เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1482 พวกเขาจะมีจุดจบเหมือนกันหรือไม่
ตอนที่ 1,482 พวกเขาจะมีจุดจบเหมือนกันหรือไม่
“ที่นี่คือดินแดนที่ป้องกันการสอดส่องจากโลกภายนอก”
ชายเสื้อคลุมสีดำของนักพรตหญิงชินปลิวไสว ก้อนเมฆโดยรอบมีม่านพลังสีขาวปรากฏขึ้นมา ปิดล้อมก้อนหินสีดำขนาดใหญ่ที่ทั้งสองคนยืนอยู่จากรอบทิศทางและนางกล่าวต่อไปว่า “ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในดินแดนแห่งนี้จะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ไปตลอดกาล”
หลินเป่ยเฉินตัวสั่นเล็กน้อย
นักพรตหญิงชินคงไม่ได้ทนความหล่อเหลาของเขาไม่ไหวจนลากเขามาอยู่ที่นี่ด้วยเจตนาไม่บริสุทธิ์หรอกนะ?
บาดแผลบนหน้าอกข้างขวายังไม่มีวี่แววว่าจะสมานตัว
โลหิตยังคงไหลซึมออกมาจากบาดแผล
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นทำให้ใบหน้าของหลินเป่ยเฉินบิดเบี้ยวเล็กน้อย
เขาพยายามจะใช้วิชาวารีบำบัดรักษาอาการบาดเจ็บของตนเอง
เมื่อความเย็นซาบซ่านจางหายไป
บาดแผลก็ยังไม่สมานตัวอยู่ดี
หลินเป่ยเฉินเม้มริมฝีปากแน่น
ครั้งนี้เขาบาดเจ็บสาหัสแล้วจริง ๆ
“หอกแห่งโชคชะตาที่แทงเจ้านั้น เคยเป็นอาวุธสังหารเทพเจ้าหวงในอดีต อาการบาดเจ็บของเจ้าย่อมไม่สามารถรักษาได้ในระยะเวลาอันสั้น…” นักพรตหญิงชินกล่าวออกมาช้า ๆ
หลินเป่ยเฉินไม่เชื่อและลองใช้วิชาวารีบำบัดของตนเองอีกครั้ง
แต่ก็ได้ผลเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาคงต้องใช้เวลากว่าครึ่งปีจึงจะสามารถรักษาอาการบาดเจ็บหายขาด แต่กว่าจะถึงตอนนั้น เหล่าสมาชิกฝ่ายกองทัพสัมพันธมิตรก็คงตายกลายเป็นซากศพกันหมดแล้ว
“หอกแห่งโชคชะตาสามารถสังหารสิ่งมีชีวิตได้ทุกชนิด นับเป็นปาฏิหาริย์อย่างยิ่งที่เจ้าสามารถรอดตายมาได้” ขณะนี้ นักพรตหญิงชินมีสีหน้าที่กำลังใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียด “ไม่แน่ว่ามันอาจเกี่ยวพันกับวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ แต่โชคร้ายที่เจ้ายังปลดผนึกพลังทั้งหมดไม่สำเร็จ มิเช่นนั้น อาการบาดเจ็บของเจ้าก็คงทุเลาโดยเร็วแล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็สงบจิตใจลง
“ปัญหาอยู่ที่ตรงนี้นี่แหละขอรับ”
เขามองหน้านักพรตหญิงชิน ยิงฟันยิ้มพูดว่า “ข้ายังจะสามารถกระทำเรื่องอย่างว่าได้อยู่หรือไม่?”
สีหน้าของนักพรตหญิงชินแสดงออกถึงความตกใจ
หลินเป่ยเฉินรีบอธิบายโดยเร็ว “ข้าหมายถึงการปลดผนึกพลังปราณธาตุชนิดอื่น ๆ น่ะขอรับ?”
“แดนสุขาวดีมีพลังปราณอันบริสุทธิ์”
สีหน้าของนักพรตหญิงชินกลับมาเป็นปกติอีกครั้ง “แม้เจ้าจะยังปลดผนึกพลังปราณธาตุชนิดอื่น ๆ ไม่ได้ แต่การอยู่ในแดนสุขาวดี โดยเฉพาะการอยู่บนศิลาต้นกำเนิดแห่งสรรพสิ่งก้อนนี้ มันก็จะช่วยให้เจ้าสามารถรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บจากอานุภาพการทำลายล้างของหอกแห่งโชคชะตาได้อย่างแน่นอน”
“ข้าไม่รู้ว่าตนเองบาดเจ็บหนักเพียงใด”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้ารับทราบ ก่อนถามว่า “ไม่ทราบว่าต้องใช้เวลารักษาตัวนานหรือไม่?”
