เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1502 การต่อสู้แห่งโชคชะตา 2
ตอนที่ 1,502 การต่อสู้แห่งโชคชะตา 2
เว่ยหมิงเฉินมั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง
เพราะร่างแยกของเขาเคยต่อสู้กับหลินเป่ยเฉินตัวจริงมาแล้วหลายครั้ง เว่ยหมิงเฉินจึงรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตนเอง
และอีกอย่าง ขณะนี้เขาสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุได้ทั้งห้าชนิด ระดับพลังความแข็งแกร่งจึงเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า และนั่นก็ทำให้เว่ยหมิงเฉินมั่นใจว่าบัดนี้ตนเองเป็นผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานในใต้หล้าแล้ว
ในเมื่อหลินเป่ยเฉินบุกมาหาเขาเองถึงที่ ก็ใช้โอกาสนี้กำจัดขวากหนามทิ้งไปเลยแล้วกัน!
และก็ยังมีหญิงเสียสติแซ่ชิน
ส่งลงหลุมไปพร้อมกันเลยดีกว่า
พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดระเบิดออกมาจากรอบร่างกายของเว่ยหมิงเฉิน
“แม่นางน้อย ไม่คิดจะทำความเคารพบิดาสักหน่อยหรือ?”
เว่ยหมิงเฉินหัวเราะเยาะใส่นักพรตหญิงชิน
แววตาของนักบวชสาวมีแต่ความเย็นชาตอบกลับมา
หลินเป่ยเฉินชักสีหน้าด้วยความโกรธแค้น “ตัวบัดซบ เจ้ากล้ามองข้ามข้าได้อย่างไร?”
เว่ยหมิงเฉินชะงักเล็กน้อย
หลินเป่ยเฉินกล้ากล่าววาจาอวดดีถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
แต่เว่ยหมิงเฉินก็ไม่อยากจะพูดอะไรให้เสียเวลาอีก จึงยกมือโบกวูบด้วยความมั่นใจและกล่าวว่า “พวกเจ้าลงหลุมไปพร้อมกันเลยก็แล้วกัน”
“เฮอะ ข้าคือหลินเป่ยเฉินเชียวนะ เจ้าต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายลงหลุม”
เด็กหนุ่มในชุดมือกระบี่สีขาวระเบิดเสียงคำราม ก่อนจะนำแว่นกันแดดออกมาสวมใส่ นำสเปรย์แต่งผมออกมาฉีดใส่ศีรษะ ยกมือเสยผมไปทางด้านหลัง เรียบร้อยดีแล้วจึงเปิดแอป NetEase Cloud Music โดยไม่ลังเล…
บทเพลงประกอบละครโทรทัศน์ชุดหวงเฟยหงดังกังวานในหูของเขา
พลังในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น
ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็อัญเชิญชุดเกราะอมตะออกมา
เพียงเท่านี้ เขาก็พร้อมที่จะต่อสู้ได้ทุกเมื่อ
“ที่รัก เอ๊ย… พี่ชิน ท่านยืนรออยู่ตรงนี้ คอยดูข้าแก้แค้นแทนท่านให้ดี นี่จะเป็นการต่อสู้แบบตัวต่อตัว ไม่มีผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวข้องเด็ดขาด”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความมั่นใจ
หลังจากนั้น เขาก็ระเบิดพลังอัคคีเทวะ เปลวไฟลุกโชนขึ้นทั่วกระบี่เงินที่ถืออยู่ในมือ เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศา มั่นใจว่านี่คือท่วงท่าที่ทำให้ตนเองดูเท่มากที่สุดแล้ว
