เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1461 ข้ามันไร้ความสามารถ
ตอนที่ 1,461 ข้ามันไร้ความสามารถ
“ฆ่ามัน จงฆ่ามันผู้นั้นซะ…”
เทพอสูรกระดูกขาวพูดเสียงดังพร้อมกับชี้มือไปที่หลินเป่ยเฉิน “อย่าให้มนุษย์ผู้นี้ได้มีโอกาสก่อกรรมทำเข็ญต่อไปอีก”
หุ่นเหล็กมฤตยูร่างยักษ์ค่อย ๆ เดินตรงมาหาหลินเป่ยเฉิน ดวงตาเป็นสีแดงก่ำไม่ต่างจากสีเลือดและดวงตาของมันก็ยิงลำแสงกระบี่สองสายทะลุมวลอากาศพุ่งตรงเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินด้วยความรวดเร็วรุนแรง
“เร็วเข้า รีบหนีไป”
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่าร้องตะโกนด้วยความร้อนรน “พลังทำลายล้างของมัน ท่านต้านทานไม่ไหวหรอก…”
แต่คำพูดหลังจากนั้นก็ชะงักขาดหายไป
เพราะดวงตาของหลินเป่ยเฉินก็มีเปลวไฟพุ่งออกมาสองสายเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินมีความสามารถในการควบคุมพลังอัคคีเทวะจนสามารถพ่นไฟออกมาได้ตามอวัยวะทุกส่วนของร่างกายแล้ว
การพ่นไฟออกมาจากดวงตาจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ตู้ม!
ลำแสงกระบี่จากดวงตาของหุ่นเหล็กปะทะเข้ากับเปลวไฟจากดวงตาของหลินเป่ยเฉิน
บนท้องฟ้าเกิดการระเบิดรุนแรง
ลำแสงกระบี่จากดวงตาของหุ่นเหล็กมฤตยูสลายหายไปในทันที
และร่างขนาดใหญ่ยักษ์ของมันก็ต้องเซถอยหลังไปเมื่อถูกเปลวไฟจากดวงตาของหลินเป่ยเฉินพุ่งเข้าไปกระแทกใส่
หลงหน่ายกมือปิดปากด้วยความเหลือเชื่อ
แม้แต่หุ่นเหล็กมฤตยู… ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อกรของบุคคลผู้นี้อีกหรือ?
เขาเป็นใครกันแน่?
เทพอสูรกระดูกขาวที่ลอยตัวอยู่บนท้องฟ้าถึงกับหยุดชะงัก
รู้ตัวอีกที บนท้องฟ้าก็เต็มไปด้วยเมฆฝนดำทมิฬที่มีสายฟ้าแลบแปลบปลาบ
หุบเขาแม่น้ำแดงที่เคยมีแสงตะวันสว่างสดใส เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ทุกอย่างก็ถูกปกคลุมอยู่ภายใต้รัศมีเงามืดของก้อนเมฆดำทมิฬ
เสียงท้องฟ้าคำรามสั่นสะท้านจิตใจผู้คน
น่ากลัวเสียยิ่งกว่าพลังกดดันที่แผ่ออกมาจากร่างกายหลินเป่ยเฉินในขณะนี้เสียอีก
เพราะนี่คือการควบคุมฟ้าฝนที่เป็นพลังเทพเจ้าอย่างแท้จริง
เทพอสูรกระดูกขาวหัวใจสั่นไหวระรัว
ถึงตัวมันจะเป็นเทพอสูรโดยกำเนิด แต่ก็มีสถานะเป็นเพียงเทพเจ้าขั้นกลางเท่านั้น แต่พลังที่เด็กหนุ่มปริศนาผู้นี้กำลังแสดงออกมา มันคือพลังที่เกินกว่าขีดจำกัดของเทพเจ้าขั้นกลางหรือเทพเจ้าระดับสูงด้วยซ้ำ…
นี่คือพลังของเทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิต
“เจ้าเป็นใครกันแน่?”
เทพอสูรกระดูกขาวร้องคำรามออกมาด้วยความตื่นตระหนก
มันรู้แล้วว่าตนเองกำลังจะต้องตาย
เพราะเมื่อเผชิญหน้าคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งระดับนี้ มันคงไม่มีทางหนีรอดอีกแล้ว
ครืน!
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงฟ้าร้องคำราม ก่อนที่สายฟ้าจะฟาดลงไปยังหุ่นเหล็กมฤตยูรัว ๆ
เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสมรภูมิริมแม่น้ำซินเจียงได้กลับมาเกิดขึ้นอีกครั้ง ณ สถานที่แห่งนี้ หลินเป่ยเฉินปรับตัวกับพลังเทพเจ้าในร่างกายได้เป็นอย่างดี บัดนี้ เขาจึงสามารถควบคุมสายฟ้าได้ด้วยความชำนาญมากกว่าเดิม
ผ่านไปชั่วน้ำชาหนึ่งถ้วย
ตึง!