นักพรตหญิงชินตอบว่า “ด้วยระดับสติปัญญาของเจ้า หากไม่มีผู้ใดคอยแนะนำ ก็คงต้องใช้เวลาอีกหลายสิบปี แต่หากมีข้าคอยช่วยเหลือ ก็คงใช้เวลาไม่เกินสิบวัน”
“นานเกินไป ข้ารอไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า
บัดนี้ เขายังมีเรื่องราวอีกมากมายในแผ่นดินตงเต้ารอให้กลับไปจัดการ
“พอจะมีทางอื่นบ้างไหมขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ นั่งลงแล้วเงยหน้ามองนักพรตหญิงชิน
นักพรตหญิงชินตอบกลับมาเสียงเรียบ “ไม่มีแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยังคงไม่ยอมเชื่อง่าย ๆ “งั้นข้าจะลองรักษาของข้าเอง”
เขานำกล่องบรรจุยาอะม็อกซีซิลลิน ซึ่งเป็นยาปฏิชีวนะชนิดแคปซูลออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ เมื่อดูจำนวนปริมาณยาต่อเม็ดที่แปะอยู่ข้างกล่อง เด็กหนุ่มก็หยิบยาออกมาสี่เม็ด แหงนหน้าขึ้นและโยนเม็ดยาใส่ปากทันที
เขาเข้าใจว่าหอกแห่งโชคชะตาขึ้นสนิม จึงอาจจะมีการติดเชื้อโรคได้ง่าย ๆ
เพราะฉะนั้น รับประทานยาฆ่าเชื้อกันเอาไว้ก่อนดีกว่า
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อกำยำ ก่อนจะนำกระป๋องสเปรย์สำหรับบรรเทาอาการเจ็บปวดออกมาพ่นใส่บาดแผล
นอกจากช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวดแล้ว มันยังมีสรรพคุณช่วยฆ่าเชื้อและหยุดการไหลของเลือดได้อีกด้วย
ยาวิเศษเหล่านี้น่าจะใช้ได้ผลบ้างไม่ใช่หรือ?
มันอาจช่วยแก้ปัญหาให้เขาก็เป็นได้กระมัง?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความคาดหวัง
นักพรตหญิงชินมองไม่เห็นสิ่งของที่เด็กหนุ่มซื้อหามาจากแอปในโทรศัพท์มือถือ
แต่ดูจากท่วงท่าของเด็กหนุ่มแล้ว นางก็เดาเอาว่าเขาคงกำลังรักษาอาการบาดเจ็บด้วยวิธีการบางอย่าง แต่สุดท้าย นักพรตหญิงชินก็ส่ายศีรษะ แล้วกล่าวว่า “ไม่ได้ผลหรอก หอกแห่งโชคชะตาบรรจุพลังทำลายล้างจากภพภูมิอื่น เจ้าไม่ใช่คนที่มาจากภพภูมิเดียวกับหอกเล่มนั้น และพลังปราณธาตุในตัวเจ้าก็ยังปลดผนึกไม่ครบทั้งห้าชนิด ต่อให้เป็นยาวิเศษ…”
คำพูดขาดหายไปอย่างไม่มีสัญญาณเตือน
นักพรตหญิงชินมองบาดแผลของหลินเป่ยเฉินด้วยความตกตะลึง
บาดแผลยังคงอยู่
แต่พลังแฝงจากหอกแห่งโชคชะตาที่แทรกซึมอยู่ในตัวหลินเป่ยเฉินกลับถูกขับออกมาเป็นละอองหมอกควันทีละเล็กทีละน้อย
หากยังคงรักษาอัตราการขับพิษในระดับนี้ได้ต่อไป อีกไม่เกินสามวัน หลินเป่ยเฉินก็จะต้องหายดีอย่างแน่นอน
นางมองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเหลือเชื่อ
ความคิดที่ไม่น่าเป็นไปได้ผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงของนักพรตหญิงชิน
นางตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ก็พยายามควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของตนเอง
“เจ้าทำได้อย่างไร?”
นักพรตหญิงชินถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“รับประทานโอสถขอรับ”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้เช่นกันว่าอาการเจ็บปวดในหน้าอกฝั่งขวาหายไปแล้ว “เป็นโอสถสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บโดยเฉพาะ”
นักพรตหญิงชินพยายามสะกดกลั้นความอยากรู้อยากเห็น ไม่ถามสิ่งใดต่อไป
“ดูเหมือนเจ้าคงไม่ต้องการความช่วยเหลือจากข้าอีกแล้ว”
นางพูดเสียงเรียบ
หลินเป่ยเฉินยิ้มอย่างผู้ชนะ
ต้องยกความดีความชอบทั้งหมดนี้ให้โทรศัพท์มือถือของเขาจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินเชิดหน้าด้วยความภาคภูมิใจ กล่าวอย่างไม่สะทกสะท้านว่า “อาจารย์อย่าลืมสิขอรับว่าข้าคือหลินเป่ยเฉิน เทพเจ้าชนชั้นเจ้าชีวิตแห่งดินแดนทวยเทพ ผู้นำกองทัพฝ่ายสัมพันธมิตรและเป็นบุรุษหนุ่มผู้หล่อเหลาที่สุดในใต้หล้า อีกทั้งยังเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามบริสุทธิ์ แล้วข้ายังจะกล้ารบกวนทำให้ท่านลำบากมากไปกว่านี้ได้อย่างไร…”
หลังจากหยุดชะงักไปเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ถามขึ้นมาว่า “จริงด้วยสิขอรับ ความช่วยเหลือของท่านหมายถึงสิ่งใดหรือ?”
นักพรตหญิงชินตอบด้วยสีหน้าเป็นปกติว่า “หลอมรวมพลังหยินหยาง เปลือยกายแลกเปลี่ยนมวลพลัง ปรับรากฐานพลังในร่างกายใหม่ทั้งหมด”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
เด็กหนุ่มตกตะลึง ทันใดนั้น ใบหน้าก็กลับมาแสดงออกถึงความเจ็บปวดอีกครั้ง เขายกมือขึ้นกุมหน้าอกข้างขวาและพูดด้วยเสียงอ่อนระโหยว่า “โอ๊ย เจ็บเหลือเกิน สงสัยโอสถเหล่านั้นจะใช้ไม่ได้ผล โลหิตกำลังจะไหลออกมาอีกแล้ว… ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน ข้าต้องการความช่วยเหลือจากท่าน”
นักพรตหญิงชินเพียงยิ้มเยาะ
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ค่อย ๆ กลับมานั่งหลังตรงอีกครั้ง
โทรศัพท์มือถือช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ
ยอดเยี่ยมเสียจนเขาอดนึกเสียใจไม่ได้!
“อาจารย์ชินขอรับ ท่านช่วยทำอะไรบางอย่างให้ข้าหน่อยได้หรือไม่” หลินเป่ยเฉินพูดออกมาเมื่อสามารถตัดใจได้ในที่สุด
นักพรตหญิงชินมองหน้าเขาและรอคอยประโยคต่อไป
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “ข้าคงใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะฟื้นตัว ในเมื่อข้าไม่สามารถออกไปจากแดนสุขาวดีแห่งนี้ได้ ถ้าอย่างนั้น ท่านช่วยไปแจ้งข่าวต่อฝ่ายสัมพันธมิตรให้พวกเขาระวังตัวและอย่าเพิ่งทำอะไรจนกว่าข้าจะกลับไป”
นักพรตหญิงชินมีสีหน้าอ่อนโยนลงขณะผงกศีรษะ “มีอันใดอีกหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้า “กำชับพวกเขาให้รอคอยข้าด้วยความอดทน”
“ได้ ข้าจะไปบอกพวกเขาให้”
นักพรตหญิงชินมองเด็กหนุ่มที่นั่งอยู่เบื้องหน้า หัวใจรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาไม่น้อย
พฤติกรรมโดยส่วนใหญ่ของหลินเป่ยเฉินมักจะเป็นไปในรูปแบบของการเชื่อถือและพึ่งพาไม่ค่อยได้ บ่อยครั้งมักจะพูดจาเหลวไหลเพราะอาการทางสมองกำเริบ แต่เมื่อเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็มักจะเป็นคนแรกที่ออกมายืนแนวหน้าด้วยความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวเสมอ
จากเด็กหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นที่รังเกียจไปทั่วเมืองหยุนเมิ่ง สู่การเป็นยอดฝีมือขั้นเซียนผู้มีความยิ่งใหญ่ทั่วแผ่นดิน ในระยะเวลาเพียงไม่นาน หลินเป่ยเฉินได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด เขาไม่เคยประนีประนอมกับความชั่วร้าย และในวันนี้ หลินเป่ยเฉินก็กลายเป็นที่พึ่งพิงให้แก่มิตรสหายคนรอบตัวและผู้บริสุทธิ์อีกจำนวนมหาศาล
ไม่ต่างจากเขาคนนั้นในอดีต
เพียงแต่พวกเขาจะมีจุดจบเหมือนกันหรือไม่?
นักพรตหญิงชินรีบหมุนตัวเดินหายไปในทะเลแห่งก้อนเมฆ
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือของตนเองออกมาเปิดแอปวีแชตและพยายามติดต่อไปหาเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง… ครั้งนี้ เขาจะต้องคาดคั้นเอาความจริงมาจากนางให้ได้!