นักพรตหญิงชินยังคงยืนอยู่ในความเงียบ ไม่แสดงสีหน้าใด ๆ ออกมา
หลินเป่ยเฉินควงกระบี่
ใช้ออกไปด้วยกระบวนท่ากระบี่ที่หก
คมกระบี่สาดประกายวูบ
แม้ว่าพวกเขาจะยังอยู่ห่างกันพอสมควร แต่เพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ลำแสงกระบี่ของหลินเป่ยเฉินก็เข้าถึงตัวเว่ยหมิงเฉินแล้ว
ในอากาศเต็มไปด้วยลำแสงกระบี่
ไม่ต่างจากแสงดาวตก
“เด็กน้อยเอ๋ย”
เว่ยหมิงเฉินถือกระบี่มังกรดำอยู่ในมือ เมื่อเขายกมือขึ้นควงกระบี่ กำแพงแห่งสายลมก็ปรากฏขึ้นดูดซับพลังโจมตีจากหลินเป่ยเฉินหมดสิ้น
ไม่ใช่แต่เพียงหลินเป่ยเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถใช้วิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร
ร่างของหลินเป่ยเฉินเคลื่อนกายเป็นลำแสง กระบี่ของเขาโจมตีอย่างต่อเนื่อง
ลำแสงกระบี่สีเงินแผ่ปกคลุมทั่วร่างกายเว่ยหมิงเฉิน
นี่คือการโจมตีที่หนักหน่วงรุนแรง
เว่ยหมิงเฉินผู้โด่งดังลอยตัวอยู่กับที่และใช้มือเพียงข้างเดียวตวัดกระบี่ต้านทานการโจมตี โดยในเวลาเดียวกันนี้ เขาก็โคจรพลังอัคคีเทวะลงไปที่กระบี่ของตนเอง
เคร้ง! เคร้ง! เคร้ง!
คมกระบี่ปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
สะเก็ดไฟสาดกระจาย
ทุก ๆ การเคลื่อนไหว ทุก ๆ กระบวนท่า ล้วนมีพลังการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินเป่ยเฉินโจมตีต่อเนื่องถึงยี่สิบลมหายใจ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะได้
เว่ยหมิงเฉินผู้มีความแข็งแกร่งยิ่งกว่าภูผาหินกำแพงทองแดงยังคงยืนหยัดอยู่ในตำแหน่งเดิมพลางระเบิดเสียงหัวเราะดังกังวาน “ให้ตายเถอะ ข้าตั้งใจส่งผ่านคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรและคัมภีร์ห้าธาตุหลอมวิญญาณฉบับไม่สมบูรณ์ให้กับเจ้า… ถึงเจ้าจะตั้งใจฝึกฝนพวกมันสำเร็จ แต่ก็สู้ข้าที่ฝึกฝนคัมภีร์ฉบับสมบูรณ์ไม่ได้หรอก… หืม?”
ท้ายประโยคเสียงหัวเราะขาดหายไปอย่างกะทันหัน
เพราะไม่ทราบเลยว่าปลายกระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินสามารถทิ่มแทงทะลุหน้าอกข้างซ้ายของเขาเข้ามาได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เมื่อฝ่ายตรงข้ามโคจรพลังลมปราณอัดเข้ามา หน้าอกฝั่งซ้ายของเว่ยหมิงเฉินก็ระเบิดกระจายเช่นเดียวกับอวัยวะภายในอีกหลายส่วน
ม่านฝนโลหิตโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้า
เว่ยหมิงเฉินมีเลือดไหลทะลักออกปากออกจมูก พลังในร่างกายเสื่อมถอยลง
จังหวะนี้ เขาก็เห็นว่าพลังอัคคีเทวะที่หลอมรวมอยู่กับกระบี่เงินในมือหลินเป่ยเฉินพลันสลายหายไป ปรากฏว่าเด็กหนุ่มใช้เพียงพลังของตัวกระบี่ล้วน ๆ ก็สามารถแทงทะลวงหน้าอกของเขาได้แล้ว!
เพราะเหตุใดกัน?
