เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1511 หักเหลี่ยมเฉือนคม
ตอนที่ 1,511 หักเหลี่ยมเฉือนคม
บุคคลปริศนายังคงเย็นชาและไม่ตอบคำถามสักคำ
ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ภายใต้ม่านหมอกขาว ดวงตาที่เป็นประกายคมกล้าจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉินราวกับว่ากำลังจ้องมองผลงานที่ยังสร้างไม่เสร็จ ซึ่งดูไม่ออกเลยว่าเขากำลังผิดหวังหรือพึงพอใจกันแน่
หลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสและเริ่มต้นรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างช้า ๆ
พลังปราณธาตุไม้จากวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณนั้นทรงพลังมาก แต่บาดแผลที่เกิดขึ้นจากฝีมือของโอรสสวรรค์กลับเยียวยาได้เชื่องช้ามากกว่าที่หลินเป่ยเฉินคิดเอาไว้
แต่ไม่เป็นไรหรอก
อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ปลอดภัยแล้ว
ห่างออกไปประมาณสองลี้ แท่นบูชาเก้าชั้นยังคงตั้งอยู่บนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์ การดูดซับพลังยังคงดำเนินต่อไป
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
บริเวณนี้ไม่มีผู้ใดเหลืออยู่อีกแล้ว
นับเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง
เพราะฉะนั้น
หลินเป่ยเฉินรีบนำเครื่องยิงจรวด Type 69 ออกมาโคจรพลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดและรับประทานยารักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะเล็งเป้าหมายไปยังแท่นบูชาบนยอดเขาศักดิ์สิทธิ์พร้อมยิ้มกริ่ม
ตู้ม!
แรงถีบมหาศาล ลูกระเบิดพุ่งเป็นดาวหางทะลวงผ่านอากาศ มีเพียงหลินเป่ยเฉินผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถมองเห็นภาพนี้ได้ และลูกระเบิดนั้นก็กำลังพุ่งเข้าหาแท่นบูชาเก้าชั้น
ไม่มีทางพลาดเป้าเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
แต่ความสุขของเขาดำรงอยู่ได้เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
เพราะด้านบนภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้สร้างม่านพลังคอยคุ้มครองอารักขา และพลังทำลายล้างจากลูกระเบิดของหลินเป่ยเฉินก็ถูกม่านพลังนี้ดูดซับไปจนหมดสิ้น
ยังไม่จบเพียงเท่านี้
ลมหายใจต่อมา สนามพลังของแท่นบูชานั้นคล้ายกับเป็นสิ่งมีชีวิต มันเริ่มยิงลำแสงโต้ตอบใส่หลินเป่ยเฉินด้วยความแม่นยำไม่แพ้กัน
“เชี่ย…”
คุณชายหลินเบิกตาโต หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
ความตายคืบคลานเข้ามา
บัดนี้ เขาอยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัส ไม่มีเวลาหลบหนีอีกแล้ว
และเขาจะทนทานพลังทำลายล้างเช่นนี้ได้หรือไม่?
จังหวะนั้น บุคคลปริศนาได้มาปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน อีกฝ่ายโบกมือวูบ แล้วพลังทำลายล้างเหล่านั้นก็หายไปในพริบตา
หลินเป่ยเฉินยกมือทาบอกและถอนหายใจออกมาด้วยความอกสั่นขวัญแขวน
“เจ้าเด็กโง่… เจ้าอยากตายหรืออย่างไร?”
ในที่สุด บุคคลปริศนาก็เปล่งเสียงพูดออกมา
เขาหันกลับมาชี้หน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความเกรี้ยวกราด “ค่ายอาคมระดับสูงเช่นนี้จะพังทลายลงด้วยพลังของเจ้าได้อย่างไร? หากไม่ใช่เพราะพ่ะ… เพราะข้าอยู่ที่นี่ เจ้าคงตายกลายเป็นผีไปแล้ว…”
ความเย็นชาสลายหายไป
หลินเป่ยเฉินยิ้มแฉ่งอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว “ดูเหมือนท่านผู้กล้าหาญจะห่วงใยข้าน้อยมากนะขอรับ…”
“จะไม่ห่วงใยได้อย่างไร”
บุคคลปริศนากล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันเสี่ยงมากเพียงใดที่ข้าต้องลงมือเองเช่นนี้? เมื่อข้าเลือกที่จะใช้วิธีนั้นแล้ว ข้าก็สมควร…”
แต่บุคคลปริศนากลับหยุดชะงักกึก
ร่างของหลินเป่ยเฉินกระตุกเฮือก โลหิตไหลทะลักออกมาจากปากอีกคำใหญ่ ใบหน้าของเขาซีดขาวจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แววตาของบุคคลปริศนาแสดงออกถึงความเป็นกังวลและความเคร่งเครียด เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ได้พูดคำใดออกมาอีก
อาการบาดเจ็บของหลินเป่ยเฉินรุนแรงมาก
การใช้งานเครื่องยิงระเบิดเมื่อสักครู่นี้ทำให้เด็กหนุ่มสูญเสียพลังไปอีกไม่น้อย บาดแผลบนร่างกายปริแตก ดวงตาพร่าเลือน กระดูกบางส่วนไม่อาจเชื่อมติด ชุดมือกระบี่สีขาวถูกย้อมกลายเป็นสีแดง…
นับว่าครั้งนี้หลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสจริง ๆ
ครั้งสุดท้ายที่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงขั้นนี้มันคือเมื่อไหร่กันนะ?
