เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 144 ท่านต้องชอบมันแน่
บทที่ 144 ท่านต้องชอบมันแน่
แต่แล้วหลินเป่ยเฉินก็ต้องผิดหวัง เพราะผลการค้นหาไม่พบเจอผู้ใช้งานที่อยู่ใกล้ตัวเขาเลยสักคน
“สรุปว่าตอนนี้วีแชทยังไร้ประโยชน์อยู่จริงๆ ด้วย แต่มันอาจมีฟังก์ชั่นบางอย่างที่เรามองข้ามไปก็ได้”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่หมดหวังเสียทีเดียว
กว่าจะโหลดแอปนี้ลงโทรศัพท์ได้ เขาต้องสูญเสียการโอนถ่ายข้อมูลถึง 30 GB นั่นหมายความว่าเจ้าแอปวีแชทจะต้องมีความสามารถอย่างอื่นซ่อนอยู่แน่นอน
ว่าแต่เขามองข้ามอะไรไปนะ?
ในขณะที่หลินเป่ยเฉินกำลังเค้นสมองใช้ความคิดอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
ก๊อก! ก๊อก!
“นายน้อยขอรับ อาจารย์ฉู่มาหาขอรับ”
เสียงพ่อบ้านหวังจงรายงานอยู่หน้าประตู
“อาจารย์ฉู่เหิน?” หลินเป่ยเฉินไม่กล้าทำเป็นเมินเฉย
เด็กหนุ่มรีบสวมใส่เสื้อผ้า เปิดประตูออก และเดินลงไปสู่ห้องรับรองของชั้นหนึ่ง
“อาจารย์ฉู่ ลมอะไรหอบมาขอรับเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งทำเป็นประหลาดใจ ก่อนหันหน้าไปสั่งงานพ่อบ้านหวัง “ยังไม่รีบไปชงน้ำชามารับแขกอีก”
ฉู่เหินทรุดกายนั่งลงบนเก้าอี้ พูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “วันก่อนเจ้าโดดเรียนอีกแล้วนะ อาจารย์ของเจ้าบ่นกับข้าหูชาเสียทีเดียว ในฐานะอาจารย์ประจำชั้นปี ข้าถึงต้องมาดูว่าเพราะอะไรเจ้าไม่ไปเข้าเรียน”
หลินเป่ยเฉินรีบตอบโดยเร็ว “เมื่อเช้านี้พอตื่นขึ้นมา ข้าก็รู้สึกไม่สบายแล้วขอรับ เกรงว่าอาจจะติดโควิด – 19 ก็เป็นได้”
“ติดโคขวิด?”
ฉู่เหินขมวดคิ้วด้วยความไม่เข้าใจ
หลินเป่ยเฉินนึกด่าตัวเองอยู่ในใจที่พูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย “คือข้าน้อยไม่สบายขอรับ ว่าแต่ว่า…เอ ข้าสั่งให้หวังจงไปแจ้งอาจารย์แล้วนะขอรับว่าขอลาหยุด หวังจง เจ้าแก่สมองหมาหวังจง เจ้ากล้าไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของข้าหรือ?”
หวังจงปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งพร้อมถาดน้ำชา สีหน้าของชายชรางงงวยเป็นอย่างยิ่ง
“แต่นายน้อยไม่ได้สั่งอะไรข้านะขอรับ”
ทว่า นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ชายชราต้องสวมบทแพะรับบาป และเขาก็ฉลาดพอที่จะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ดังนั้น พ่อบ้านหวังจึงรีบคุกเข่าลง พูดด้วยน้ำเสียงสุดแสนจะเสียใจ “โอ๊ะ ข้าน้อยสมควรตาย ข้าลืมคำสั่งของนายน้อยเสียสนิทเลย”
ฉู่เหินจะเชื่อลงได้อย่างไร!
