เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1427 หวังจงแสดงฝีมือ
ตอนที่ 1,427 หวังจงแสดงฝีมือ
ฮั่วเฟยฮัวมองไปที่หวังจง ผู้อาวุโสยอดฝีมือ
สถานการณ์ในขณะนี้ หากจะมีผู้ใดสามารถช่วยเหลือได้ ก็ต้องเป็นชายชราผู้นี้เอง
แต่หวังจงกลับไม่แสดงท่าทีลงมือ
“เทพอสูรเหล่านี้ไม่ได้เป็นอมตะ พวกมันแค่แข็งแกร่งกว่าคนทั่วไปเท่านั้น”
ชายชราพูดพลางหัวเราะอย่างปลอดโปร่ง ก่อนจะก้าวถอยหลัง “เป็นเพียงสุนัขรับใช้ที่ต่ำต้อย กล้าส่งเสียงเห่ารบกวนผู้คนถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
เทพอสูรไม่ได้เป็นอมตะ?
สุนัขรับใช้ที่ต่ำต้อย?
ฮั่วเฟยฮัวมองหน้าหวังจงด้วยความสงสัย
นี่คือคำพูดที่แสดงออกถึงความมั่นใจในตนเองเหลือเกิน
เป็นไปตามคาด สีหน้าของหัวหน้านักบวชแห่งเผ่าเทพตะวันแปรเปลี่ยนไป
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
หัวหน้านักบวชจ้องมองหวังจง รู้เพียงแต่ว่าตนเองไม่สามารถสัมผัสได้ถึงพลังอันแข็งแกร่งจากชายชราผู้นี้ แต่สีหน้าที่มั่นอกมั่นใจของหวังจง ก็ทำให้หัวหน้านักบวชประมาทไม่ได้ “เจ้าเรียกข้าว่าเป็นสุนัขรับใช้ต่ำต้อย? แล้วตัวเจ้าสูงส่งมาจากที่ใดกัน?”
หวังจงหัวเราะเยาะ ตอบกลับไปว่า “เจ้าไม่สมควรได้รู้”
หัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพตะวันชักสีหน้าด้วยความโกรธแค้น
แต่ยิ่งหวังจงแสดงความหยิ่งยโสมากเท่าไหร่ หัวหน้านักบวชก็รู้สึกตื่นตระหนกมากเท่านั้น เพราะเขาเข้าใจว่าชายชราผู้นี้ต้องซ่อนเร้นพลังที่แข็งแกร่งอยู่แน่นอน
แต่ก็เป็นเพียงความตื่นตระหนกเท่านั้น
“ข้ามีนามว่าพานชิว เจ้าเป็นผู้ใดมาจากไหน ได้โปรดบอกนามของเจ้าออกมา”
หัวหน้านักบวชบอกชื่อแซ่ของตนเองและตัดสินใจที่จะลงมือแล้ว
คลื่นพลังทองคำแผ่กระจายไปรอบบริเวณ พลังศักดิ์สิทธิ์กดดันในอากาศ ลำแสงทองคำหลอมรวมกลายเป็นหอกเล่มหนึ่ง หัวหน้านักบวชยกมือขึ้นและขว้างหอกออกไป
วูบ!
หอกทองคำเปลี่ยนเป็นมังกรตัวใหญ่ระเบิดเสียงคำรามพิฆาต
“อย่างที่บอกนะ เจ้าไม่สมควรได้รู้ชื่อของข้า”
หวังจงยังคงยืนเอามือไขว้หลัง แม้สองขาที่อยู่ใต้เสื้อคลุมจะสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้ แต่เขาก็พยายามควบคุมสีหน้าให้สงบสุขุมมากที่สุด “สหาย ท่านจะรอไปจนถึงเมื่อไหร่… เหตุไฉนจึงไม่ลงมืออีก?”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
วูบ!
ลำแสงกระบี่สีแดงเข้มก็พุ่งผ่านอากาศ
วูบ!
ทันใดนั้น หอกทองคำถูกสลายกลายเป็นเศษพลังไร้ตัวตน
ลำแสงกระบี่นั้นยังคงเหลืออานุภาพพุ่งตรงไปยังหัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพตะวัน
“นี่มันอะไรกัน?”
หัวหน้านักบวชอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก ม่านพลังสีทองคำครอบคลุมร่างกาย เกิดเป็นชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ป้องกันการโจมตี
ตู้ม!
