เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1530 จุดจบสู่การเริ่มต้นใหม่
ตอนที่ 1,530 จุดจบสู่การเริ่มต้นใหม่
ร่างของหลินเป่ยเฉินหายวับไปในทันที
เมื่อเขาปรากฏตัวกลับมาอีกครั้ง หลินเป่ยเฉินก็มาพร้อมกับบุคคลอีกสองคน…
เป็นกระบี่มังกรเบิกฟ้าและเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่า
เด็กสาวยังมีท่าทางแข็งแรงดี ส่วนองค์ชายหนุ่มนั้นหน้าตาซูบผอมลักษณะหิวโซ ร่างกายที่เคยหล่อเหลากำยำเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกเท่านั้น
ในมือของเขาถือกระจกบานเล็กแนบแน่น
กระจกบานเล็กยังคงปลดปล่อยลำแสงออกมาครอบคลุมร่างกายขององค์ชายและสาวรับใช้ประจำตัว
“หืม? นี่มันหลงหน่ากับองค์ชายไม่ได้เรื่องผู้นั้นนี่นา? นายน้อยพาตัวพวกเขากลับมาทำไมขอรับ?”
หวังจงเอนตัวเข้ามากระซิบถามด้วยความสงสัย
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงหรี่ตามองกระจกบานเล็กอย่างพินิจพิจารณา น้ำลายไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว…
ให้ตายสิ
นางโน้มตัวเข้ามากระซิบถามว่า “เกิดอะไรขึ้น? ค่ายอาคมปิดผนึกใช้งานกับคนทั้งสองไม่ได้หรือ? พวกเขากำลังจะอดตายใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า
เมื่อสามารถหลอมรวมวิญญาณแห่งแผ่นดินจากโอสถวิเศษได้สำเร็จ หลินเป่ยเฉินก็สัมผัสได้ถึงมวลพลังที่กระจกบานเล็กปลดปล่อยออกมา ดังนั้นเขาจึงเดินทางไปที่จักรวรรดิเจิ้งหลงและพบว่ากระบี่มังกรเบิกฟ้าพร้อมด้วยสาวรับใช้ส่วนตัวยังคงมีชีวิตอยู่รอดด้วยการคุ้มครองของกระจกบานนี้เอง…
สิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจก็คือกระจกบานเล็ก ๆ นี้กลับมีอิทธิฤทธิ์สามารถต้านทานค่ายอาคมปิดผนึกจากวงแหวนอันธการ แม้ว่ามันจะสามารถสร้างรัศมีครอบคลุมได้ในระยะเพียงไม่กี่วาเท่านั้น แต่ก็สามารถคุ้มครององค์ชายกับหลงหน่าให้อยู่รอดปลอดภัยได้เป็นอย่างดี
คนทั้งสองต้องติดอยู่ในม่านพลังเกือบเดือนแล้ว
องค์ชายเจี้ยนอวี่แทบจะเสียชีวิตเพราะอดอาหาร
หากไม่ใช่เพราะว่าหลินเป่ยเฉินสามารถตรวจจับคลื่นพลังประหลาดจากกระจกวิเศษบานนั้น และไปช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้สำเร็จ แม้ว่าหลงหน่าจะยังคงมีชีวิตอยู่รอดต่อไปอย่างสบาย ๆ แต่เจ้านายของนางก็คงกลายเป็นศพที่หิวโหยในอีกไม่ช้า
“เร็วเข้า รีบนำอะไรก็ได้มาให้ข้ารับประทานเดี๋ยวนี้…”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ตัวสั่นเทา ดวงตาแดงก่ำ รีบวิ่งเข้าไปเขย่าแขนเซียวปิงซึ่งกำลังล้วงหยิบขาหมูทอดออกมายื่นส่งให้ แต่ดูเหมือนมันจะเชื่องช้าเกินไป เพราะองค์ชายเจี้ยนอวี่ก้มตัวลงไปงับน่องขาของเซียวปิงเข้าให้แล้ว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงรีบเดินเข้ามายื่นส่งเนื้อตากแห้งให้แก่องค์ชายเจี้ยนอวี่พลางพูดว่า “ขอข้าดูกระจกน้อยของเจ้าหน่อยสิ”
องค์ชายเจี้ยนอวี่ส่งมอบกระจกบานน้อยให้แก่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงโดยไม่ลังเล เมื่อรับประทานเนื้อตากแห้งเข้าไปในปาก น้ำตาของเขาก็ไหลออกมา…
องค์ชายเจี้ยนอวี่หันมาพูดกับหลินเป่ยเฉินว่า “พี่ใหญ่ ข้าเชื่อฟังคำสั่งสอนของท่านเป็นอย่างดี ครั้งนี้ แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าจะหิวโหยมากก็ตาม แต่ข้าก็ไม่ยอมดื่มเลือดหลงหน่าเลยนะ ฮืออออ…”
เขาพยายามอดทนอย่างสุดความสามารถ
ตลอดเวลาที่ต้องติดอยู่กับหลงหน่า นางพยายามกรีดข้อมือให้เขาดื่มเลือดหลายครั้ง แต่องค์ชายเจี้ยนอวี่ก็ปฏิเสธ
ซึ่งนี่เป็นการกระทำที่ไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
