เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 150 ขอโทษที ข้าไม่มีเจตนา
บทที่ 150 ขอโทษที ข้าไม่มีเจตนา
จังหวะที่ลำแสงสีฟ้าบนมือของเขาอาบไล้ไปทั่วตัวปลาคาร์ฟผู้โชคร้าย เจ้าปลาที่นอนนิ่งเหมือนตายแล้วกลับลืมตาขึ้นมาและออกแรงดิ้นกระแด่วๆ อีกครั้งด้วยความแข็งแรงเปี่ยมล้น
หืม?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึง
หลังจากนั้น ปลาคาร์ฟตัวแสบก็สะบัดหางอย่างแรง ดิ้นหลุดออกจากมือหลินเป่ยเฉินกระโดดลงสระน้ำไปหน้าตาเฉย
เฮ้ย อย่าบอกนะว่าเมื่อสักครู่ปลาตัวนี้แกล้งตาย?
หลินเป่ยเฉินใบหน้ากระตุกด้วยความเดือดดาลทันที
โดนเทพเจ้าหลอกยังไม่เท่าไหร่
นี่เขายังต้องมาโดนปลาหลอกอีกหรือ?
ด้วยความโกรธแค้นสุดขีด หลินเป่ยเฉินตัดสินใจกระโดดตามลงไปในสระน้ำ ตะกุยตะกายไล่จับเจ้าปลาคาร์ฟด้วยความบ้าคลั่ง
“ไอ้ปลาเชี่ย มึงตายยย!”
เด็กหนุ่มคำรามด้วยความโกรธแค้นสุดขีด
ชั่วเวลา 1 ก้านธูปผ่านไป
พ่อบ้านหวังที่ยืนรออยู่หน้าตำหนักไม้ไผ่ด้วยสีหน้าอันโศกเศร้า พลันได้กลิ่นหอมฉุยของอะไรบางอย่างลอยมาเตะจมูก
“นายน้อยทำอาหารแล้วอย่างนั้นหรือ? แสดงว่าคงอารมณ์ดีขึ้นแล้วสินะ”
พ่อบ้านหวังแอบย่องเข้าไปในลานหน้าที่พัก
และพบว่าหลินเป่ยเฉินกำลังนั่งเผาปลาอยู่ข้างกองไฟที่ก่อขึ้นริมสระน้ำ
“อ้าว นายน้อยขอรับ เจ้าปลาตัวนี้…” พ่อบ้านชรารู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเจ้าปลาที่โดนจับเผาชอบกล
“มันเป็นปลานิสัยไม่ดี กล้าหลอกลวงข้า เพราะฉะนั้นจึงต้องถูกลงโทษ”
หลินเป่ยเฉินลองบิเนื้อปลาเผาส่งเข้าปาก แล้วดวงตาก็เป็นประกายแวววาวด้วยความพอใจ เนื้อปลาตัวนี้อร่อยกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า “ใครใช้ให้มันกล้ามาหลอกลวงข้ากันเล่า นี่แหละคือบทเรียนที่มันต้องแลกมาด้วยชีวิต พวกญาติพี่น้องของมันก็อย่าหวังเลยว่าจะหนีรอดไปได้…”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองปลาคาร์ฟตัวอื่นๆ ที่แหวกว่ายอยู่ในสระน้ำด้วยแววตาอาฆาต
พวกมันเป็นปลาตระกูลเดียวกัน
ต้องจับมากินให้หมด
เมื่อพ่อบ้านหวังได้ยินดังนั้น ก็รีบยิ้มประจบประแจง “นายน้อยอยากกินปลาเผาไม่บอกข้าล่ะขอรับ เดี๋ยวข้าทำให้รับประทานก็ได้…เอ่อ ถึงปลาพวกนี้จะเป็นสายพันธุ์เกล็ดมังกรที่มีราคาตัวละ 1 เหรียญทองคำก็เถอะ แต่ถ้านายน้อยอยากรับประทาน ข้าก็จะ…”
หลินเป่ยเฉินตะลึงลานวูบ
“เดี๋ยวนะ เจ้าพูดว่าอะไร?”
