เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1520 เว่ยหมิงเฉินผู้เกรี้ยวกราด
ตอนที่ 1,520 เว่ยหมิงเฉินผู้เกรี้ยวกราด
การระเบิดพลังของนักพรตหญิงชินทำให้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงนึกสงสัยขึ้นมาทันที
ทุกสิ่งทุกอย่างที่นางพบเจอในวันนี้ดูจะน่าเหลือเชื่อเกินไปหมด
เริ่มตั้งแต่การปะทะฝีมือกับโอรสสวรรค์ก่อนหน้านี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรู้สึกมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล ผู้ที่มาจากภพภูมิอันสูงส่งเช่นนั้น เหตุไฉนจึงมาปรากฏตัวที่แผ่นดินตงเต้าอันต่ำต้อย?
กองทัพวิญญาณสีเงินต่อสู้ด้วยความกล้าหาญ
วิญญาณของชายชราบางส่วนแต่งกายด้วยชุดแปลกตาไม่ต่างจากชนเผ่าโบราณที่เพิ่งลงมาจากภูเขาใหญ่ พวกเขาต่อสู้ด้วยความกล้าหาญดุดัน สามารถรับมือกับกองทัพร่างลำแสงของเว่ยหมิงเฉินได้อย่างสูสี
การต่อสู้ดำเนินต่อไป
แม้ว่าคนของฝ่ายกองทัพวิญญาณจะต้องสูญสลายไปเป็นจำนวนมาก แต่ทุกคนก็ไม่หวาดกลัวแม้แต่น้อย กองทัพวิญญาณยังคงมีผู้กล้าหาญเพิ่มเติมเข้ามาเรื่อย ๆ พวกเขาต่างก็เฝ้าอารักขาหลินเป่ยเฉินด้วยความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยว
นักพรตหญิงชินก็กำลังตวัดคมกระบี่ไล่ล่าฆ่าฟันเช่นกัน
เมื่อมีกองทัพวิญญาณคอยช่วยผ่อนแรง นักพรตหญิงชินจึงสามารถเยียวยาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว และด้วยความช่วยเหลือจากเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง พวกนางจึงสามารถรับมือเว่ยหมิงเฉินได้อย่างไม่มีปัญหา
“บัดซบ!”
เว่ยหมิงเฉินคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
เขาไม่มีเวลาอีกแล้ว
เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยเฉินกำลังจะหลอมรวมพลังจากโอสถวิเศษได้สำเร็จ เว่ยหมิงเฉินก็ตกอยู่ในสภาวะคลุ้มคลั่ง เขาจึงดูดซับมวลพลังจากสนามพลังเข้าสู่ร่างกายไม่หยุดยั้ง บัดนี้ ตัวเขาจึงเปลี่ยนไปกลายเป็นมนุษย์ลำแสงเช่นกัน…
“พวกเจ้าจงตายกันไปให้หมด”
รอบกายของเว่ยหมิงเฉินห้อมล้อมด้วยคลื่นพลังปั่นป่วน ดวงตาของเขาสว่างไสวไม่ต่างจากไฟตะเกียงแผดเผา แต่เมื่อเขาสามารถหลอมรวมพลังจากค่ายอาคมได้สำเร็จ แสงสว่างทั่วทั้งร่างกายก็ไหลมารวมตัวกันอยู่ที่กำปั้นของเว่ยหมิงเฉิน
เขากระแทกหมัดออกมาข้างหน้า
ลำแสงสีเงินพุ่งควงสว่านเป็นงูเลื้อย ผู้คนในกองทัพวิญญาณของนักพรตหญิงชินถูกเผาผลาญกลายเป็นเถ้าถ่านจำนวนนับไม่ถ้วน
กลุ่มชายชราในชุดเสื้อผ้าแปลกตาพยายามปกป้องดวงวิญญาณของเด็กสาวผู้ถือหอกกระดูกอย่างสุดความสามารถ แต่สุดท้าย ดวงวิญญาณของกลุ่มชายชราก็ถูกแผดเผาหายไป…
“ท่านผู้อาวุโส!”
