เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1517 คนอำมหิต
ตอนที่ 1,517 คนอำมหิต
“นายท่าน ไว้ชีวิตของข้าน้อยด้วย”
มู่ซินเยว่ตื่นตระหนกอย่างแท้จริง
นางเริ่มขอร้องอ้อนวอน
เว่ยหมิงเฉินตอบว่า “ข้ามอบโอกาสให้เจ้าแล้ว แต่เป็นเจ้าไม่เห็นคุณค่าโอกาสนั้นเอง บัดนี้มาขอร้องอ้อนวอนก็สายเกินไปแล้ว เจ้าคิดหรือว่าข้าจะปล่อยให้คนที่คิดทรยศต่อข้าลอยนวลไปง่าย ๆ?”
มู่ซินเยว่ได้แต่ขอร้องอ้อนวอนซ้ำไปซ้ำมา “นายท่าน ข้าน้อยผิดไปแล้ว… ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย ข้าน้อยจะทำทุกอย่างเพื่อท่าน ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยด้วย”
เว่ยหมิงเฉินหัวเราะเยาะ แววตาเหยียดหยาม
สีหน้าอำมหิต
มู่ซินเยว่เห็นดังนี้ก็รู้แล้วว่าตนเองคงไม่รอดแน่
เว่ยหมิงเฉินไม่มีทางปล่อยนางไปเพราะเห็นแก่ความงามของนางเด็ดขาด
และนางก็หยิ่งทะนงเกินกว่าที่จะขอร้องอ้อนวอนต่อไป
มู่ซินเยว่เปลี่ยนสีหน้าไปอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“โฮะ ๆๆ ถึงข้าไม่ได้ทรยศท่าน วันนี้ท่านก็คงไม่ปล่อยข้าไปอยู่ดีไม่ใช่หรือ? ข้าเป็นเพียงเครื่องสังเวยของท่านมาตั้งแต่แรก เป้าหมายของท่านไม่ใช่การหลอมรวมพลังชีวิตจากแผ่นดินตงเต้า แต่เป็นการดูดกลืนวิญญาณของโอรสสวรรค์ใช่หรือไม่?”
นางถามน้ำเสียงขมขื่น
เว่ยหมิงเฉินพยักหน้าด้วยความพอใจ “ดูเหมือนเจ้าจะไม่ได้โง่เขลาเสียทีเดียว”
มู่ซินเยว่มีแววตาเศร้าหมองและไม่ได้พูดอะไรอีก
นางหันหน้ามามองที่หลินเป่ยเฉิน
ครั้งนี้ แววตาของนางไม่ได้มีความสงสารเวทนาหรือเหยียดหยามเย้ยหยัน
แต่แววตาของนางเต็มไปด้วยการขอโทษและความรู้สึกผิด
มู่ซินเยว่ไม่พูดอะไรออกมา
แผนการของเว่ยหมิงเฉินถูกวางมาอย่างรัดกุม
เชือกสีเงินที่พันธนาการร่างกายมู่ซินเยว่พลันดึงตัวนางขึ้นไปในอากาศ ลอยอยู่เหนือสนามพลัง
“ได้เวลาเริ่มกันเสียที”
เว่ยหมิงเฉินพูดออกมาช้า ๆ
หลังจากนั้น…
ครืน! ครืน!
สนามพลังเกิดการสั่นสะเทือน
แต่ต้นกำเนิดของคลื่นแรงสั่นสะเทือนมาจากภายนอก
หลินเป่ยเฉินหันหน้ามองออกไปยังต้นกำเนิดคลื่นแรงสั่นสะเทือนโดยไม่รู้ตัว
ณ ลานจัตุรัสศักดิ์สิทธิ์นอกสนามพลัง ตรงบริเวณที่แท่นบูชาเก้าชั้นพังถล่มลงไป ลำแสงขนาดใหญ่ห้าสายได้ถูกยิงขึ้นจากพื้นดินพุ่งสู่ท้องฟ้า…
ในลำแสงนั้น มีร่างห้าร่างอยู่ด้านใน
ลำแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าเกิดเป็นม่านพลังหลอมรวมกัน ก่อนที่ม่านพลังเหล่านั้นจะเชื่อมต่อกับสนามพลังและถ่ายทอดพลังเข้ามาสู่ด้านใน จึงเป็นที่มาของคลื่นแรงสั่นสะเทือนนี้เอง
“ย้ากกก…”
มู่ซินเยว่ส่งเสียงร้องคำราม พยายามระเบิดพลังทำลายล้างออกมา
แต่อย่างไรก็ตาม เส้นเชือกสีเงินที่รัดพันร่างกายก็เปล่งแสงสว่างไสว ถ่ายทอดคลื่นพลังกระแสใหม่เข้าสู่ร่างกายของนาง…
นี่ไม่ใช่เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่มู่ซินเยว่
แต่เป็นการใช้ร่างของนางหลอมรวมพลัง
มู่ซินเยว่มีสภาพไม่ต่างไปจากหม้อปรุงยาที่มีชีวิต