เด็กหนุ่มถามพร้อมกับมองปลาเผาที่เสียบไม้อยู่ตรงหน้าเขม็ง
“ข้าบอกว่าถ้านายน้อยอยากรับประทาน ข้าก็จะ…”
“ไม่ใช่ เอาประโยคที่พูดก่อนหน้านั้นสิ”
“หืม? อ๋อ นี่คือปลาคาร์ฟเกล็ดมังกรขอรับ มันมีราคาตัวละ 1 เหรียญทองคำ”
“เจ้าแก่สมองเสื่อม คิดอะไรอยู่ถึงได้ซื้อปลาราคาแพงแบบนี้มาเลี้ยง เห็นข้าเป็นคนฟุ่มเฟือยขนาดนั้นเลยหรือไง? รีบจับปลาพวกนี้ไปขายให้หมด แล้วก็เอาเงินที่ขายได้มาให้ข้า ไม่งั้นข้าจะหักแขนหักขาเจ้าทิ้งเสีย”
“หา?”
“ยังจะมาหาอะไรอีก รีบจับปลาในสระไปขายให้หมด ถ้าตกหล่นแม้แต่ตัวเดียว ข้าจะหักขาเจ้า”
เมื่อได้รับคำสั่งผสมคำขู่ พ่อบ้านหวังก็รีบพับแขนเสื้อ กุลีกุจอไปหาเบ็ดตกปลาตามคำสั่งทันที
หลินเป่ยเฉินหันหน้ากลับมามองปลาเผาด้วยความลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็ตัดสินใจรับประทานต่อไป
รับประทานไปได้ครึ่งตัว เด็กหนุ่มจึงเพิ่งนึกอะไรออก
“หรือว่าเมื่อสักครู่นี้ เจ้าปลาบ้านั่นมันไม่ได้แกล้งตายนะ แต่เพราะได้รับพลังปราณธาตุน้ำของเราเข้าไป มันถึงได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง?”
ก็มีความเป็นไปได้อยู่ไม่ใช่หรือ?
แต่เรื่องราวแบบนี้ หลินเป่ยเฉินไม่เคยได้ยินมาก่อนเช่นกัน
ทว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าพลังปราณธาตุน้ำที่แลกด้วยเหรียญทองคำจำนวน 4,000 เหรียญ จะสามารถชุบชีวิตปลาที่ตายแล้วได้จริงๆ?
หลินเป่ยเฉินนั่งคิดอยู่เล็กน้อย สายตาก็หันไปสะดุดเข้ากับกอไผ่ที่ยืนต้นตายซากอยู่ข้างทาง
เด็กหนุ่มเดินไปดึงรากของมันขึ้นมาถือในมือ
เขาลองโคจรพลังลมปราณอีกครั้ง
แล้วสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น
รากไผ่ที่แห้งกรังพลันกลับมาออกใบเขียวชะอุ่มในพริบตา ไม่เหลือเค้าเดิมที่เป็นรากไม้ตายซากสักนิดเดียว
หลินเป่ยเฉินอ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เด็กหนุ่มชำเลืองมองไปยังพ่อบ้านชราที่นั่งตกปลาอยู่ริมตลิ่ง ก่อนจะหันกลับมามองแปลงดอกไม้ปริศนา ที่เขาไม่รู้ว่ามันเป็นสายพันธุ์อะไร
หลินเป่ยเฉินลองเดินเข้าไปใช้เท้าเหยียบย่ำ จนดอกไม้แปลงนั้นกระจัดกระจายไม่เหลือชิ้นดี
เสร็จแล้วหลินเป่ยเฉินก็ก้มตัวลงเก็บดอกไม้ขึ้นมาดอกหนึ่ง ต่อด้วยโคจรพลังลมปราณ ปล่อยให้ลำแสงสีฟ้าอ่อนอาบไล้ไปทั่วดอกไม้ที่ถูกเขากระทืบ