“อาการบาดเจ็บของเจ้าหนักมากแล้ว…”
เมื่อบุคคลปริศนาเห็นเช่นนี้ เขาก็ทำท่าจะเดินเข้ามาช่วยเหลือโดยไม่รู้ตัว แต่แล้วกลับหยุดชะงักคล้ายนึกอะไรได้บางอย่าง จึงหมุนตัวถอยห่างออกไป ส่งเสียงกระแอมไอเล็กน้อย เปลี่ยนบุคลิกกลับไปเป็นผู้เย็นชาดังเดิม แต่ถึงกระนั้นก็ยังพูดออกมาว่า “อดทนไว้ ร่างกายมนุษย์อย่างเจ้าต้องใช้เวลาในการเยียวยาความเสียหายจากผู้ที่มีสายเลือดปีศาจมากกว่าปกติ เจ้าสำรวจดูพลังตกค้างในจุดลมปราณของตนเองให้ดีเถอะ”
หลังจากพูดจบ บุคคลปริศนาก็ก้าวถอยหลังและหายวับไปต่อหน้าต่อตา
หืม?
หลินเป่ยเฉินอ้าปากค้างอย่างไม่อยากเชื่อ
พูดยังไม่ทันรู้เรื่อง จะรีบไปไหนเนี่ย?
นอกจากไม่ช่วยหลินเป่ยเฉินฆ่าโอรสสวรรค์แล้ว บุคคลปริศนายังไม่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บให้เขาอีกด้วย มิหนำซ้ำ ยังคงปล่อยแท่นบูชาเอาไว้ที่เดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น…
ให้ตายสิ คิดจะช่วยกันทั้งที อย่ามาช่วยกันครึ่ง ๆ กลาง ๆ อย่างนี้ได้ไหม
หลินเป่ยเฉินรีบตะโกนออกไปด้วยความร้อนรนใจว่า “ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดหยุดก่อน…”
ไม่มีการตอบรับ
เด็กหนุ่มเอาแต่ตะโกนเรียกอยู่เช่นนี้
แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะจากไปแล้วจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินใช้ความคิดอยู่เล็กน้อย ตัวเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส จึงไม่กล้าลอยตัวอยู่กลางอากาศนานเกินไป เขาโคจรพลังศักดิ์สิทธิ์ในร่างกาย ก่อนจะพุ่งตัวลงไปสู่หุบเขาที่อยู่ด้านล่าง…
ในอาณาเขตของภูเขาศักดิ์สิทธิ์ยังคงมีสภาพแวดล้อมอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าเขาลำเนาไพร ไม่ได้กลายเป็นทะเลทรายเหมือนสถานที่อื่น ๆ ในแผ่นดินตงเต้า
หลินเป่ยเฉินใช้พลังปราณธาตุน้ำจากวิชาห้าธาตุหลอมวิญญาณเลียนแบบพลังปราณธรรมชาติจากต้นไม้โดยรอบและซ่อนตัวอย่างระมัดระวัง
เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดนี้ หลินเป่ยเฉินก็ต้องนั่งใช้สมองย่อยข้อมูลของเรื่องราวที่ตนเองเพิ่งได้ประสบพบเจอมา
“ตาลุงปริศนาคนนั้นเป็นใครกันแน่? ขนาดโอรสสวรรค์ยังเข้าออกอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์ของเราไม่ได้ตามใจชอบ แล้วตาลุงคนนี้มาโผล่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของเราได้ยังไง? แถมพลังต่อสู้ยังเหนือกว่าโอรสสวรรค์นั่นอีก น่าเสียดายที่ตาลุงไม่ได้อยู่ช่วยเราตลอดรอดฝั่ง ไม่งั้นหลังจากนี้ เราก็คงสบายแล้ว…”
“ดูเหมือนเขากำลังเป็นห่วงอะไรบางอย่างอยู่สินะ”
“แต่ช่างเถอะ เรื่องนี้อย่าเพิ่งคิดตอนนี้เลยดีกว่า”
“ตอนนี้เรื่องเร่งด่วนมากที่สุดก็คือการหาทางทำลายแท่นบูชานั้นให้ได้ต่างหาก เห็นได้ชัดว่าอาวุธของเราใช้ไม่ได้ผล ยิ่งโจมตีใส่หนักหน่วงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีพลังสะท้อนกลับมามากเท่านั้น…”
“มีแต่ต้องใช้สมองแล้วสินะ…”