และเว่ยหมิงเฉินก็ค่อย ๆ ลอยตัวขึ้นมาอยู่ด้านหลังของมู่ซินเยว่ สีหน้าของเขาเย็นชาไร้ความรู้สึก สองมือตวัดขึ้นลงวาดอักขระโบราณลงบนลำตัวของเด็กสาว…
เสียงกรีดร้องของมู่ซินเยว่ดังกังวานมากขึ้นหลายเท่า
เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น เส้นผมของเด็กสาวก็หลุดร่วงหมดศีรษะ ใบหน้าของนางบิดเบี้ยว โลหิตไหลซึมออกมาจากมุมปาก
แต่มู่ซินเยว่ก็ยังคงกรีดร้องขณะจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน
เสียงของนางแหบแห้ง
ทันใดนั้น นางก็ไม่ได้กรีดร้องอีกแล้ว
“หลินเป่ยเฉิน…”
มู่ซินเยว่ยิ้มออกมาด้วยความฝืดฝืน “ดูเหมือนข้าจะติดค้างคำขอโทษเจ้าอยู่สินะ”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้น มุมปากก็ยกตัวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยัน
มู่ซินเยว่หัวเราะในลำคอ “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่อยากฟัง แต่ข้าก็จะพูดอยู่ดี… ถึงข้าจะต้องมาอยู่ในสภาพนี้… แต่ข้าก็ไม่เสียใจเลย ข้าไม่มีพลังและอำนาจ… กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้… ข้าต้องหลอกใช้บุรุษไปเป็นจำนวนมาก พวกเขาต่างก็ลุ่มหลงในความงามของข้า… พวกเขาจ้องมองข้าราวกับว่า… อยากจะกลืนกินข้าลงไปทั้งตัว…”
ความเจ็บปวดทำให้เด็กสาวพูดตะกุกตะกัก
“พวกเขาทุกคน… ต่างก็สมควรถูกหลอกใช้… เจ้าก็เช่นกัน… ถึงเจ้าจะไม่อยาก… หลับนอนกับข้าก็ตาม… แต่อย่างน้อย… อย่างน้อยเจ้าก็ดีกว่าพวกเขาหลายเท่า… ทว่า ข้าเกลียดชังบุรุษและข้าก็เกลียดเจ้า… ถึงอย่างนั้น… ข้าก็ยังอยากขอโทษเจ้าอยู่ดี… จริง ๆ นะ…”
มู่ซินเยว่พูดอย่างยากลำบาก
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงซึ่งรับบทเป็นชาวบ้านหนึ่งอยู่ด้านข้าง ได้แต่มองหน้าหลินเป่ยเฉินสลับกับมองหน้ามู่ซินเยว่ ก่อนกระซิบว่า “ดูเหมือนนางจะรักเจ้าจริง ๆ นี่นา…”
“ฮ่า ๆๆ”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา
นี่เรียกว่าคนจะตายจึงพูดจาดี นกใกล้ตายจึงส่งเสียงร้องคร่ำครวญ คำพูดของมู่ซินเยว่อาจจะฟังดูจริงใจ แต่หลินเป่ยเฉินสามารถรับประกันได้เลยว่า หากนางมีหวังที่จะรอดชีวิตแม้เพียงนิดเดียว นางก็สามารถพลิกลิ้นตนเองได้ทันที และหากต้องฆ่าเขาเพื่อให้ตนเองอยู่รอด มู่ซินเยว่ก็จะลงมือกระทำโดยไม่ลังเล
หลินเป่ยเฉินไม่พูดอะไรออกมาสักคำ
ในหัวใจไม่เกิดความรู้สึกใด ๆ
เพียงหัวเราะในลำคอเล็กน้อยเท่านั้น
หลายสิบลมหายใจผ่านไป ใบหน้าของมู่ซินเยว่ก็เริ่มเลือนหาย
หลอมละลายราวกับน้ำแข็งและหิมะ
ลำแสงที่ปกคลุมร่างกายก็หายไปด้วยเช่นกัน
ชีวิตของเด็กสาวผู้มาจากเมืองหยุนเมิ่งได้จบสิ้นลงโดยสมบูรณ์
ร่างกายที่สูญสลายของนางเปลี่ยนสภาพกลายเป็นลูกไฟสามดวง
ดวงแรกเป็นลูกไฟสีแดงเลือด
ดวงที่สองเป็นลูกไฟสีดำสนิท
ดวงที่สามเป็นลูกไฟหลากสีสัน
เมื่อเห็นลูกไฟเหล่านี้ เว่ยหมิงเฉินก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ไม่สามารถรักษาท่าทีสงบเยือกเย็นเอาไว้ได้อีก
แล้วลูกไฟเหล่านั้นก็หดตัวลงกลายเป็นยาลูกกลอนสามเม็ด