พลัน ดอกไม้ก็กลับมามีสภาพสมบูรณ์อีกครั้ง
ปรากฏว่าทุกอย่างเป็นเพราะพลังปราณธาตุน้ำของเขาจริงๆ ด้วย
หลินเป่ยเฉินหันขวับไปมองปลาเผาที่เหลืออยู่ครึ่งตัวด้วยสายตาสำนึกผิด “ขอโทษที ข้าไม่มีเจตนาจะฆ่าเจ้าเลย ข้าหลงใจผิดคิดว่าเจ้าหลอกข้าเข้าเสียได้”
แต่ถึงอย่างไรก็จับมาเผาไฟไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินจึงเดินกลับมานั่งรับประทานต่อไปจนเนื้อปลาหมดเกลี้ยง
หลังจากนั้น เขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้
หลินเป่ยเฉินกลับขึ้นไปที่ห้องนอน นำมีดเจิ้งอี้ออกมาทาบลงไปที่ท่อนแขนของตนเอง
แต่จังหวะที่กำลังจะใช้คมมีดกรีดลงไปบนผิวหนัง เขาก็หยุดมือกะทันหัน
ทำเองก็เจ็บเองสิ
ถึงจะเป็นคนโง่ แต่ก็ไม่ควรโง่ซ้ำซ้อนสักหน่อย
จะกรีดแขนให้เจ็บตัวเองไปเพื่ออะไร?
หลินเป่ยเฉินซ่อนมีดอยู่ด้านหลัง เดินกลับลงมาที่ห้องรับรองและป้องปากตะโกนเรียก “ลุงหวัง มานี่หน่อยสิ”
หวังจงที่กำลังนั่งตกปลาเมื่อได้ยินคำเรียกขาน ‘ลุงหวัง’ พลันหัวใจก็รู้สึกพองโต สังหรณ์ว่าจะเกิดสิ่งดีๆ ขึ้นมาแล้ว ไม่แน่นายน้อยอาจเรียกเขาไปรับของรางวัลก็ได้
ชายชราเดินยิ้มแฉ่งพลางหัวเราะเข้ามาหา “นายน้อยเรียกข้ามีอะไรหรือขอรับ…”
“หยุดพูดไร้สาระ ยื่นแขนมาข้างหน้าเดี๋ยวนี้”
“หา?”
“เร็วๆ”
“ฮื่อ”
หวังจงยื่นแขนออกมาด้วยความหวาดกลัว
ควับ!
คมมีดตวัดวูบ หลินเป่ยเฉินนำอาวุธคู่กายที่ซ่อนอยู่ด้านหลังออกมากรีดลงไปบนท่อนแขนของพ่อบ้านชราด้วยความเร็วไว เลือดเป็นสายสาดกระจาย ทำเอาพ่อบ้านหวังส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนหมูถูกเชือด
“อ๊าก นายน้อย โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”
หลินเป่ยเฉินยื่นมือออกไปจับแขนที่มีบาดแผลของพ่อบ้านหวัง รีบโคจรพลังลมปราณตามติด
ลำแสงสีฟ้าอ่อนครอบคลุมท่อนแขนของชายชรา
เมื่อเด็กหนุ่มปล่อยมือออกจากแขนของพ่อบ้านหวัง บาดแผลที่ปรากฏขึ้นเมื่อสักครู่นี้ก็หายวับไปแล้ว ไม่มีเลือดไหลอีกต่อไป มีเพียงรอยแดงเล็กๆ เหมือนถูกกิ่งไม้ข่วนเท่านั้น ไม่เหมือนรอยถูกของมีคมกรีดแทง ไม่แม้แต่จะมีรอยแผลเป็นด้วยซ้ำ
“เอ๋? ทำไมถึงไม่เจ็บแล้วล่ะ” หวังจงตะลึงลาน พูดว่า “นี่มันอะไรกัน? ทำไมถึงได้รู้สึกชาไปหมด ข้าไม่เจ็บแล้วขอรับนายน้อย นายน้อยรักษาอาการบาดเจ็บให้ข้าหรือขอรับ?”