ลำแสงกระบี่พุ่งเข้ามาปะทะกับชุดเกราะ เกิดเป็นแรงระเบิดอันหนักหน่วง
ร่างของหัวหน้านักบวชลอยกระเด็นออกไป
ชุดเกราะทองคำบนร่างกายสลายหายไปทันที
ลำแสงกระบี่สีแดงนั้นทะลวงร่างกาย ส่งผลให้โลหิตสาดกระจายในอากาศ…
ใบหน้าของหัวหน้านักบวชบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
นี่คือพลังเวทมนตร์
ลำแสงกระบี่สีแดงนี้คือพลังเวทมนตร์ที่แท้จริง
พลังเวทมนตร์ที่มีความแข็งแกร่งมากพอจะเอาชีวิตของเขาได้
ระดับการทำลายล้างจึงแตกต่างจากหนึ่งคนหนึ่งหนูอสูรเมื่อสักครู่นี้ลิบลับ
“เจ้าเป็นใคร?”
หัวหน้านักบวชรีบถอยไปตั้งหลักและมองไปยังฝั่งตรงข้าม
บนยอดเขาที่สูงตระหง่าน ร่างกำยำลอยอยู่ในอากาศ ใบหน้าหล่อเหลาอย่างหาได้ยากยิ่ง มือข้างหนึ่งถือกระบี่หิน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ราวกับนกเพลิง ผมยาวปลิวไสวตามแรงลม ดูสูงส่งและน่าเกรงขาม
“เซียนกระบี่ติงเล่ย?”
คำอุทานนั้นหลุดออกมาจากปากของฮั่วเฟยฮัว
นางจดจำได้ทันทีว่าบุรุษหนุ่มรูปงามที่ปรากฏตัวออกมาในขณะนี้ คือติงซานฉือซึ่งปลุกพลังศักดิ์สิทธิ์ในตนเองออกมาได้ทั้งหมดแล้ว
เขาคืออาจารย์ของหลินเป่ยเฉิน
ในการประลองกระบี่ที่เมืองไป๋หยุน ติงซานฉือสามารถหลอมรวมพลังและปลดผนึกตัวตนที่แท้จริงของตนเองกลับมา ความจริงในเรื่องนี้ มีเพียงฮั่วเฟยฮัวและผู้อาวุโสในสำนักระดับสูงเท่านั้นที่รับทราบ
และติงซานฉือก็เป็นหนึ่งในแกนนำใหญ่ของกลุ่มสัมพันธมิตร ที่ลุกขึ้นมาต่อต้านพวกของวิหารเทพพงไพร
ในที่สุด เขาก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว
เขาเองก็มีสถานะเป็นเทพอสูรเหมือนกันไม่ใช่หรือ?
ย่อมสามารถเอาชนะหัวหน้านักบวชแห่งวิหารเทพตะวันได้ไม่ยาก
ความวิตกกังวลบนสีหน้าของฮั่วเฟยฮัวสลายหายไป
ในอากาศ ติงซานฉือควงกระบี่หินในมืออย่างรวดเร็ว เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น กระบี่ในมือก็ขยายขนาดใหญ่ยาวมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า เมื่อเทียบขนาดของกระบี่กับลำตัวของติงซานฉือแล้ว ตัวเขาแทบจะกลายเป็นเพียงมดปลวกตัวหนึ่ง
แต่ติงซานฉือยังคงสามารถควบคุมกระบี่ได้อย่างไม่มีปัญหา
ตู้ม!
เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ! เปรี๊ยะ!
ม่านพลังที่กำบังรอบกายของหัวหน้านักบวชพลันเกิดรอยแตกร้าว…
คลื่นพลังกดดันไหลทะลักเข้าโจมตี
“รีบหนีไป”
ติงซานฉือตะโกน
“ประเสริฐ เรายังมีเรื่องสำคัญต้องไปทำ… ปล่อยให้พวกเขาสนุกกันต่อไปเถอะ” หวังจงเสแสร้งแกล้งถอนหายใจอย่างไม่เต็มใจ
หลังจากนั้น เขาก็หมุนตัวกลับมาจับขาหน้าของอากวงและกล่าวว่า “ข้าจะให้โอกาสเจ้าพาพวกเราไป…”
แต่ทันใดนั้น…
“จะหนีไปไหน”
เสียงคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดดังลงมาจากท้องฟ้า
เสียงที่ฟังดูน่าเกรงขามและน่าหวาดกลัว
ทุกคนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันมหาศาล
แล้วดวงตะวันสีทองคำขนาดใหญ่ยักษ์ก็ปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ดวงตะวันทองคำสาดลำแสงปกคลุมรัศมีสามร้อยลี้ ความร้อนของแสงตะวันทำให้ต้นไม้ใบหญ้าในรัศมีนั้นลุกไหม้ในพริบตา สิ่งมีชีวิตทุกชนิดถูกเผาไหม้เกรียม พื้นดินเกิดรอยแตกร้าว…
นับเป็นพลังทำลายล้างที่น่าสะเทือนขวัญยิ่งนัก
เซียวปิงที่กำลังนำน่องไก่ย่างออกมารับประทานถึงกับหยุดชะงัก!