ดูก็รู้ว่าโกหกทั้งนายทั้งบ่าว
แต่บัดนี้มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ
อีกอย่าง หลินเป่ยเฉินมีสถานะเป็นลูกศิษย์อันดับหนึ่งประจำใจฉู่เหิน
อย่าว่าแต่จะโดดเรียนสักวันสองวัน ต่อให้หลินเป่ยเฉินไม่เข้าเรียนตลอดปี ก็ไม่มีใครว่าอะไรเขาได้เด็ดขาด
ยิ่งไปกว่านั้น ระดับฝีมือของหลินเป่ยเฉินในปัจจุบัน ก็เกินหน้าศิษย์ประจำชั้นปีที่ 2 ไปหลายช่วงตัวแล้ว
ฉู่เหินยกถ้วยน้ำชาที่มีควันร้อนกรุ่นขึ้นมาเป่า ก่อนพูดออกมาอย่างแช่มช้า “อาจารย์ติงเที่ยวออกตามหาเจ้าไปทั่ว แต่เขาก็หาเจ้าไม่เจอ ตอนนี้ อาจารย์ติงเลยออกจากเมืองหยุนเมิ่งไปทำธุระแล้ว คงใช้เวลาอีกหลายกว่าจะกลับ แต่ก่อนออกเดินทาง เขาได้กำชับให้ข้าคอยดูแลเจ้า จากนี้ไป ถือว่าข้าก็เป็นอาจารย์ของเจ้าคนหนึ่งเหมือนกัน”
“อาจารย์ติงออกไปทำธุระนอกเมือง? อย่าบอกนะว่าจะเดินทางไปคิดบัญชีแค้นกับพวกตระกูลหมิง? นอกจากสังหารมือกระบี่อาวุโสประจำตระกูลของพวกเขาแล้ว อาจารย์ติงยังคิดกวาดล้างคนอื่นๆ ในตระกูลด้วยหรือ ช่างอำมหิตนัก”
ฉู่เหินพูดเหมือนอ่านความคิดของเด็กหนุ่มได้ “อย่าคิดว่าอาจารย์ของเจ้าเป็นคนใจดำอำมหิตเด็ดขาด ที่เขาทำทั้งหมดนี้ ก็เพื่อตัวเจ้าเอง”
หลินเป่ยเฉินกระพริบตาปริบๆ ด้วยความไม่เข้าใจ
ฉู่เหินอธิบายว่า “อาจารย์ของเจ้าไม่เคยชักกระบี่มา 16 ปี เพราะอะไรน่ะหรือ? ก็เพราะว่าเขาไม่มีคนให้คอยปกป้องน่ะสิ เขายอมสละภาพลักษณ์และชื่อเสียงในอดีตทั้งหมด จนคนจำนวนมากลืมไปแล้วว่าอาจารย์ของเจ้าเคยมีความน่าเกรงขามขนาดไหน… หลายคนถึงกับลืมไปด้วยซ้ำว่าเขาคือเซียนกระบี่ผู้หนึ่ง”
“แต่เป็นเพราะเจ้า อาจารย์ติงถึงได้กลับมาชักกระบี่ฆ่าคนอีกครั้ง เขาต้องการจะทวงคืนภาพลักษณ์และความน่าเกรงขามทั้งหมดกลับมา เพื่อที่พวกตัววายร้ายจะได้ไม่กล้ายุ่งเกี่ยวกับเจ้าอีก มีแต่เขาต้องทำวิธีนี้เท่านั้น เจ้าถึงจะปลอดภัย”
ต้องฆ่าเพื่อสร้างความหวาดกลัวอย่างนั้นหรือ?
เรียกว่าเป็นการเชือดไก่ให้ลิงดูก็คงไม่ผิดกระมัง?
หลินเป่ยเฉินคิดได้ดังนี้ก็ตกใจไม่น้อย
ในที่สุด เขาก็เข้าใจเจตนาของอาจารย์ติงแล้ว
“อาจารย์ของข้ามีศัตรูเยอะหรือเปล่าขอรับ?” หลินเป่ยเฉินพลันถามออกมาด้วยความลำบากใจ
เขาทำให้อาจารย์ต้องลำบากหรือเปล่านะ?
“คนพวกนั้นจะเรียกว่าศัตรูก็ไม่ใช่ แต่จะเรียกว่ามิตรก็ไม่เชิง เจ้าไม่ต้องสนใจหรอกว่าอาจารย์ติงมีศัตรูอยู่มากมายแค่ไหน เอาตัวเจ้าเองให้รอดก่อนเถอะ ตระกูลหลินตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง?” ฉู่เหินตอบคำถามด้วยการถามกลับมา
หลินเป่ยเฉินไม่รู้จะตอบอย่างไรดี
บิดาของเขาตอนที่ยังไม่ตายมีศัตรูอยู่มากมายขนาดไหน?