ดวงวิญญาณของเด็กสาวร่ำร้องออกมาด้วยความเศร้า
“พรวด…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกระอักเลือดออกมาคำใหญ่
วันนี้นางสูญเสียเลือดมากเกินไป ใบหน้าจึงซีดเซียว มือและเท้าไร้เรี่ยวแรง จนแทบไม่สามารถโบกสะบัดไม้เท้าคู่กายได้อีกต่อไป
ปีกกระบี่บนแผ่นหลังนักพรตหญิงชินแตกกระจาย เศษกระบี่ปลิวว่อนในอากาศไม่ต่างจากขนนก และนางก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน
“ถอยไป”
แต่ถึงกระนั้น แววตาของนักพรตหญิงชินยังคงเป็นประกายมุ่งมั่น นางยอมตายดีกว่ายอมล่าถอย จึงยืนหยัดปกป้องอยู่ด้านหน้าหลินเป่ยเฉินต่อไป
“ลงนรกไปซะ”
เว่ยหมิงเฉินพุ่งเข้ามาพร้อมกับกระแทกฝ่ามืออย่างแรง
เพล้ง!
กระบี่ลำแสงในมือนักพรตหญิงชินแตกกระจาย
คลื่นพลังทำลายล้างถาโถมเข้าใส่
เว่ยหมิงเฉินพุ่งเข้ามาประชิดตัวหลินเป่ยเฉินและพยายามทำทุกวิถีทางที่จะทวงคืนโอสถวิเศษกลับมา
แต่ทันใดนั้นเอง…
วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่สองสายตัดผ่านอากาศ ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็สามารถลืมตากลับขึ้นมาได้แล้ว การหลอมรวมพลังจากโอสถวิเศษลุล่วงไปด้วยดี…. และลำแสงกระบี่นั้นก็พุ่งออกมาจากดวงตาของเขาเอง!
“แย่แล้วสิ”
เว่ยหมิงเฉินมีสีหน้าตื่นตระหนกขึ้นมาในทันใด
เขาทราบแล้วว่าหลินเป่ยเฉินสามารถหลอมรวมพลังได้สำเร็จ โอกาสสุดท้ายที่จะทวงคืนโอสถวิเศษพังทลายลงไป แม้ว่าเว่ยหมิงเฉินจะรู้สึกเคียดแค้นยิ่งนัก แต่บัดนี้ หนทางเลือกเดียวของเขาคือต้องหลบหนีเอาตัวรอดให้ได้
โอกาสที่ดีที่สุดของเขาได้หลุดมือไปแล้ว
แผนการที่เว่ยหมิงเฉินวางแผนมาเป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาหลายร้อยปีล้มเหลวไม่เป็นท่า!!
