เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1521 ภาพนิมิต
ตอนที่ 1,521 ภาพนิมิต
“เจ้าหมายถึงไป๋ชินอวิ๋นใช่หรือไม่?”
แม้ตนเองจะถูกเท้าของหลินเป่ยเฉินเหยียบย่ำใบหน้า แต่ดวงตาของเว่ยหมิงเฉินก็ยังคงทอประกายเหยียดหยาม ขณะกล่าวต่อ “นางเป็นผู้ที่เคยเข้ามาลอบสังหารข้า แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ให้แก่ข้า หลังจากถูกทรมานด้วยยาพิษร้ายแรง สุดท้ายนางก็ยอมเปลี่ยนฝ่ายมารับใช้ข้า นางถึงกับยอมเสียสละผู้คนในเผ่าพันธุ์ของตนเองที่ดินแดนจันทราขาว เพื่อนำมามอบเป็นเครื่องบรรณาการให้กับข้าเชียวไม่ใช่หรือ? ฮ่า ๆๆ แล้วผู้ที่ต่ำต้อยเช่นนี้จะมาทำลายแผนการของข้าได้อย่างไร? นางมีความสามารถอันใดถึงสามารถช่วยเจ้าทำสิ่งนั้นได้สำเร็จ?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้านักพรตหญิงชิน
เขาเองก็อยากถามเช่นกัน
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินอยากรู้เป็นอย่างยิ่งว่าเพราะอะไรไป๋ชินอวิ๋นถึงเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน จากเดิมที่นางโกรธแค้นเว่ยหมิงเฉินยิ่งกว่าอะไรดี มาบัดนี้ นางถึงได้ยอมเป็นสุนัขรับใช้เว่ยหมิงเฉินเสียแล้ว
หลินเป่ยเฉินพยายามคิดหาเหตุผลมากมายเพื่อทำความเข้าใจเด็กสาว
แต่เขาก็ไม่พบเจอคำตอบ
ความเศร้าโศกปรากฏขึ้นบนสีหน้าของนักพรตหญิงชิน
อยากรู้ความจริงกันใช่หรือไม่?
เด็กสาวผู้นั้นได้จากไปแล้ว
…
ย้อนเวลากลับไป
ครึ่งวันก่อนหน้านี้
เมื่อตื่นขึ้นมาจากความมืดมิด หน้าอกก็รู้สึกเจ็บปวด ความทรงจำสุดท้ายคือการต่อสู้กับไป๋ชินอวิ๋นปรากฏขึ้นมาในสมองของนักพรตหญิงชิน นางรีบลุกขึ้นกวาดตามองรอบตัวทันที
สิ่งที่เห็นก็คือมวลอากาศอันว่างเปล่าพร้อมด้วยดวงดาวระยิบระยับ
ไม่มีด้านบน ไม่มีด้านล่าง ไม่มีข้างซ้ายและไม่มีข้างขวา
มีเพียงความโดดเดี่ยวกับดวงดาวที่เย็นชา
ดินแดนอันเวิ้งว้างกว้างใหญ่ หามีผู้คนอยู่ไม่ รอบกายเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย
“ที่นี่คือที่ไหนกันนะ?”
นักพรตหญิงชินสำรวจมองด้วยความพิศวง หรือว่านี่จะเป็นโลกหลังความตาย?