“โชคดีที่เราเป็นคนฉลาด”
“จากข้อมูลที่ฉินโซวเคยบอกเอาไว้ ค่ายอาคมบูชายัญจะใช้เวลาประมาณห้าวันในการดูดกลืนพลังชีวิตบนแผ่นดินตงเต้า… เฮ้อ เท่ากับว่าตอนนี้เราเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว”
“สำหรับแผนการในวันนี้ วิธีเดียวที่เราคิดออกก็คือต้องรักษาอาการบาดเจ็บให้เร็วที่สุด จากนั้นก็แอบเข้าไปที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์และหาทางทำลายแท่นบูชาจากภายในให้ได้”
“ยังดีที่เรามีอุปกรณ์คอยช่วยเหลือครบครัน”
หลินเป่ยเฉินคิดทั้งหมดนี้ขณะลงมือรักษาอาการบาดเจ็บด้วยตนเอง
ความคิดของเขาลื่นไหล
เขาเคยเกือบตายมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงไม่คิดประมาทอีกต่อไป
ในเมื่อถูกรับเลือกให้สวมบทวีรบุรุษ หลินเป่ยเฉินก็มีแต่ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้สำเร็จลุล่วงเท่านั้น
เขาจะทำอะไรครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้เด็ดขาด
เด็กหนุ่มรู้ดีว่าสาเหตุที่ตนเองต้องมามีสภาพย่ำแย่เช่นนี้ เหตุผลไม่มีอะไรซับซ้อน…
นั่นเป็นเพราะว่าเขามั่นใจในตนเองมากเกินไปและศัตรูก็เจ้าเล่ห์มากเกินไป
หลินเป่ยเฉินคิดว่าเมื่อตนเองสามารถปลดผนึกพลังปราณธาตุได้ทั้งห้าชนิด เขาก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานในปฐพี เขาจะสามารถบดขยี้เว่ยหมิงเฉิน… ซึ่งอันที่จริงนั้น หลินเป่ยเฉินก็ทำได้สำเร็จแล้ว
แต่ใครจะไปคิดเลยว่าไอ้หมอนั่นมันดันมีกำลังเสริมเป็นผู้แข็งแกร่งอีกถึงสามคน
เว่ยหมิงเฉินมาข้องเกี่ยวกับพวกโอรสสวรรค์ได้อย่างไร?
นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกแล้ว
เรื่องสำคัญในขณะนี้คือหลินเป่ยเฉินจะประมาทไม่ได้อีกเด็ดขาด
เขาต้องระมัดระวัง
หลินเป่ยเฉินใช้ศิลาบูชาชาร์จแบตโทรศัพท์มือถือให้เต็ม จากนั้นจึงโคจรพลังปราณธาตุไม้รักษาอาการบาดเจ็บพร้อมกับพยายามติดต่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทางแอปวีแชต
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเป็นผู้ที่มาจากภพภูมิอื่น ตอนนี้นางสามารถฟื้นฟูพลังกลับคืนมาได้บางส่วนแล้ว บางทีนางอาจจะพอช่วยเหลือเขาแก้ไขวิกฤตการณ์ในแผ่นดินตงเต้าได้บ้างไม่มากก็น้อย
เหตุผลที่หลินเป่ยเฉินไม่ได้พาตัวเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมาแผ่นดินตงเต้าด้วยกันก่อนหน้านี้ เพราะหลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าตนเองสามารถจัดการทุกอย่างได้อย่างอยู่หมัด และปล่อยให้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอยู่ดูแลความสงบเรียบร้อยของดินแดนทวยเทพไปจะเป็นประโยชน์มากกว่า…
แต่บัดนี้ ดูเหมือนหลินเป่ยเฉินคงทำเช่นนั้นไม่ได้อีกแล้ว
…
โอรสสวรรค์ไม่ได้หลบหนีไปไหน
เขาเพียงกลับมาที่ยอดเขาศักดิ์สิทธิ์และตรงไปยังแท่นบูชาเก้าชั้น
“คิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มีสายเลือดจักรพรรดิจะมาที่โลกใบนี้ด้วย… พวกนั้นกำลังวางแผนอะไรอยู่นะ?”
