เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1506 จงเป็นสุนัขรับใช้ข้า
ตอนที่ 1,506 จงเป็นสุนัขรับใช้ข้า
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ไล่ตามไป
เขาเริ่มกลับมาได้สติอีกครั้ง
ความสำคัญสูงสุดในขณะนี้คือการทำลายแท่นบูชา เพื่อป้องกันไม่ให้การบูชายัญทั่วแผ่นดินตงเต้าดำเนินต่อไป
ร่างกายของเด็กหนุ่มพุ่งเป็นลำแสงลงไปด้านล่าง
เส้นผมของเขาปลิวไสวไปตามแรงลมไม่ต่างจากเปลวไฟ
มวลอากาศปั่นป่วน สองมือของหลินเป่ยเฉินหมุนวนอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้น ลำแสงกระบี่จำนวนมากก็ปรากฏออกมาจากรอบกายของเขา
ลำแสงกระบี่เหล่านั้นพุ่งตรงลงไปด้านล่าง
พุ่งตรงลงไปหาม่านพลังที่คุ้มครองแท่นบูชาเก้าชั้น
“จงถล่มลงไปซะ”
หลินเป่ยเฉินกดฝ่ามือลงไปด้านล่าง
วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านอากาศทะลวงม่านพลังตรงเข้าไปหาแท่นบูชาขนาดยักษ์
นี่คือกระบวนท่ากระบี่ที่แปด
เมื่อนำวิชากระบี่สิบเจ็ดคาบสมุทรมาใช้งานร่วมกับวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณ พลังทำลายล้างของการโจมตีก็รุนแรงมากขึ้น
หลินเป่ยเฉินมั่นใจว่าตนเองต้องทำลายแท่นบูชาได้สำเร็จ
แต่จังหวะที่ลำแสงกระบี่ของเขากำลังจะพุ่งเข้าไปถึงแท่นบูชา ความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดฝันก็บังเกิดขึ้น
เด็กหนุ่มผู้มีผมสีน้ำเงินปรากฏกายขึ้นราวกับเป็นวิญญาณตนหนึ่ง
เขาลอยตัวอยู่ในอากาศ ใบหน้ายิ้มแย้ม จ้องมองลำแสงกระบี่ที่พุ่งเข้ามาโดยไร้ซึ่งความหวาดกลัว
หลินเป่ยเฉินพบว่าในมือของเด็กหนุ่มผู้นี้กำลังหิ้วคอเสื้อใครบางคน
เป็นชายชราผมเทาที่หลบหนีไปก่อนหน้านี้
เฒ่าอสูรผู้แข็งแกร่งถูกเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินจับตัวได้อย่างง่ายดาย สีหน้าของชายชราบอกถึงความกลัว แต่เขาก็ไม่กล้าดิ้นรนขัดขืน ทำได้เพียงเหลือบตามองเด็กหนุ่มผมน้ำเงินด้วยแววตาขอร้องอ้อนวอนเท่านั้น
ฝูงลำแสงกระบี่คืบคลานเข้ามาใกล้
เด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินยกมือขวาขึ้นอย่างไม่รีบร้อน ก่อนจะรวบนิ้วทั้งห้าเข้าหากันและหมุนวนข้อมือเล็กน้อย
พลังที่ไม่ควรมีอยู่ในโลกใบนี้พลันระเบิดออกมา
ตู้ม!
มวลอากาศปั่นป่วน
หลินเป่ยเฉินหรี่ตาลงทันที
ภาพที่น่าสะพรึงกลัวบังเกิดขึ้น
เขาเห็นกับตาว่ากลุ่มลำแสงกระบี่ของตนเองกำลังจะพุ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินกับแท่นบูชาเก้าชั้นนั้นแล้วแท้ ๆ แต่จังหวะสุดท้าย ลำแสงกระบี่ทั้งหมดก็ถูกดีดสะท้อนกลับออกมาและไม่สามารถเข้าใกล้แท่นบูชาในระยะห้าวาได้เลย
การโจมตีของเขาถูกเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินสลายลงได้อย่างง่ายดาย
“ช่างน่าประหลาดใจดีแท้”
เด็กหนุ่มหน้าตาอัปลักษณ์ยิ้มมุมปากและหัวเราะในลำคอ
แต่พูดยังไม่ทันจบ เขาก็สะบัดข้อมือของตนเองอีกครั้ง
ลำแสงกระบี่ที่หลินเป่ยเฉินปล่อยออกไปโจมตีก่อนหน้านี้พลันถูกดูดย้อนคืนกลับมาหลอมรวมเข้าสู่ฝ่ามือของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงิน
ใช้เวลาเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น การดูดซับพลังก็เสร็จสิ้น
หัวใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
นี่คือวิชาที่แปลกประหลาดมาก
ย่อมเป็นวิชาจากภพภูมิอื่นเช่นกัน
และสถานะของเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินผู้นี้ต้องสูงส่งกว่าชายชราผมเทากับเจ้าคนแคระชุดดำนั่นแน่นอน
ให้ตายสิ!