หลินเป่ยเฉินไม่รู้เลย
สงสัยคงคุยเรื่องนี้ต่อไม่ได้แล้ว
เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มไม่ยอมตอบคำใด ฉู่เหินจึงยกน้ำชาขึ้นจิบ แล้วกล่าวต่อ “เจ้าต้องสำนึกเอาไว้นะว่า อาจารย์ติงทำทุกอย่างก็เพื่อเจ้าคนเดียว ถ้าเจ้าอยากจะตอบแทนเขา ก็จงตั้งใจฝึกฝนให้มีพลังแข็งแกร่งมากกว่านี้…อยากได้อะไรก็บอกข้าแล้วกัน”
ได้ยินดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นทันที
เขารอคำนี้มานานแล้ว
เด็กหนุ่มพูดโดยไม่ลังเลว่า “มีหลายอย่างเลยขอรับที่ข้าต้องการ ไม่ว่าจะเป็นคัมภีร์เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ร่างกาย คัมภีร์ที่เน้นการฝึกพลังจิต แล้วก็คัมภีร์ฝึกวิทยายุทธ์ระดับ 3 ดาว 4 ดาว 5 ดาว หรือ 6 ดาวก็ได้ทั้งนั้นขอรับ ตอนนี้ข้ายังไม่มีเลยสักเล่ม แต่จะว่าไป…ข้าอยากได้คัมภีร์ฝึกวิชาระดับ 8 ดาว 9 ดาว หรือ 10 ดาวมากกว่าขอรับ ยิ่งระดับสูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งดีมากเท่านั้น อิอิ…”
ตัวช่วยที่จะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง รวมถึงวิชาที่ใช้ป้องกันตัวเอง คือสิ่งเร่งด่วนที่สุดในตอนนี้
ฉู่เหินตบศีรษะเด็กหนุ่มดังเพี้ยะ พูดด้วยความเดือดดาล “เจ้าคิดว่าข้ามาจากครอบครัวชนชั้นสูงหรือไง ถึงจะได้มีคัมภีร์ระดับ 9 ดาว 10 ดาวมาประเคนให้เจ้าได้เนี่ย? อีกอย่าง เจ้าเป็นมือกระบี่ จะเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งกำยำไปทำไม?”
หลินเป่ยเฉินยกมือลูบหัวตัวเองป้อยๆ ยิ้มแหยๆ ตอบกลับไปว่า “พอดีข้าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้น่ะขอรับ”
ฉู่เหินปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย “คิดอะไรได้อีก? รออาจารย์ติงกลับมา เจ้าไปคุยกับเขาเองก็แล้วกัน ข้าไม่มีปัญญาหามาให้เจ้าได้หรอก…เอาเถอะ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ข้ามาที่นี่เพื่อบอกให้เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม อีกไม่นาน ข้าจะพาเจ้าไปที่วิหารเทพกระบี่ เพื่อหาวิธีเปิดจุดก่อกำเนิดปราณธาตุ เจ้าจะได้เลื่อนระดับไปอยู่ขั้นปรมาจารย์เสียที”
“หา?”
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ดีใจเลย มิหนำซ้ำ เขาจะมีปัญหาเอาด้วยซ้ำ
เด็กหนุ่มไม่อยากไปที่วิหารเลยสักนิด
ได้ข่าวว่าที่นั่นมีเทพเจ้าตัวจริงอาศัยอยู่
เกิดเทพเจ้าล่วงรู้ว่าเขาเป็นวิญญาณจากต่างโลก ที่มาอยู่ในร่างของหลินเป่ยเฉิน แม้แต่ฉู่เหินที่รักเขาเหมือนบุตรชายของตัวเอง ก็คงไม่สามารถขัดขวางการจับตัวไปเผาทั้งเป็นได้อีก
“แต่ว่า…อาจารย์ฉู่ ข้าคิดว่ารากฐานพลังของข้าต่ำต้อยเกินไป ยังห่างไกลจากขั้นปรมาจารย์อีกมาก แล้วข้าจะสามารถปลุกพลังปราณธาตุขึ้นมาได้อย่างไร? รออีกหน่อยไม่ดีกว่าหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินพยายามหาทางหลีกเลี่ยง
ฉู่เหินยิ้มกว้างไม่พูดอะไร ส่งป้ายหินสีขาวลักษณะเกลี้ยงเกลาแผ่นหนึ่งมาให้
“มันคืออะไรหรือขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินรับมาถือโดยไม่รู้ตัว
แล้วเขาก็รู้สึกว่าพลังลมปราณในร่างกายกำลังถูกดูดลงไปในป้ายหินแผ่นนี้อย่างควบคุมไม่ได้
พรึบ!