หุ่นเหล็กยักษ์ล้มลงไปกระแทกพื้นดินอย่างแรง
พลังสังหารดับสิ้น
นี่คือภาพที่ทำให้เทพอสูรกระดูกขาวหมดหวังโดยสิ้นเชิง
“องค์ราชันย์จะต้องมาแก้แค้นให้กับข้า…”
เขาจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความเกลียดชัง ก่อนจะพุ่งตัวเข้ามาหาหลินเป่ยเฉินอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
วูบ!
หลินเป่ยเฉินปลดปล่อยรังสีกระบี่ออกไปผ่านปลายนิ้วมือของตนเอง
ลำแสงกระบี่สีเงินพุ่งวูบ
เทพอสูรกระดูกขาวถูกลำแสงกระบี่แทงทะลวงร่างกายร่วงหล่นลงไปจากกลางอากาศ ก่อนที่จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นลูกไฟขนาดใหญ่…
ครั้งนี้ มันถูกเผาไหม้ด้วยพลังอัคคีเทวะ ร่างกายและวิญญาณถูกทำลายโดยสมบูรณ์ ไม่สามารถฟื้นคืนชีพกลับขึ้นมาได้อีก
ทันใดนั้น เกมสัตว์เลี้ยงแสนสนุกก็ตรวจพบลูกแก้วเทพเจ้าใบใหม่ และนั่นก็คือลูกแก้วเทพเจ้าประจำตำแหน่งเทพกระดูกขาวนั่นเอง
หลินเป่ยเฉินโบกมือวูบ แล้วหุ่นเหล็กมฤตยูก็ถูกเก็บเข้าสู่พื้นที่ฝากไฟล์ออนไลน์ของแอปสวิ่นเล่ย
หลังจากนั้น เขาก็หันหน้ากลับมาจ้องมองกระบี่มังกรเบิกฟ้ากับเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกร
ในขณะนี้ ทั้งสองคนนั้นก็กำลังจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินด้วยความตะลึง
“ขอบคุณท่านผู้กล้าสำหรับความช่วยเหลือ”
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรกล่าวด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ “ไม่ทราบว่าผู้ต่ำต้อยขอเรียนถามนามอันสูงส่งของท่านได้หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินยุติการปลอมตัวโดยแอปเมจิก คาเมร่าและเปิดเผยหน้าตาที่แท้จริงของตนเอง “ข้าคือหลินเป่ยเฉินบุรุษผู้หล่อเหลาที่สุดในแผ่นดินตงเต้า สาวน้อย เจ้าคงเคยได้ยินชื่อของข้ามาบ้างกระมัง?”
“หลินเป่ยเฉิน?”
เด็กสาวรอยสักมังกรชะงักไปเล็กน้อย แต่เมื่อหยีตาจ้องมองดูดี ๆ นางก็นึกอะไรได้บางอย่าง “จริงด้วย ท่านคือหลินเป่ยเฉินท่านต้องเป็นหลินเป่ยเฉินเท่านั้น นอกจากหลินเป่ยเฉินแล้ว ท่านจะเป็นผู้อื่นไม่ได้ทั้งสิ้น”
“หืม? เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินถามกลับไป
หลงหน่าตอบโดยทันทีว่า “นอกจากหลินเป่ยเฉินแล้ว แทบไม่มีผู้ใดมีหน้าตาหล่อเหลาเช่นนี้อีก”
หลินเป่ยเฉินพยายามไม่ยิ้มออกมา แต่ความรู้สึกในใจนั้นกำลังพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ดูเหมือนชื่อเสียงเรื่องความหล่อเหลาของเขาจะได้รับการกล่าวขวัญไปทั่วแผ่นดินตงเต้าแล้วสินะ
เด็กหนุ่มเสแสร้งแกล้งหัวเราะด้วยความโล่งใจ “คิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยอย่างเจ้าจะมีสายตาเฉียบแหลมเช่นนี้ นับว่าพวกเรามีความคิดเห็นตรงกันยิ่งนัก”
เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรไม่ได้พูดคำใด แต่แอบคิดอยู่ในใจว่า ‘ข่าวลือไม่ผิดพลาดจริง ๆ ด้วย หลินเป่ยเฉินผู้นำกลุ่มสัมพันธมิตรมีหน้าตาหล่อเหลาและมีฝีมือการต่อสู้เป็นเลิศ เสียเพียงอย่างเดียวคือเขามีอาการผิดปกติทางสมองเท่านั้น’
“พี่ใหญ่ ท่านคือเทพเจ้าผู้พิทักษ์ปวงชนอย่างแท้จริง” กระบี่มังกรเบิกฟ้ารีบเข้ามาประจบประแจงด้วยความดีใจ
หลินเป่ยเฉินหันหน้าไปชำเลืองมอง ไม่พูดคำใด