นี่เขามาบุกรังสัตว์ประหลาดหรือไงนะ?
หลินเป่ยเฉินรีบโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกายเต็มอัตรา เฝ้าดูอย่างระมัดระวัง ไม่กล้ารีบร้อนลงมือโจมตี ในเวลาเดียวกันนี้ ก็พยายามตรวจสอบความแข็งแกร่งของฝ่ายตรงข้าม
หากสู้ไม่ได้จริง ๆ…
ถ้าอย่างนั้นก็คงต้องลากตัวอีกฝ่ายเข้าไปในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดแล้ว
ที่ก่อนหน้านี้หลินเป่ยเฉินยังไม่ใช้งานอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะเขากลัวว่าหากตอนที่ตนเองกับคู่ต่อสู้เข้าไปอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ และอีกฝ่ายยังมีผู้แข็งแกร่งหลงเหลืออยู่ด้านนอก นักพรตหญิงชินก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายโดยที่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถกลับออกมาช่วยเหลือได้ทันเวลา
อีกอย่าง การเปิดใช้งานอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์คือสิ่งที่เผาผลาญพลังเป็นอย่างมาก หากไม่ใช่ตัวเลือกสุดท้ายจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็ไม่คิดใช้งานเด็ดขาด
แต่ขณะนี้สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ว่าเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินเข้มคนนี้มีพลังกดดันรุนแรงมากกว่าเฒ่าอสูรกับคนแคระชุดดำหลายเท่า เขาจึงสังหรณ์ใจว่าหากไม่เปิดใช้งานอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ ตนเองอาจจะไม่มีโอกาสชนะเลยก็เป็นได้
สายลมพัดผ่าน
นักพรตหญิงชินลอยตัวมายืนหยัดอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉิน
อาการบาดเจ็บของนางทุเลาแล้ว
“เจ้าทำให้ข้าประหลาดใจยิ่งนัก”
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์จ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาที่ใช้สำหรับการพิจารณาสิ่งของ ก่อนถอนหายใจ “ดินแดนแสนโสโครกแห่งนี้ให้กำเนิดผู้มีพรสวรรค์อย่างเจ้าได้อย่างไร… เหอ เหอ เหอ ดูเหมือนจะไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้จริง ๆ สินะ… เจ้ามีนามว่าอะไรหรือ?”
“แล้วเจ้าล่ะมีนามว่าอันใด?”
หลินเป่ยเฉินถามกลับไปเสียงเย็นชา
“หืม?”
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์ยิ้มเยาะอย่างชอบใจ “ตัวข้านั้นมาจากดินแดนที่สูงส่งมากกว่าที่นี่หลายเท่า เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้และไม่คู่ควรที่จะได้รู้ชื่อของข้า แต่ที่ข้าอยากรู้ชื่อของเจ้านั้น ก็เพราะว่าข้ารู้สึกสนใจในตัวของเจ้าเข้าเสียแล้วสิ”
หา?
อะไรของมันวะเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินรีบตอบกลับไปเสียงแข็งกระด้างว่า “ข้าไม่สนใจบุรุษ โดยเฉพาะผู้ที่มีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้า แต่หากเจ้ายอมปล่อยให้ข้าทำลายแท่นบูชาแห่งนี้แต่โดยดี บางที ข้าจะยอมไปทานข้าวหรือดูหนังกับเจ้าสักเรื่องก็ได้…”
ในเมื่ออีกฝ่ายมีใจให้ถึงขนาดนี้ เขาจะปล่อยให้หลุดมือไปโดยไม่หลอกใช้ประโยชน์สักหน่อยได้อย่างไร?
ดวงตาที่สวยงามของนักพรตหญิงชินพลันปรากฏประกายวาวโรจน์
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มอัปลักษณ์ขมวดคิ้วก่อนหัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยาม “สิ่งมีชีวิตชั้นต่ำอย่างเจ้าไม่คู่ควรมานั่งรับประทานอาหารกับข้า จงคุกเข่าร้องขอความเมตตาซะ และข้าอาจจะเลี้ยงเจ้าไว้เป็นสุนัขรับใช้ตัวใหม่ของข้าเอง”
หลินเป่ยเฉินเข้าใจความหมายของอีกฝ่ายโดยทันที
“เจ้าคิดว่าข้าจะยอมง่าย ๆ งั้นหรือ… เฮอะ ฝันไปเถอะ!”