กระบี่เงินหน้าตาธรรมดาเล่มนี้มีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
คำถามใหญ่ปรากฏขึ้นในจิตใจของเว่ยหมิงเฉินอย่างไม่อาจควบคุมได้
แต่ทันใดนั้น เขาก็ไม่มีเวลาคิดถึงปัญหานี้อีกแล้ว
เพราะลมหายใจต่อมา ลำแสงกระบี่สีเงินสายหนึ่งได้พุ่งเข้ามาจากทางด้านหลังและเสียบทะลุหน้าอกฝั่งขวาโดยตรง…
พลังทำลายล้างหนักหน่วงรุนแรง
นี่คือการโจมตีที่ทำให้ร่างกายเกินทนทานรับไหว เว่ยหมิงเฉินจึงระเบิดเสียงร้องออกมาด้วยความคลุ้มคลั่งและเจ็บปวด
“ชินเหลียนเซิน… ย้ากกก!”
เว่ยหมิงเฉินหันหน้ามองไปทางด้านหลัง
กระบี่ที่แทงข้างหลังเขานั้นอยู่ในมือนักพรตหญิงชิน
ปรากฏว่านักพรตหญิงชินแอบมาดักทางถอยหนีของเว่ยหมิงเฉินเอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“พวกเจ้า…”
เว่ยหมิงเฉินผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสมีดวงตาร้อนผ่าวด้วยไฟแค้น
ไหนว่าจะสู้กันตัวต่อตัวไม่ใช่หรือ?
“เจ้าเป็นอะไรไป?”
หลินเป่ยเฉินควงกระบี่เงินโจมตีใส่ร่างกายช่วงล่างของเว่ยหมิงเฉินด้วยความรวดเร็ว โลหิตสาดกระจายในอากาศ เด็กหนุ่มแสยะยิ้มด้วยความสะใจ “เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะสู้กับเจ้าแบบตัวต่อตัว? เจ้านี่มันไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
กล่าวจบ กระบี่เงินในมือก็ปกคลุมไปด้วยพลังอัคคีเทวะอีกครั้ง และหลินเป่ยเฉินก็ใช้ออกมาด้วยกระบวนท่าจากคัมภีร์กระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทร
ไม่เปิดโอกาสให้เว่ยหมิงเฉินได้พักหายใจแม้แต่น้อย
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เว่ยหมิงเฉินคือผู้ที่ปลดผนึกพลังปราณธาตุได้ครบทั้งห้าชนิดแล้ว
วงแหวนสีเขียวเรืองรองออกมาจากแผ่นหลังของเขา
พลังปราณธาตุไม้ถูกใช้งาน
เพียงพริบตาเดียว ร่างกายของเว่ยหมิงเฉินก็ฟื้นฟูขึ้นมาอีกครั้ง กระบี่มังกรดำในมือตวัดฟาดฟันรับการโจมตีจากหลินเป่ยเฉินกับนักพรตหญิงชินได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว
นี่คือจุดแข็งของวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ
พลังปราณธาตุไม้มีสรรพคุณช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้ดีที่สุดในโลก
แต่เมื่อสักครู่นี้ เว่ยหมิงเฉินก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสไม่ใช่น้อย
แม้ว่าพลังปราณธาตุไม้จะช่วยฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้จริง แต่ก็ผลาญพลังในร่างกายไปไม่น้อยเช่นกัน
หากพลังในร่างกายหมดสิ้น ก็ไม่มีทางฟื้นฟูอาการบาดเจ็บได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเว่ยหมิงเฉินและตัดสินใจยั่วยุให้อีกฝ่ายใช้พลังออกมาให้หมด
เขายังคงกล่าววาจาเหยียดหยามเว่ยหมิงเฉินต่อไป
“ตัวโง่งม เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าจะลงมือแต่เพียงผู้เดียว?”
“เจ้าคิดหรือว่าข้าจะสู้กับเจ้าอย่างสุภาพบุรุษ? ตัวร้ายกาจไร้มนุษยธรรมเช่นเจ้า มีค่าอันใดให้ต่อสู้กันอย่างยุติธรรม…”
“เจ้าคงโกรธแค้นแล้วสินะ?”