“ที่นี่คือแดนปรภพ”
เสียงของเด็กสาวผู้หนึ่งดังขึ้น
ไป๋เสี่ยวเซียวในร่างของวิญญาณสีเงินปรากฏกายขึ้นด้านหลัง นางเสแสร้งแกล้งทำหน้าดุและลอยวนเวียนอยู่รอบกายนักพรตหญิงชินคล้ายกับผีหลอกวิญญาณหลอน แต่นักพรตหญิงชินกลับกำลังจ้องมองไปที่ไป๋เสี่ยวเซียวด้วยความพิศวงสงสัยและพิจารณา
เห็นได้ชัดว่าไป๋เสี่ยวเซียวไม่ใช่นักแสดงที่ดีสักเท่าไหร่
“เจ้าเป็นวิญญาณอย่างนั้นหรือ? หากที่นี่เป็นแดนปรภพ งั้นหมายความว่าข้าก็ตายแล้วน่ะสิ?” นักพรตหญิงชินสอบถาม
“แน่นอนว่าท่านย่อมตายแล้ว ข้าเป็นผู้นำวิญญาณของดินแดนแห่งนี้ ท่านต้องติดตามข้าไปสู่ลานประหารแห่งแดนปรภพเพื่อรับการลงทัณฑ์ด้วยกระบี่เพลิงและกระทะทองแดง หึหึ รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้าตายแล้วอย่างนั้นหรือ? ช่างน่าเสียดายเหลือเกิน”
แม้นักพรตหญิงชินตั้งสติได้ นางก็ยังคงสับสนอยู่เล็กน้อย
ในหัวใจรู้สึกเศร้าโศก ไม่ใช่เสียใจเพราะตนเองถึงแก่ความตาย แต่นักพรตหญิงชินเสียใจที่ไม่มีโอกาสได้เปิดเผยความรู้สึกต่อหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายนับว่านางพ่ายแพ้อย่างแท้จริง
นักพรตหญิงชินเป็นกังวลเกี่ยวกับผลการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินในโลกแห่งคนเป็น
แต่ต้องไม่ลืมว่านักพรตหญิงชินเป็นผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน ด้วยเหตุนี้ นางจึงค้นพบสิ่งที่ไม่ชอบมาพากลอย่างรวดเร็ว
สภาพร่างกายของนางไม่เหมือนคนตาย
หัวใจของนางยังเต้นตึกตัก หน้าอกของนางยังรู้สึกเจ็บปวด… แม้แต่พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ยังใช้งานได้
คนตายไม่สมควรทำได้เช่นนี้
ทันใดนั้น นักพรตหญิงชินก็เข้าใจในอะไรบางอย่าง
นางเงยหน้ามองไป๋เสี่ยวเซียวด้วยดวงตาเป็นประกายระยิบระยับ
“ข้าไม่น่ากลัวเลยหรือไง? ท่านค้นพบความจริงแล้วหรือ? ไม่น่าประหลาดใจ เพราะเหตุนี้เองสินะ พี่เป่ยเฉินถึงได้ชอบท่าน เฮอะ”
ไป๋เสี่ยวเซียวทำหน้างอ
ก่อนหน้านี้ นางพยายามข่มขวัญนักพรตหญิงชินอย่างสุดความสามารถ แต่อีกฝ่ายกลับมีสติเยือกเย็นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
นอกจากมีหน้าตางดงามแล้ว ยังมีสติปัญญาเฉลียวฉลาดและขั้นพลังแข็งแกร่งอีกด้วย
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเพราะเหตุใดพี่เป่ยเฉินถึงหลงรักนาง
“เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
นักพรตหญิงชินจ้องมองไป๋เสี่ยวเซียวอย่างรอคอยคำตอบ
นางทราบดีว่าวิญญาณเด็กสาวพยายามจะข่มขวัญตนเอง แต่นักพรตหญิงชินไม่ได้สัมผัสถึงการข่มขู่คุกคามที่แท้จริง ดังนั้น นางจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นมิตร ไม่ใช่ศัตรู
และที่สำคัญที่สุดก็คือนางได้ยินเด็กสาวผู้นี้พูดถึง ‘พี่เป่ยเฉิน’ ออกมาด้วย
เด็กสาวผู้ดุร้ายและโง่เขลาไม่ทันได้ตอบคำใด
ทันใดนั้น มีเสียงของหญิงชรากล่าวขึ้นว่า “นักพรตหญิงชิน ท่านไม่ต้องเป็นกังวล ที่นี่คือมิติลับแห่งตลาดการค้า สำหรับกับผู้คนโลกภายนอก ท่านได้ตายไปแล้ว แม้แต่เว่ยหมิงเฉินกับโอรสสวรรค์ก็ไม่อาจตรวจจับท่านได้ อธิบายโดยละเอียดก็คือ บัดนี้ท่านถูกส่งตัวเข้ามาอยู่ในอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของท่านเทพเจ้าแห่งซากปรักหักพัง”
หญิงชราผู้ถือไม้เท้าปรากฏตัวขึ้นและนางก็คือใต้เท้าซวี
นักพรตหญิงชินเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยทันที จึงสอบถามว่า “อาณาเขตศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดของท่านเทพเจ้าแห่งซากปรักหักพัง? และนางก็เป็นเทพเจ้าแห่งตลาดการค้าด้วยไม่ใช่หรือ… อย่าบอกนะว่าดินแดนของพวกท่าน ก็ล่มสลายแล้วเช่นกัน?”