เขาโกรธแค้นและสบถคำหยาบ
ดวงตาของนักพรตหญิงชินหรี่ลงเล็กน้อย มุมปากยกตัวเป็นรอยยิ้ม
“เจ้ายังไม่รู้ตัวแล้วว่าตนเองโชคดีเพียงใด”
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์หัวเราะในลำคอ “เจ้ายังไม่รู้หรอกว่าโลกภายนอกยิ่งใหญ่เพียงใด และไม่รู้ว่าโลกภายนอกคือสิ่งใด แค่เจ้าสามารถเอาชนะสุนัขรับใช้ทั้งสองตัวของข้าได้สำเร็จ เจ้าก็คิดว่าตนเองแข็งแกร่งเสียเต็มประดาแล้ว… หารู้ไม่ว่าข้างกายข้ายังคงมีทาสรับใช้ที่แข็งแกร่งมากกว่านี้อีกมากมายนัก…”
กล่าวจบ มือข้างซ้ายของเขาที่หิ้วคอเสื้อเฒ่าอสูรก็เกิดพลังกดดันรุนแรง
“พระองค์ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย…”
เฒ่าอสูรรู้ชะตากรรมว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นจึงรีบร้องขอความเมตตา
แต่เสียงร้องขอชีวิตของเขายังไม่ทันจบประโยค ก็ได้ยินเสียงของการระเบิดตัว แล้วศีรษะของชายชราก็แตกกระจาย เศษเลือดเศษสมองโปรยปรายลงสู่พื้นดินด้านล่าง
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์โยนร่างไร้ศีรษะทิ้งไป
ศพไร้ศีรษะของเฒ่าอสูรร่วงหล่นลงสู่สนามพลังของแท่นบูชาเก้าชั้นบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในการป้อนพลังสู่ค่ายอาคม…
“สุนัขรับใช้ตัวนี้ไม่มีประโยชน์กับข้าอีกต่อไป มันทำให้ข้าต้องอับอายด้วยการหลบหนีอย่างไร้ซึ่งศักดิ์ศรี โชคดีหน่อยที่ศพของมันยังใช้เป็นเครื่องบรรณาการได้ในท้ายที่สุด”
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์พูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปัดมือของตนเองคล้ายกับต้องการจะขับไล่สิ่งสกปรก
หลังจากนั้น เขาก็เงยหน้ามองมาที่หลินเป่ยเฉินกับนักพรตหญิงชินอีกครั้งและยิงฟันยิ้มเผยให้เห็นถึงฟันสีเหลืองอ๋อย “ในเมื่อเจ้าไม่อยากมาเป็นสุนัขรับใช้ข้า เจ้าก็ต้องเป็นเครื่องบรรณาการเช่นกัน”
เด็กหนุ่มอัปลักษณ์ทำท่าขยุ้มนิ้วมือในอากาศ
มวลพลังไหลทะลักออกมาจากฝ่ามือ
หลินเป่ยเฉินกับนักพรตหญิงชินรู้สึกได้ถึงแรงดึงดูดมหาศาลจากฝ่ายตรงข้าม
และไม่มีทางที่พวกเขาจะต้านทานได้เลย
แรงดึงดูดมหาศาลนี้ก็มีต้นกำเนิดออกมาจากฝ่ามือของเด็กหนุ่มอัปลักษณ์
“เชี่ย หมอนี่มันคิดว่าตัวเองจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบงั้นเหรอ?”
หลินเป่ยเฉินทั้งตกตะลึงและโกรธแค้น
เพราะผมของเขาเสียทรงหมดแล้ว
ร่างของนักพรตหญิงชินมีลำแสงสีเงินปกคลุมอยู่ นางพยายามจะต้านทานแรงดูดอย่างสุดความสามารถ
แต่ทั้งสองคนก็ยังคงถูกพลังลมดูดดึงตัวเข้าไปใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ดี
แม้ว่าจะพยายามระเบิดพลังออกมาจากร่างกายเต็มอัตรา แต่ทั้งหลินเป่ยเฉินกับนักพรตหญิงชินต่างก็ไม่สามารถต้านทานพลังลมดูดกระแสนี้ได้อีกแล้ว…
อันตราย!
คำ ๆ นี้ปรากฏขึ้นมาในหัวใจของหลินเป่ยเฉิน
“พี่ชินถอยไป เดี๋ยวข้าจัดการเอง”
เขายกมือผลักร่างของนักพรตหญิงชินไปทางด้านหลัง ก่อนจะกระชับกระบี่เงินในมือ เลิกโคจรพลังต่อต้าน และเปลี่ยนเป็นปล่อยตัวตามแรงดึงดูดพุ่งกายเป็นลำแสงเข้าไปหาเด็กหนุ่มอัปลักษณ์ด้วยจิตสังหารอันเปี่ยมล้น!