เมื่อเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเห็นยาลูกกลอนเหล่านั้น ดวงตาของนางก็เป็นประกายระยิบระยับ นางพยายามกระโดดดึ๋ง ๆ ขึ้นไปไล่งับโอสถที่ลอยอยู่ในอากาศ
“โอสถโลหิตอมตะ โอสถวิญญาณปีศาจ และโอสถหลอมใต้หล้า…”
เว่ยหมิงเฉินพึมพำแผ่วเบาด้วยความปลาบปลื้ม
โอสถทั้งสามเม็ดนี้คือสิ่งที่ร่างกายมู่ซินเยว่สามารถหลอมรวมออกมาได้ มันเป็นโอสถที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมพลังชีวิตทั่วทั้งแผ่นดินตงเต้า เช่นเดียวกับเป็นโอสถที่เกิดขึ้นจากการหลอมรวมพลังวิญญาณของโอรสสวรรค์และพลังวิญญาณจากตัวมู่ซินเยว่
ทั้งหมดที่เว่ยหมิงเฉินต้องทำก็คือรับประทานและดูดซับพลังจากยาลูกกลอนทั้งสามเม็ดนี้ เพียงเท่านั้น แผนการขั้นสุดท้ายก็จะเสร็จสมบูรณ์ ระดับพลังของเขาจะสูงส่งมากขึ้น เว่ยหมิงเฉินจะสามารถเดินทางไปสู่ภพภูมิต้นกำเนิดของตนเองได้โดยไม่เป็นอันตรายอีกต่อไป
เว่ยหมิงเฉินเอื้อมมือออกไปหยิบยาลูกกลอนทั้งสามเม็ดนั้นมายัดใส่ปากกลืนลงคอโดยไม่ลังเล
ทันใดนั้น ใบหน้าของเขาก็บิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด
โอสถเหล่านี้อัดแน่นด้วยพลังวิญญาณเปี่ยมล้น แม้จะผ่านการหลอมรวมจากร่างกายของมู่ซินเยว่มาแล้ว แต่เมื่อคนธรรมดากลืนกินเข้าไป ก็ยังต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายจากการหลอมรวมพลังอยู่ดี
โชคดีที่เว่ยหมิงเฉินเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า
เขาใช้นิ้วแทนพู่กันวาดอักขระโบราณในอากาศ สองมือของเว่ยหมิงเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและหนักแน่นแม่นยำ
วูบ! วูบ! วูบ! วูบ! วูบ!
แล้วอักขระโบราณห้าตัวที่มีสีแดงโลหิตก็พุ่งตัวเป็นลำแสงห้าสายหายเข้าไปสู่เสาลำแสงใหญ่ห้าต้นที่อยู่นอกสนามพลังนั้น
“อ๊าก…”
เสียงร้องโหยหวนดังออกมาจากเสาลำแสงใหญ่เหล่านั้นทันที
“พระองค์ท่านช่วยข้าน้อยด้วย”
เป็นเสียงของใต้เท้ากั้ว
ปรากฏว่าผู้ที่เข้าไปอยู่ในเสาลำแสงใหญ่แต่ละต้นนั้น ก็คือบรรดาคนสนิทของท่านมหาเทพนั่นเอง
สีหน้าของเว่ยหมิงเฉินเย็นชาปราศจากความรู้สึก
“อ๊าก… ท่านมหาเทพ ไหนว่าจะพาพวกข้าไปที่โลกของท่านด้วยไงเล่า…”
เสียงร้องของเทพเจ้าแห่งเหมืองแร่ดังขึ้นด้วยความโกรธแค้น
“ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย…”
เป็นเสียงขอร้องอ้อนวอนของเทพอัคคี
บรรดาเทพเจ้าทั้งห้าคนที่เข้าไปอยู่ในเสาลำแสงทั้งห้าต้นนั้นต่างก็รู้แล้วว่าตนเองถูกหลอกใช้เพื่อหลอมรวมพลังวิญญาณในร่างกาย…
ท่านมหาเทพหักหลังพวกเขา
เว่ยหมิงเฉินยังคงมีสีหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์ ไม่ว่าผู้ติดตามของตนเองจะขอร้องอ้อนวอนเพียงใด เขาก็ไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
“ฮ่า ๆๆ…”
เสียงหัวเราะด้วยความเศร้าใจของใต้เท้าเหลียนพลันดังกังวานทั่วแผ่นฟ้า “ข้ารู้แล้ว ข้ารู้แล้ว… ฮ่า ๆๆ ท่านมหาเทพ… คำสัญญาที่ผ่านมาของท่าน ล้วนเป็นแต่เพียงเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น”
แต่แน่นอนว่าผู้ที่หัวใจแหลกสลายและตกตะลึงมากที่สุดย่อมต้องเป็นใต้เท้าซิน!