องค์ชายหนุ่มไม่ทันสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในกิริยาท่าทางของหลินเป่ยเฉินจึงพูดต่อไป “พี่ใหญ่ ขอบคุณท่านมากที่มาช่วยเหลือข้า คิดไม่ถึงเลยว่าท่านจะมารวดเร็วเพียงนี้… ท่านคือผู้มีพระคุณของข้า ท่านคือผู้มีพระคุณของเสี่ยวหน่า ท่านคือผู้มีพระคุณของจักรวรรดิเจิ้งหลง ข้าต้องขอบคุณท่านมากแล้ว”
หลินเป่ยเฉินนิ่งคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย ก็กล่าวว่า “เอาเถอะ อย่าได้พูดอะไรอีกเลย ตามข้ากลับไปที่นครเจาฮุยดีกว่า”
ภารกิจช่วยเหลือผู้คนสำเร็จลงด้วยดี
ในเมื่อช่วยคนสำเร็จแล้ว การนำคนทั้งสองกลับไปที่นครเจาฮุย ก็น่าจะมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย
หลิงฉือคงสามารถรีดเค้นข้อมูลจากปากของกระบี่มังกรเบิกฟ้าได้พอสมควร
แน่นอนว่าการกระทำในครั้งนี้ของหลินเป่ยเฉินย่อมมีอีกเหตุผลแอบแฝง …เขาชื่นชมเด็กสาวรอยสักมังกรเป็นอย่างยิ่ง และรู้สึกว่าเด็กสาวผู้นี้มีพลังในร่างกายไม่เหมือนผู้ใด บางทีนางอาจจะมีพลังลึกลับซ่อนอยู่ เพื่อรอคอยการถูกปลดผนึกก็เป็นได้
ทั้งสามคนรีบกระโดดขึ้นรถม้าทองคำและมุ่งหน้าเดินทางกลับไปสู่นครเจาฮุย
มหานครของจักรวรรดิหลิวชาที่อยู่ด้านล่างกลายเป็นเมืองร้างโดยสมบูรณ์
ตอนที่ไล่ตามเทพอสูรกระดูกขาวออกมาก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินจึงพบว่าเผ่ามนุษย์ทะเลทรายที่เป็นคนงานอยู่ในโรงหลอมเหล็กนั้นต่างก็ถูกชิ้นส่วนต่าง ๆ ของหุ่นเหล็กมฤตยูดูดซับพลังชีวิต ไม่มีทางที่จะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือได้ทันเวลา
ล้อรถม้าหมุนวนในอากาศ
รถม้าทองคำพุ่งทะยานไปข้างหน้าด้วยความรวดเร็ว
เพียงพริบตาเดียวพวกเขาก็เดินทางออกมาเป็นระยะทางหลายพันลี้
“ใช้รถยนต์ไปทางโน้นล่ะก็ติ๊ด ไปทางนี้ล่ะก็ติ๊ด แต่ใช้รถม้าไม่ต้องเจอรถติ๊ด…”
หลินเป่ยเฉินร้องเพลงอย่างอารมณ์ดี
องค์ชายหนุ่มเจ้าของบัญชีกระบี่มังกรเบิกฟ้าขยับมานั่งอยู่ด้านข้างหลินเป่ยเฉินและพยายามชวนคุยตลอดเวลา
“พี่ใหญ่ ท่านแข็งแกร่งมากเลยนะขอรับ”
“พี่ใหญ่ ท่านคือวีรบุรุษของข้า ข้าจะเป็นน้องชายของท่านตลอดไป…”
“พี่ใหญ่ ข้าเคยได้ยินข่าวลือมาว่าท่านมีความผิดปกติทางสมอง แล้วท่านมีฝีมือแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้อย่างไร…”
“พี่ใหญ่ ท่านช่วยสอนวิชาให้ข้าได้หรือไม่ ข้านั้นไร้ความสามารถ เคยหลงเข้าใจผิดคิดว่าตนเองแข็งแกร่งไร้เทียมทาน และข้าเคยคิดดูถูกคนอย่างท่านมาก่อน… ฮื่อ ข้าหมายถึงภาพลักษณ์ในอดีตของท่านน่ะขอรับ แต่บัดนี้ ข้ารู้แล้วว่าตนเองมันก็เป็นเพียงบุคคลขี้ขลาดผู้หนึ่งเท่านั้น…”
“พี่ใหญ่ ข้าไม่อยากเป็นบุคคลขี้ขลาดอีกแล้ว ท่านช่วยถ่ายทอดวิทยายุทธ์ให้แก่ข้าได้หรือไม่?”
กระบี่มังกรเบิกฟ้าพูดคุยไม่หยุด
หลินเป่ยเฉินหันไปมองค้อนตาขวาง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะมองไม่ออกว่าเขารำคาญเต็มทีแล้ว
ทว่า กระบี่มังกรเบิกฟ้าผู้นี้ก็ไม่น่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและถามว่า “เจ้าคือองค์ชายของจักรวรรดิเจิ้งหลงอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น เจ้าจำที่เคยบอกข้าในแอป QQ ได้หรือไม่ ไหนเจ้าบอกว่าจะแนะนำสาวงามให้ข้าได้รู้จักไงล่ะ?”