พลัน ป้ายหินระเบิดกระจายเป็นเศษเล็กเศษน้อย
ควันสีดำกระจายเต็มในอากาศ
ใบหน้าที่หล่อเหลาของหลินเป่ยเฉินบัดนี้ มีคราบเขม่าสีดำจับอยู่เต็มไปหมด
“แบบนี้ยังจะพูดว่าระดับพลังต่ำต้อยอยู่อีกหรือ? นี่คือป้ายสำหรับวัดพลังลมปราณของผู้ฝึกยุทธ์ระดับ 10 มันระเบิดคามือเจ้าอย่างนี้ หมายความว่าพลังของเจ้าเลยระดับ 10 มาแล้วแน่นอน เอาเป็นว่าเช้าวันพรุ่งนี้เข้าเรียนกันเมื่อไหร่ ข้าจะพาตัวเจ้าไปที่วิหารเทพกระบี่เอง”
หลังจากนั้น ฉู่เหินก็ลุกขึ้นเดินจากไป ไม่เปิดโอกาสให้หลินเป่ยเฉินได้กล่าวอะไรสักคำ
หลินเป่ยเฉินนั่งอึ้งอยู่อย่างนั้นอีกเนิ่นนาน
“นี่มันอะไรกัน เจ้าเล่ห์ชะมัด!”
เขาตกหลุมพรางของฉู่เหินเสียแล้ว
เมื่อเห็นอาจารย์ฉู่เดินจากไป หลินเป่ยเฉินก็เริ่มใช้ความคิด
ดูเหมือนเขาคงไม่มีทางเลือก นอกจากเดินทางไปที่วิหารเทพกระบี่จริงๆ เสียแล้ว
สถานที่แห่งนั้นถือเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์ของมือกระบี่ทุกคน หากเขาเอาแต่ดึงดันปฏิเสธ อาจมีคนติดใจสงสัยเอาได้
“แม่งเอ๊ย! งานนี้จะซวยไหมวะเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินกำลังคิดด้วยความเป็นกังวล พ่อบ้านหวังจงก็เดินทำหน้าแป้นแล้นเข้ามาอีกครั้ง “นายน้อยขอรับ มีแขกมาเข้าพบอีกแล้วขอรับ”
“คราวนี้ใครอีก?” หลินเป่ยเฉินเงยหน้ามองแล้วออกคำสั่ง “พาตัวเข้ามา”
“ฝนก็ไม่ตก ขี้หมูก็ไม่ไหล แล้วทำไมวันนี้มีแขกมาหาเยอะจริง?”
ไม่กี่อึดใจต่อมา
เจาโจวหยาน ประมุขของหอการค้าสามพันโยชน์สาขาเมืองหยุนเมิ่ง เดินเข้ามาในห้องรับรองด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแสดงความเป็นมิตร
“ท่านลุงเจา ท่านมาทำอะไรที่นี่?” หลินเป่ยเฉินถามด้วยน้ำเสียงไม่รับแขก
เจาโจวหยานรีบตอบว่า “ข้ามาเพื่อขออภัยคุณชายโดยเฉพาะ สำหรับสิ่งที่บุตรชายของข้าได้กระทำลงไป ข้ารู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง จึงอยากนำอะไรบางอย่างมามอบเพื่อเป็นของกำนัลแก่คุณชาย ข้าได้รับทราบแล้วว่าคุณชายไม่ใช่คนหน้าเงิน เพราะฉะนั้น หากข้ามอบเงินให้กับคุณชายอีก คุณชายก็คงโกรธมากแล้ว…”
หลินเป่ยเฉินริมฝีปากกระตุกขึ้นทันที
“ใครบอกว่าเราไม่ใช่คนหน้าเงินวะ? เจอตัวพ่อจะโบกให้หัวทิ่มเลย โลกนี้มันไร้ความยุติธรรมเกินไปแล้ว”
เจาโจวหยานสังเกตอากัปกิริยาของหลินเป่ยเฉิน และพบว่าเด็กหนุ่มยังคงมีสีหน้าเรียบเฉย จึงยิ้มแย้มอย่างขออภัย แล้วกล่าวต่อไปว่า “ข้าขบคิดอยู่นานสองนาน แต่ก็ไม่รู้ว่าควรนำของขวัญอะไรมามอบให้แก่คุณชาย สุดท้ายก็เป็นเจ้าบุตรชายไม่รักดีของข้า ที่เตรียมของขวัญชิ้นนี้ให้แก่ท่าน ข้าเชื่อว่าท่านต้องชอบมันแน่”
“หืม? เจาอู๋หยางโดนจับหักแขนหักขาไปขนาดนั้น ยังมีอารมณ์มาเตรียมของขวัญให้อีกเหรอ? แถมรับประกันว่าเราต้องชอบด้วย? มันจะเป็นอะไรหว่า? อย่าบอกนะว่าเขาจะนำหญิงงามอันดับ 1 จากหอนางโลมมาส่งตัวให้ถึงที่นี่?”