“ไสหัวกลับไปตกปลาได้แล้ว” หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งเสียงเข้ม
“อุ๊ย” พ่อบ้านหวังไม่กล้าถามอะไรมากความ รีบกลับไปตกปลาต่อตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
หลินเป่ยเฉินหัวใจลิงโลดด้วยความตื่นเต้น เดินกลับขึ้นไปที่ห้องนอนบนชั้นสองอีกครั้ง อดไม่ได้ต้องยกมือต่อยลมด้วยความสะใจ
นี่เรามีพลังฟื้นฟูอาการบาดเจ็บงั้นหรือ?
คงเอาไว้ใช้ตอนต่อสู้ได้ใช่ไหม?
แบบนี้ก็ไม่ต้องกลัวเรื่องบาดเจ็บอีกแล้วสิ?
ถึงจะมีปราณธาตุที่พลังโจมตีอ่อนด้อยมากที่สุด แต่ไม่คิดเลยว่ากลับมีประสิทธิภาพในการรักษาบาดแผลดีถึงเพียงนี้…อาจจะดีมากที่สุดในหมู่พลังปราณธาตุก็เป็นได้
ว่าแต่คนอื่นๆ ที่มีปราณธาตุน้ำจะมีความสามารถแบบเดียวกับเขาหรือเปล่านะ?
เรื่องนี้หลินเป่ยเฉินยังไม่แน่ใจเหมือนกัน
แต่สิ่งหนึ่งที่แน่ใจได้เลยก็คือพลังปราณธาตุของเขามีความสามารถรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ผู้อื่น นี่คงไม่ใช่พลังธรรมดาทั่วไปเด็ดขาด
ถ้าสามารถฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ระหว่างการต่อสู้ นั่นเท่ากับเป็นการประกันว่าเขาจะไม่มีทางพ่ายแพ้เลยไม่ใช่หรือ?
“ใครจะไปคิดว่ามือกระบี่จะมีพลังแบบนี้ด้วย?”
เมื่อหลินเป่ยเฉินสงบจิตสงบใจได้เรียบร้อย ก็ไม่รู้อีกแล้วว่าตนเองควรหัวเราะหรือร้องไห้ดี
แต่ก็ถือว่าไม่ใช่เรื่องเลวร้ายสักหน่อย
เซียนกระบี่หนุ่มผู้หล่อเหลา ซึ่งมาพร้อมกับความสามารถช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้แก่ทุกคน
ฟังดูเท่ดีไม่หยอก
นับว่า 4,000 เหรียญทองคำนั้นไม่ได้สูญเปล่าซะทีเดียว
แต่ประเด็นสำคัญก็คือเขาต้องรีบหาเงินแล้วสิ
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถนำพลังวิเศษจากปราณธาตุมาหาเงินได้
“จากนี้ไป เราคงต้องตั้งใจหาเงินมากกว่าเดิมแล้วล่ะ”
หลินเป่ยเฉินกำชับกับตนเอง ในขณะเดียวกันสมองก็เริ่มมองหาหนทางทำเงิน เพื่อที่จะได้กลับไปเป็นเศรษฐีอีกครั้ง
สุดท้ายก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า “หรือว่าเราต้องขายลูกดอกเหล็กพวกนั้นจริงๆ?”
ถ้ายังสามารถใช้งานแอปวีแชปปั๊มลูกดอกเหล็กมิธริลส่งเข้าแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ได้เหมือนเดิม หลินเป่ยเฉินก็วางแผนว่าจะนำลูกดอกเหล็กเหล่านั้นไปขายในราคาลูกดอกเงินธรรมดา
“หรือจะรอให้แข่งรอบ 20 คนสุดท้ายจบก่อนดีวะ ตอนนั้นเมื่อเราได้อันดับหนึ่ง พวกเขาก็น่าจะมีเงินรางวัลพิเศษให้กับผู้ชนะบ้างนี่นา?”
หลินเป่ยเฉินชั่งใจคิดด้วยความปวดหัว