เขาไม่อยากยอมรับความจริง
แต่เว่ยหมิงเฉินก็รู้ดีว่าหากอยู่ที่นี่ต่อไป ตนเองก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น ซึ่งถ้าเขายังมีชีวิตอยู่รอด อย่างน้อยในอนาคตก็ยังมีโอกาสแก้แค้น
แต่ความพยายามของเว่ยหมิงเฉินย่อมไร้ประโยชน์
หลินเป่ยเฉินไม่มีทางปล่อยให้ศัตรูของตนเองได้มีโอกาสกลับมาแก้แค้นเด็ดขาด
“ฝันไปเถอะ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงคำรามดังสนั่น
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์แผ่ออกไปจากร่างกาย ร่างของเว่ยหมิงเฉินก็ถูกตรึงอยู่กลางอากาศ
“ได้เวลายุติเรื่องราวทั้งหมดนี้เสียที”
หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความเจ็บแค้นใจ
เว่ยหมิงเฉินถูกดึงตัวกลับมายืนอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
ร่างกำเนิดใหม่ของท่านมหาเทพไม่สามารถขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวได้อีกแล้ว พลังที่หยิบยืมมาจากค่ายอาคมรอบข้างสลายหายไป แม้แต่พลังปราณธาตุทั้งห้าชนิดในร่างกายก็ไม่สามารถใช้งานได้อีก
บัดนี้ เว่ยหมิงเฉินผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทานกลับไม่ต่างไปจากลูกไก่ในกำมือของหลินเป่ยเฉิน
เด็กหนุ่มยกมือขึ้นโบกสะบัดแผ่วเบา
แสงสว่างและประกายระยิบระยับในอากาศสลายหายไป
ชุดสีขาวของนักพรตหญิงชินเปรอะเปื้อนไปด้วยโลหิต เส้นผมสีเงินของนางยุ่งเหยิง แต่นักพรตหญิงชินไม่ได้เป็นห่วงชีวิตของตนเองเลย เมื่อเห็นว่าหลินเป่ยเฉินสามารถหลอมรวมพลังจากโอสถวิเศษได้เสร็จสิ้น นางก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ก่อนที่ตัวคนจะโซเซแทบไม่อาจทรงตัวได้อีก…
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นแล้วปลดปล่อยลำแสงสีเขียวออกไป
อาการบาดเจ็บตามร่างกายของนักพรตหญิงชินพลันหายดีเป็นปลิดทิ้ง
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเห็นดังนั้นก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจ รีบพูดว่า “ข้าก็บาดเจ็บเช่นกัน ช่วยรักษาข้าหน่อยสิ”
หลินเป่ยเฉินหันไปมองค้อนเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงและกล่าวว่า “ท่านหาทางรักษาเองเถอะ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกะพริบตาปริบ ๆ
ฟังที่พูดเข้าสิ นี่ยังนับว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?
“ข้าได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยเหลือเจ้านะ หากเจ้าไม่รีบรักษาข้า ข้าคงต้องตายแน่ ๆ”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงเสแสร้งแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
หลินเป่ยเฉินตอบกลับมาเสียงราบเรียบ “ท่านเชื่อข้าเถอะ คนอย่างท่านไม่ตายง่าย ๆ หรอก”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงทิ้งตัวลงไปนอนอยู่บนพื้นอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง
ทุกสิ่งทุกอย่างผิดแผนการของนางไปทั้งหมด
หัวใจของเทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงแตกสลายและนางก็ไม่อยากพูดคุยกับผู้ใดอีกต่อไป
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าเว่ยหมิงเฉิน
ดวงตาของเขาร้อนผ่าวด้วยเปลวไฟแห่งความแค้น
“เจ้ามันเป็นผู้ที่เสียสติและไม่ใช่มนุษย์ แต่วางใจเถอะ ข้าจะไม่ทรมานจิตใจหรือวิญญาณของเจ้าหรอก…” หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ยกกำปั้นของตนเองขึ้นมาอย่างแช่มช้า “แต่ข้าจะทำให้เจ้ารู้สึกเจ็บปวดจนเกลียดชังมารดาของตนเองที่ให้กำเนิดเจ้าออกมา”
พลั่ก!
กำปั้นของเขาซัดเข้าใส่หน้าท้องของเว่ยหมิงเฉิน
อวัยวะภายในแหลกสลายโดยทันที
หัวใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หลินเป่ยเฉินรัวหมัดใส่เว่ยหมิงเฉินไม่ยั้งมือ
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
หลินเป่ยเฉินควบคุมพลังของตนเองเต็มที่ พยายามโจมตีเว่ยหมิงเฉินในระดับที่พอเหมาะ เพื่อให้อีกฝ่ายได้รับความเจ็บปวดสูงสุดโดยไม่เสียชีวิตลงไปเสียก่อน
และเมื่อเห็นว่าเว่ยหมิงเฉินบาดเจ็บหนักเกินไป หลินเป่ยเฉินก็ช่วยเยียวยารักษาให้ฟื้นตัวกลับมา เพื่อที่จะได้รับการโจมตีจากเขาต่อเนื่อง
นี่คือการทรมานที่อำมหิตยิ่งนัก
เว่ยหมิงเฉินต้องตกอยู่ในวังวนแห่งความทรมานไม่จบสิ้น
วูบ! วูบ! วูบ!
