็กน้อย ลักษณะเหมือนผู้คงแก่เรียน
แต่บนใบหน้าของสตรีผู้นี้กลับมีรอยแผลเป็นคล้ายตะขาบยักษ์น่าเกลียดน่ากลัวพาดอยู่ครึ่งใบหน้า
ความไม่เข้ากันของแผลเป็นอัปลักษณ์กับความสง่างามของนางเกิดเป็นเสน่ห์ที่ลึกลับอย่างยิ่ง
“พี่เยว่ คราวนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว”
หลินเฉียนเหมยผู้ดุดันอำมหิตพูดกับพี่เยว่ท่านนี้ด้วยความเคารพเป็นอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าวางใจเถอะ”
นางพยักหน้า รอบตัวเกิดเป็นลำแสงระยิบระยับ ลำแสงเหล่านั้นมาจากอุปกรณ์โลหะหน้าตาประหลาดที่นางนำออกมาจากที่เก็บของวิเศษ ได้ยินเสียงโลหะกระทบกันดังเกรียวกราว และชิ้นส่วนโลหะเหล่านั้นก็รวมร่างกันโดยสมบูรณ์
เพียงพริบตาเดียว ประตูมิติบานเล็กก็ขยายขนาดกลายเป็นประตูเหล็กที่สามารถรองรับผู้คนได้ถึงครั้งละสิบคน
และนี่ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่บรรดาลูกศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานมารวมตัวกันพอดี
อุปสรรคขัดขวางระหว่างทางของพวกนาง ล้วนถูกเจ้าของเสียงแหบแห้งที่ไม่ทราบว่าเป็นบุรุษหรือสตรีกำจัดไปหมดสิ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ ทั่วจวนผู้ว่าก้องกังวานไปด้วยเสียงตะโกนและการฆ่าฟัน
ชายชราผมสีเทาที่มีร่างกายกำยำผิวสีทองแดงถือกระบี่อยู่ในมือ ฆ่าฟันตัวประหลาดขนขาวด้วยความแข็งแกร่ง
เด็กสาวผู้มีผมสีเหลืองอ่อนควงกระบี่คู่ด้วยความรวดเร็วราวสายลม
เด็กสาวผู้มีหน้าตามุ่งมั่นใช้รูปแบบการต่อสู้ที่ดุดันสังหารผู้อาวุโสระดับเซียนของเผ่าอมนุษย์ผมขาวเกราะเหล็กเสียชีวิตในกระบี่เดียวถึงสามตัว…
และก็ยังมีบุรุษหนุ่มที่ท่าทางคล้ายกับนักปรุงยาคอยโปรยอะไรบางอย่างออกจากมือตลอดเวลา ผงสีขาวลอยไปตามสายลม บรรดาตัวประหลาดขนขาวที่ได้สูดดมหรือสัมผัสผงขาวเหล่านั้นเข้าไป พวกมันก็จะหมดสติไปทันที…
มีแต่คนลักษณะแปลกประหลาด
แต่พลังกลับแข็งแกร่งยิ่ง
ผู้อาวุโสประจำเผ่าอมนุษย์ผมขาวที่มีพลังอยู่ในขั้นเซียนถูกฆ่าราวกับเป็นผักปลาไม่อาจหนีรอดความตาย
“ในกลุ่มสัมพันธมิตรมียอดฝีมือมากมายถึงขนาดนี้เชียวหรือ?”
เสี่ยวเหิง ผู้เป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของฮั่วเฟยฮัวอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ
ในที่สุด เหล่าศิษย์ของสำนักคฤหาสน์กำยานที่ถูกขังในคุกใต้ดินก็ได้รับการปล่อยตัวและมาถึงประตูมิติกันเรียบร้อยแล้ว
…
ตู้ม!
ลำแสงทองคำพุ่งเข้ามากระชั้นชิดอีกครั้ง
คราวนี้มันรวมตัวเป็นรูปมือยักษ์ข้างหนึ่ง
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่จำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าไปโจมตี
หากมองจากด้านบนลงไปในขณะนี้ ก็จะพบว่าบนพื้นดินปรากฏหลุมยุบรูปฝ่ามือขนาดใหญ่เป็นจำนวนมาก
วูบ!
บุรุษหนุ่มแขนด้วนไม่อาจหลบหนีได้อีกแล้ว
เขาทิ้งตัวลงไปยืนหอบหายใจอยู่บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หน้าอกไหวกระเพื่อมอย่างรุนแรง
ฮั่วเฟยฮัวทราบดีว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายถึงขีดสุด เมื่อไม่สามารถรักษาความเร็วได้คงเดิม นั่นก็หมายความว่าพวกตนเองคงไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้ว
“คงจบสิ้นกันเพียงเท่านี้เอง”
นางหัวเราะเยาะชะตากรรมของตนเองอยู่ในใจ
“ตายซะเถอะ”
เสียงของหัวหน้านักบวชประจำวิหารเทพตะวันก้องกังวานทั่วแผ่นฟ้า น้ำเสียงเย็นชาอำมหิต มวลพลังรูปฝ่ามือทองคำพลันกดทับลงมาอย่างรวดเร็ว
มวลอากาศปั่นป่วนรุนแรง
พลังกดดันหนักหน่วงทำให้ผู้คนหายใจไม่ออก
บุรุษหนุ่มแขนด้วนและฮั่วเฟยฮัวแทบขยับร่างกายไม่ได้อีกแล้ว
“ท่านรีบหนีไปเถอะ”
ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย ฮั่วเฟยฮัวคำรามออกมาว่า “ทิ้งข้าไว้ที่นี่”
บุรุษหนุ่มแขนด้วนดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ ผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของเขาปลิวไสวตามแรงลม ตอบรับเบา ๆ ว่า “พวกเราปลอดภัยแล้ว”
“ว่าไงนะ?”
ฮั่วเฟยฮัวอุทานออกมาแผ่วเบา
เขายังจะทำอะไรได้อีกหรือ?
ทันใดนั้น พื้นดินใต้เท้ากลับเกิดการสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
คล้ายกลับมีผู้คนทุบพื้นดินอย่างแรง
วูบ!
ในลมหายใจนั้น เด็กหนุ่มร่างอ้วนพลันทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าจากด้านหลังภูเขาและต่อยหมัดของตนเองใส่ฝ่ามือทองคำที่กดทับลงมา
ปรากฏว่าการสั่นสะเทือนของพื้นดินเมื่อสักครู่นี้ เป็นเพราะเด็กหนุ่มร่างอ้วนกระทืบเท้าเพื่อส่งตนเองลอยขึ้นไปในอากาศ
“เป็นเขาหรือ?”
ฮั่วเฟยฮัวจดจำใบหน้าและตัวตนของเด็กหนุ่มร่างอ้วนผู้นี้ได้ดี