โอรสสวรรค์ไม่แน่ใจเลยว่าบุคคลปริศนาที่ปรากฏตัวขึ้นในม่านหมอกขาวนั้นเป็นผู้ใดกันแน่
แต่คนผู้นี้มีพลังต้านทานสายเลือดปีศาจอย่างเขา จึงเป็นที่มั่นใจได้ว่าอีกฝ่ายก็คงมีสายเลือดไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในอาณาจักรหงหวงดั้งเดิมนั้น มนุษย์จะถูกแบ่งแยกออกเป็นยี่สิบสี่สายเลือดหลัก และสายเลือดจักรพรรดิกับสายเลือดปีศาจก็คือหนึ่งในนั้น
จากความแข็งแกร่งของบุคคลปริศนาแสดงให้เห็นว่ามีขั้นพลังไม่ต่ำกว่าจอมเทพระดับ 4 ซึ่งเป็นระดับที่สูงล้ำมากกว่าโอรสสวรรค์
“สู้กันตัวต่อตัว ข้าอาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา แต่ว่า…”
โอรสสวรรค์จ้องมองแท่นบูชาเก้าชั้นที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ดวงตาเล็กเท่าเม็ดถั่วทอประกายดุร้ายวาววูบ “แต่ด้วยความช่วยเหลือจากการหลอมรวมพลังทั่วแผ่นดิน ข้าก็จะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทาน แม้แต่จอมเทพระดับ 4 ก็ไม่อาจหนีรอดความตายไปได้อีกแล้ว”
นี่คือเหตุผลที่ทำให้โอรสสวรรค์ล่าถอยกลับมายังยอดเขาศักดิ์สิทธิ์
อีกไม่นานแล้ว
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
กำลังจะถึงเวลาหลอมรวมพลังสำหรับเขาสักที
ตราบใดที่โอรสสวรรค์สามารถหลอมรวมพลังจากแท่นบูชานี้ได้สำเร็จ ระดับพลังของเขาก็จะเลื่อนขึ้นอีกสองระดับทันที และนั่นก็จะทำให้โอรสสวรรค์มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 5
ดวงตาของโอรสสวรรค์เป็นประกายระยิบระยับด้วยความตื่นเต้น
เมื่อเงยหน้ามองไปยังด้านบนสุดของแท่นบูชาเก้าชั้น โอรสสวรรค์ก็พบว่าเด็กสาวผู้นั้นยังคงดูดซับพลังจากแท่นบูชาต่อไป…
ได้ยินเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา
เป็นไป๋ชินอวิ๋นเดินเข้ามาอย่างช้า ๆ
โอรสสวรรค์หันหน้ามาชำเลืองมองไปที่เด็กสาวตัวเล็กหน้าอกโตซึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่ทางด้านหลัง “เป็นเจ้าเองหรือ? เหตุไฉนสุนัขรับใช้ของเว่ยหมิงเฉินถึงได้มาหาข้าเช่นนี้เล่า?”
ไป๋ชินอวิ๋นก้มหน้าต่ำ ตอบว่า “นายท่านของข้าน้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส บัดนี้กำลังพักรักษาตัว จึงไม่สามารถมารับคำบัญชาจากท่านโอรสสวรรค์ได้เจ้าค่ะ”
“งั้นเจ้าก็คงรู้วิธีควบคุมค่ายอาคมสินะ?”
โอรสสวรรค์ถามอย่างใช้ความคิด
“ย่อมรู้เจ้าค่ะ”
ไป๋ชินอวิ๋นอธิบายต่อไป “เดิมที ข้าน้อยก็เป็นผู้ควบคุมค่ายอาคมนี้อยู่แล้ว ขณะนี้ มีมนุษย์กลุ่มหนึ่งได้ร่วมมือกับเทพเจ้าจากดินแดนทวยเทพออกเดินทางไปทั่วแผ่นดินตงเต้า เพื่อสลายค่ายอาคมด้วยการทำลายแท่นบูชาศักดิ์สิทธิ์ แต่ตราบใดที่ยังมีข้าน้อยอยู่ตรงนี้ ก็ไม่มีทางที่พวกมันจะทำได้สำเร็จหรอกเจ้าค่ะ”
“ประเสริฐ เจ้าทำงานได้ดีมาก”
โอรสสวรรค์พยักหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไปเถอะ เมื่อเรื่องราวนี้จบลง ข้าจะให้รางวัลเจ้าเอง”
ไป๋ชินอวิ๋นก้าวถอยหลังอย่างช้า ๆ ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
โอรสสวรรค์ยังคงยืนอารักขาแท่นบูชาเก้าชั้นและรอคอยเวลา
สี่ชั่วยามต่อมา
คนสองคนก็ได้แอบลอบเข้ามาในภูเขาศักดิ์สิทธิ์