ลำแสงกระบี่พุ่งผ่านอากาศ
พุ่งทะลวงร่างกายของเว่ยหมิงเฉิน
จากนั้นก็โจมตีด้วยพลังปราณธาตุไฟ พลังปราณธาตุน้ำแข็ง พลังปราณธาตุสายฟ้า พลังปราณธาตุทองคำ…
หลินเป่ยเฉินระบายความโกรธแค้นที่อัดแน่นอยู่ในอกออกมาหมดสิ้น
สุดท้าย เขาก็เหยียบย่ำเว่ยหมิงเฉินด้วยเท้าของตนเอง
“เจ้าสมควรตายเป็นล้านครั้ง เพื่อชดใช้ความผิดที่สังหารชีวิตผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนนับไม่ถ้วนในแผนการของเจ้าครั้งนี้… เจ้าคนชั่ว!”
หลินเป่ยเฉินเหยียบเท้าลงไปบนใบหน้าของเว่ยหมิงเฉิน
เว่ยหมิงเฉินไม่ได้ขัดขืน
เขานอนราบบนพื้น ความเหนื่อยล้าปรากฏในแววตาที่จ้องมองหลินเป่ยเฉิน แม้ไม่อยากยอมรับความเป็นจริง แต่เว่ยหมิงเฉินก็ทำได้เพียงยอมรับโชคชะตาเท่านั้น “ข้าแพ้แล้ว”
เขาไม่สมควรโลภมากเลย
เขาควรจะกลับไปที่นั่นนานแล้ว
แต่เขาก็อยากที่จะได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่าง
สุดท้ายจึงต้องสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง
“เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจ ข้าพ่ายแพ้เจ้าที่ตรงไหน?”
เว่ยหมิงเฉินมองไปทางนักพรตหญิงชินและถามว่า “ในสนามพลังและค่ายอาคมแห่งนี้ ข้าเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง อย่าว่าแต่ตอนที่หลอมรวมพลังจากโอสถทั้งสามเม็ดนั้น ร่างกายของข้าได้รับการคุ้มกันอย่างหนาแน่น แล้วเจ้าบุกฝ่าเข้ามาได้อย่างไร? สนามพลังแห่งนี้เปรียบเสมือนร่างกายส่วนหนึ่งของข้า เจ้าสามารถควบคุมมันได้อย่างไร? หากเจ้าไม่อธิบายให้ข้ารู้ ข้าคงนอนตายตาไม่หลับเป็นแน่แท้”
นี่คือคำถามใหญ่ในหัวใจของเว่ยหมิงเฉิน
จนกระทั่งถึงบัดนี้ เขาก็ยังไม่ทราบเลยว่าตนเองพลาดท่าเสียทีที่ตรงจุดไหน
นักพรตหญิงชินชำเลืองมองหน้าหลินเป่ยเฉิน ลังเลเล็กน้อย แต่แล้วก็กล่าวตอบเสียงเรียบว่า “เจ้าไม่เข้าใจหรือ? เจ้าไม่เคยเฉลียวใจเลยหรืออย่างไร? นับตั้งแต่ต้นจนจบของการต่อสู้ในครั้งนี้ เจ้าไม่สังเกตหรือว่ามีคนผู้หนึ่งหายตัวไป?”
เว่ยหมิงเฉินสะดุ้งเฮือก
ร่างของใครบางคนปรากฏขึ้นในหัวใจของเขา
เว่ยหมิงเฉินเหมือนจะเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ทั้งหมด