“เก่งจริงก็ฆ่าข้าให้ได้สิ”
หลินเป่ยเฉินลงมือโจมตีพร้อมกับหัวเราะเยาะในเวลาเดียวกัน
เว่ยหมิงเฉินผู้โด่งดังมีสีหน้าเคร่งเครียด เขากำลังโกรธแค้นอยู่จริง ๆ ดวงตาร้อนผ่าวราวกับมีเปลวไฟแผดเผา ไม่ทราบเป็นเพราะเหตุใด ยิ่งจ้องมองหลินเป่ยเฉินมากเท่าไหร่ เว่ยหมิงเฉินก็ยิ่งรู้สึกเคียดแค้นมากเท่านั้น
นักพรตหญิงชินถึงกับช่วยโจมตีอีกแรง
หลังผ่านการช่วยเหลือหลินเป่ยเฉิน และดูดซับพลังในแดนสุขาวดี ก็ดูเหมือนว่านักพรตหญิงชินจะมีระดับพลังแข็งแกร่งมากขึ้น แผ่นหลังของนางมีปีกกระบี่งอกออกมาถึงแปดคู่ กระบี่ลำแสงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือ และกระบี่เล่มนั้นก็กำลังฟาดฟันออกมาด้วยความดุดันเกรี้ยวกราด…
นี่คือพลังแห่งความโกรธแค้นที่ถูกกักเก็บเอาไว้เป็นระยะเวลาหลายร้อยปี
นักพรตหญิงชินเปิดเผยให้เห็นด้านอำมหิตดุดันของตนเอง ทุกกระบวนท่าที่โจมตีออกมา หากฝ่ายตรงข้ามไม่ตาย ก็ต้องเป็นนางเองที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
หลินเป่ยเฉินเห็นอย่างนี้ก็อดตกใจขึ้นมาไม่ได้
นักพรตหญิงชินสมควรเป็นเพียงผู้ช่วยเหลือของเขาไม่ใช่หรือ? แต่นี่นางกำลังขโมยซีนเขาเลยไม่ใช่หรือไง?
โชคดีที่เว่ยหมิงเฉินมีฝีมือกระบี่แข็งแกร่ง จึงสามารถรับมือการโจมตีของนางได้อย่างไม่มีปัญหา และเมื่อต้องรับมือกับหลินเป่ยเฉินอีกด้านหนึ่ง เว่ยหมิงเฉินจึงไม่มีเวลาตอบโต้นักพรตหญิงชินอีกแล้ว
ในเวลาเดียวกันนี้
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นได้ดึงดูดความสนใจจากเหล่าผู้คนที่อยู่ล้อมรอบภูเขาศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มเทพอสูรจำนวนหนึ่งเมื่อเห็นว่าเว่ยหมิงเฉินกำลังจะตกเป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ พวกเขาก็รีบพุ่งตรงเข้ามายังเขตต่อสู้เตรียมพร้อมช่วยเหลือ
“ที่รักจ๋า ช่วยหยุดพวกเขาที”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงร้องตะโกน
นักพรตหญิงชินลังเลเล็กน้อย ก่อนจะกระพือปีกกระบี่บนแผ่นหลังและบินไปสกัดกั้นกลุ่มเทพอสูรที่ต้องการเข้ามาช่วยเหลือเว่ยหมิงเฉิน
ด้วยเหตุนี้ เว่ยหมิงเฉินจึงรู้สึกว่าพลังกดดันเริ่มเบาบางลง
“ข้าจะทำให้พวกเจ้าได้ตายอย่างทรมาน…”
เว่ยหมิงเฉินคำรามออกมาด้วยความดุร้าย
ก่อนที่แผนการใหญ่ของเขาจะสำเร็จ เว่ยหมิงเฉินจะสามารถทนรับความพ่ายแพ้อันย่อยยับเช่นนี้ได้อย่างไร?
แต่เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
สวบ!
เสียงที่แปลกประหลาดก็ดังขึ้น
ปรากฏว่ากระบี่เงินที่เคยลุกโชนด้วยเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์ในมือหลินเป่ยเฉินพลันดับวูบลง มันสลัดหลุดพ้นการพัวพันจากกระบี่มังกรดำและแทงทะลุใส่กลางหว่างคิ้วของเว่ยหมิงเฉิน
คมกระบี่ได้เสียบทะลุสมองของเขาแล้ว…