“จี๊ด”
อากวงแสดงความตกตะลึงออกมาทางสีหน้า
แม้แต่บุรุษหนุ่มแขนด้วนก็มีสีหน้าที่แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขารีบปลดปล่อยพลังสีเงินออกมาจากร่างกายเพื่อต้านทานมวลความร้อนสูงที่แผ่เข้ามา…
นี่คือการโจมตีของเทพเจ้าระดับใด?
ย่อมไม่ใช่เทพเจ้าระดับสามัญอย่างแน่นอน
“นี่มันเทพเจ้าระดับสูง…”
หวังจงร้องตะโกนด้วยความตื่นตระหนก เส้นผมบนศีรษะถูกมวลความร้อนเผาจนหงิกงอ
“เป็นเพียงสุนัขต่ำต้อยจากภพภูมิอื่น คิดมาอาละวาดต่อหน้าพวกเราเผ่าเทพตะวันหรือ?”
สิ้นเสียงที่น่าเกรงขามนั้น หอกทองคำเล่มหนึ่งก็ถูกขว้างปาออกมาจากในดวงตะวันสีทองคำ
เป็นหอกเล่มใหญ่
เคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว
ติงซานฉือยกกระบี่หินขึ้นตั้งรับ
เปรี้ยง!
กระบี่หินสั่นสะเทือน
แต่ลำแสงกระบี่สีแดงเข้มก็พุ่งออกไป
ในที่สุด หอกทองคำเล่มนั้นก็ถูกทำลายลง
แต่ว่า…
“ฟู่…”
ติงซานฉือกระอักเลือดออกมาจากปาก ร่างกายซวนเซ
ตัวคนร่วงลงจากกลางอากาศ
เขาพ่ายแพ้แล้ว
“พวกเรารีบหนีกันเถอะ”
เมื่อหวังจงเห็นเช่นนี้ สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ร้องตะโกนออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ท่านผู้อาวุโสได้โปรดช่วยเหลือผู้คนด้วย”
ฮั่วเฟยฮัวขอร้องออกมาเสียงดัง
“ข้า…”
หวังจงพยายามอธิบาย “ข้ามีเรื่องอื่นต้องไปทำ…”
วูบ!
ติงซานฉือร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า
อาการบาดเจ็บสาหัสทำให้เขาไม่อาจควบคุมร่างกายได้
เซียวปิงโยนน่องไก่ทิ้งไปและรีบกระโดดออกไปรับตัวติงซานฉือเอาไว้ได้ทันเวลาอย่างหวุดหวิด
“จี๊ด”
อากวงก็ส่งเสียงร้องออกมาด้วยความร้อนรนเช่นกัน
ขณะนี้ พลังกดดันจากดวงตะวันทองคำยิ่งเพิ่มความหนักหน่วงรุนแรงมากขึ้น
ไม่มีทางที่พวกของติงซานฉือจะสามารถหลบหนีได้เลย
สถานการณ์เลวร้ายถึงขีดสุด
“เฮ้อ”
หวังจงพลันถอนหายใจออกมา “ดูเหมือนว่าข้าคงต้องแสดงฝีมือแล้วสินะ พวกท่านถอยไปก่อน นี่คือกระบวนท่าที่เรียกว่ากระบี่ถล่มวิมานเทพ พลังทำลายล้างของมันอาจทำให้พวกท่านได้รับบาดเจ็บสาหัสโดยไม่ได้ตั้งใจ…”
พวกของฮั่วเฟยฮัวรีบถอยร่นไปยืนอยู่ห่างไกลหลายสิบวา
หวังจงก้าวออกมาข้างหน้าอย่างแช่มช้า สูดหายใจลึก ๆ ประทับมือลงบนหน้าอก ก้มตัวลงและย่อขาโน้มกายมาข้างหน้าเล็กน้อย…
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด
ราวกับว่าในอีกไม่กี่ลมหายใจข้างหน้า การโจมตีอันรุนแรงหนักหน่วงที่สุดในโลกจะถูกแสดงออกมาแล้ว
ฮั่วเฟยฮัวยกมือกุมหน้าอกด้วยความลุ้นระทึก
ทันใดนั้น…
ตุบ!
หวังจงก็คุกเข่าลงไปบนพื้นดิน