“ไม่เรียกว่าเป็นการล่มสลาย แต่เรียกว่าเป็นการกำเนิดใหม่”
ใต้เท้าซวีมีแววตาเคร่งขรึมขณะจ้องมองหญิงสาวผมเงินผู้งดงามและกล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้ ท่านสู้กับองค์เทพของพวกเรา องค์เทพของพวกเราจึงส่งท่านมาที่นี่”
ไป๋ชินอวิ๋น?!
อย่าบอกนะว่านางคือร่างกำเนิดใหม่ของท่านเทพเจ้าแห่งซากปรักหักพัง
และนางก็เป็นร่างกำเนิดใหม่ของเทพเจ้าแห่งตลาดการค้า?
เช่นเดียวกับท่านมหาเทพ?
ในสมองของนักพรตหญิงชินรู้สึกสับสนด้วยความคิดที่ประดังประเดเข้ามา แต่แล้วนางก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมา
ทันใดนั้น นักพรตหญิงชินจำได้ว่าตอนที่อยู่ในเมืองหยุนเมิ่ง ตนเองพอจะคาดเดาได้ว่าไป๋ชินอวิ๋นมีพลังบางอย่างซ่อนเร้นอยู่ในร่างกาย แต่คิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าเด็กสาวจะเป็นถึงร่างกำเนิดใหม่ของเทพเจ้าผู้โด่งดังเช่นนี้
แน่นอนว่าดินแดนตลาดการค้าเป็นอาณาจักรพิศวง พวกเขามีกฎเกณฑ์เป็นของตนเอง ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ร่างกำเนิดใหม่ของเทพเจ้าของพวกเขาจะมีความแตกต่างไปจากร่างกำเนิดใหม่ของเทพเจ้าอื่น ๆ
“นางทำเช่นนี้… เพื่ออะไร?”
นักพรตหญิงชินถามด้วยความไม่เข้าใจ
ใต้เท้าซวีหยุดชะงัก ไม่พูดคำใดอีก
จังหวะนั้น ดวงดาวบนท้องฟ้าที่กะพริบวิบวับอยู่ห่างไกลก็ถูกดึงเข้ามาใกล้ แล้วร่างของเด็กสาวเท้าเปล่าในชุดเสื้อคลุมสีดำผู้หนึ่งก็มาปรากฏกายขึ้นเบื้องหน้าทุกคน
เด็กสาวผู้นี้มีผมยาวสลวย ใบหน้างดงาม แต่สีหน้าเหม่อลอย ไม่มีลมหายใจ วิญญาณดับสิ้น หลงเหลือแต่เพียงร่างกายเท่านั้น
ไม้เท้าในมือใต้เท้าซวีพลันวาดขึ้นวาดลง
อักขระโบราณพุ่งออกจากปลายไม้เท้าครอบคลุมร่างที่ไร้ชีวิตนั้น
แล้วร่างไร้ชีวิตของเด็กสาวเท้าเปล่าก็หลอมละลายกลายเป็นมวลพลังแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายของนักพรตหญิงชินอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้น ความเจ็บปวดของนักพรตหญิงชินก็หายไป
บาดแผลจากหอกแห่งโชคชะตาบนหน้าอกสมานตัว
“นางเป็นใคร?”
นักพรตหญิงชินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าร่างกายฟื้นตัวเร็วผิดปกติ จึงถามสิ่งที่สงสัยออกมา
“นักเวทคนสนิทของใต้เท้าเหลียน อันที่จริง นางก็คือหนึ่งในร่างจำแลงของใต้เท้าเหลียนนั่นเอง… ใต้เท้าเหลียนไม่ใช่คนโง่ นางไม่เชื่อใจท่านมหาเทพอย่างแท้จริง จึงได้สร้างร่างแยกของตนเองขึ้นมา โดยหวังว่าแม้ร่างต้นกำเนิดของนางจะตายไป แต่ร่างแยกของนางก็จะมีชีวิตอยู่และนางก็จะสามารถฟื้นคืนชีพได้อีกครั้ง”
“แต่สิ่งที่ใต้เท้าเหลียนคิดไม่ถึงเลยก็คือ ร่างแยกที่ตนเองสร้างขึ้นมานั้นกลับมีชีวิตจิตใจและความฉลาดเฉลียวเกินกว่าผู้ที่เป็นร่างต้นกำเนิด เมื่อภารกิจสุดท้ายของนางล้มเหลว ร่างแยกของใต้เท้าเหลียนก็พยายามสืบหาที่อยู่ของพวกเรา จนกระทั่งนางได้มาพบเจอกับองค์เทพของเรา องค์เทพจึงได้กำจัดวิญญาณของนางออกจากร่างกาย และนำร่างของนางมาเก็บไว้ที่นี่เพื่อใช้ฟื้นฟูพลังให้แก่ท่านโดยเฉพาะ เนื่องจากองค์เทพทราบว่าท่านจะต้องได้รับบาดเจ็บจากหอกแห่งโชคชะตา…”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ ใต้เท้าซวีก็กล่าวต่อโดยไม่หยุดพัก “ไม่ต้องห่วง นางเป็นเพียงพลังศักดิ์สิทธิ์บริสุทธิ์ตามธรรมชาติ หาได้มีตำแหน่งเทพเจ้าไม่… นี่จึงไม่ใช่การละเมิดคำสาบานของท่าน”
หญิงชราทราบถึงคำสาบานของนักพรตหญิงชินที่ว่าจะไม่รับตำแหน่งเทพเจ้าอีก
หลังจากนั้น ใต้เท้าซวีก็บอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในดินแดนตลาดการค้าให้ฟังคร่าว ๆ
นักพรตหญิงชินตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
ด้วยเหตุนี้ ดินแดนแห่งตลาดการค้าจึงหลงเหลือเพียงแต่ชื่อแล้วเท่านั้น ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่ในดินแดนทั้งหมดได้เสียชีวิตลงแล้ว
นางจ้องมองไปยังดวงดาวระยิบระยับบนท้องฟ้าของอาณาเขตศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และรู้ดีว่าดวงดาวเหล่านี้ก็คือดวงวิญญาณของคนตายนั่นเอง
ทุกคนต่างก็ถูกนำตัวมาอยู่ที่นี่
“ข้ากับไป๋เสี่ยวเซียวเช่นเดียวกับผู้คนอีกหลายพันคนจากดินแดนตลาดการค้า พวกเราล้วนตายหมดสิ้น หากไม่ได้อาศัยอยู่ในอาณาเขตแห่งนี้ ดวงวิญญาณของพวกเราก็คงดับสูญลงไปแล้ว”
ดวงวิญญาณของใต้เท้าซวีกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
“เฮอะ ท่านได้โปรดจำเอาไว้ให้ดี ข้ามีนามว่าไป๋เสี่ยวเซียว เป็นน้องสาวของไป๋ชินอวิ๋น… คนแซ่ชิน ท่านแย่งชิงคนรักไปจากข้าและพี่สาว เพราะฉะนั้น ท่านจึงเป็นศัตรูของข้า”
ไป๋เสี่ยวเซียวพูดด้วยใบหน้าที่บึ้งตึง
แม้นางจะรู้สึกดีต่อนักพรตหญิงชิน แต่เด็กสาวก็ไม่อยากแสดงออกมา จึงประพฤติตัวเป็นเด็กน้อยเช่นนี้เอง
นักพรตหญิงชินไม่ได้สนใจการยั่วยุอย่างไร้เดียงสาของเด็กสาวผิวเข้ม เพราะนางเลือกที่จะใช้เวลานี้ก้มหน้าใช้ความคิดอย่างเคร่งเครียด
ผ่านไปครึ่งค่อนวัน นางจึงเงยหน้าขึ้นมาถามว่า “ไป๋ชินอวิ๋นทำทั้งหมดนี้ไปเพื่ออะไร?”
หญิงชราตอบว่า “ท่านอาจไม่ทราบ แต่ผู้ที่มีสายเลือดนักรบโบราณอย่างพวกเรา โดยเฉพาะในตัวขององค์เทพนั้น นางมีความสามารถพิเศษในการเห็นภาพนิมิตจากอนาคต”