หากเป็นในอดีต เขาอาจจะตัดแขนตัดขาหลงหน่านำมารับประทานไปแล้ว
“งั้นเจ้าก็ทำได้ดีมาก”
หลินเป่ยเฉินเสแสร้งแกล้งพูดด้วยความชื่นชม
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงสำรวจดูกระจกบานน้อยและเหมือนจะค้นพบอะไรบางอย่าง ดวงตาของนางเป็นประกายระยิบระยับ…
เวลาที่เหลือต่อจากนี้ทุกคนทำได้เพียงรอคอย
…
ในที่สุด อีกครึ่งเดือนก็ผ่านพ้นไป ต้นอู๋ถงที่สวนดอกไม้ทางด้านหลังออกดอกบานสะพรั่งแล้ว
ดอกอู๋ถงสีเหลืองอ่อนที่สวยงามเป็นประกายอยู่ใต้แสงตะวันและท้องฟ้าอันสดใส…
กลิ่นบุปผาโชยพัดในอากาศหอมหวล
เมื่อสูดดมเข้าไปแล้ว ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่น สมแล้วที่หลายคนขนานนามให้ต้นอู๋ถงเป็นต้นไม้วิเศษ
ทุกคนมารวมตัวกันอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
คณะเดินทางอันประกอบไปด้วยหลินเป่ยเฉิน นักพรตหญิงชิน เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิง อากวงกับเสี่ยวหู เซียวปิง องค์ชายเจี้ยนอวี่ เด็กสาวรอยสักมังกรและหวังจง
มนุษย์ห้าคน เทพธิดาหนึ่งองค์ ครึ่งคนครึ่งสัตว์วิเศษหนึ่งตนและสัตว์อสูรอีกสองตัว
อ้อ แล้วก็ยังมีจักจั่นทองคำอีกหนึ่งตัว
มันอ้างว่าตนเองเผลอหลับจนตกลงมาจากต้นไม้ บัดนี้จึงมีสภาพย่ำแย่เล็กน้อย ปีกบางส่วนแตกหัก และขาก็หายไปถึงสองข้าง
จักจั่นทองคำบินแบบเบี้ยว ๆ ขึ้นไปในอากาศและเปิดการใช้งานค่ายอาคมชนิดหนึ่ง
ในเวลาเดียวกันนี้ คลื่นพลังที่แปลกประหลาดก็พุ่งขึ้นมาจากห้องใต้ดินทางด้านหลังสวนดอกไม้ ปลดปล่อยลำแสงสีเงินปกคลุมทั่วบริเวณ
นี่เป็นพลังที่ปลดปล่อยออกมาจากแท่นบูชาใต้ดิน
“ได้เวลาแล้ว”
เสียงของจักจั่นทองคำเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและการคาดหวัง
สายลมโหมแรง
ดอกอู๋ถงปลิดปลิวลงมาจากลำต้น ดูสวยงามไม่ต่างจากสายฝนที่พร่างพรมลงมาเป็นดวงดาว
ดอกอู๋ถงเหล่านี้เมื่อร่วงหล่นลงถึงพื้นดิน มันกลับรวมตัวกันกลายเป็นเส้นอาคมลักษณะแปลกประหลาด
แล้วประตูทรงโค้งบานหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในอากาศ
ด้านในประตูบานนี้มีแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับไม่ต่างจากผิวน้ำที่กระจ่างใส
ในที่สุด ประตูมิติสำหรับการเดินทางไปสู่ภพภูมิมหาแผ่นดินก็ได้เปิดออกแล้ว
ดินแดนมหาแผ่นดินที่เคยเป็นอาณาเขตของอาณาจักรหงหวงมาก่อน
“รอให้พลังด้านในคงที่ก่อน พวกเราค่อยเข้าไป”
จักจั่นทองคำกล่าว
ทุกคนยืนรอคอยด้วยความตื่นเต้น
หลังจากรอคอยกันมาอย่างยาวนาน ในที่สุด เวลานี้ก็มาถึงแล้ว พวกเขาอยากรู้นักว่าดินแดนที่สูงส่งมากกว่าแผ่นดินตงเต้าจะมีหน้าตาเป็นอย่างไร?
ตลอดเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ทุกคนต่างก็เตรียมตัวเพื่อสิ่งนี้
แม้แต่หวังจงก็เริ่มฝึกวิทยายุทธ์อย่างขยันขันแข็ง ร่างกายของชายชราแข็งแรงขึ้น ถึงกับเริ่มมีกล้ามเนื้อกำยำขึ้นมาแล้ว
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงในฐานะผู้ที่เคยเดินทางผ่านประตูมิติมาอย่างโชกโชนรับหน้าที่เป็นผู้ให้คำปรึกษาในเรื่องราวต่าง ๆ แต่แน่นอนว่านางเก็บค่าบริการให้คำปรึกษาที่แพงมากทีเดียว
“พวกเจ้าเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ ข้าไม่ได้ดูถูกนะ นี่เป็นเพียงข้อเท็จจริง ร่างกายของพวกเจ้าไม่แข็งแกร่งมากพอ หากไปถึงที่แดนมหาแผ่นดินนั้น ร่างกายของพวกเจ้าอาจจะได้รับบาดเจ็บสาหัสจากแรงกดดันในอากาศ ร่างกายของพวกเจ้าจะเปราะบางมาก แม้แต่ยุงเพียงตัวเดียว ก็สามารถกัดเจ้าจนตาย หรือกิ่งไม้สักกิ่ง ก็สามารถแทงเจ้าจนถึงแก่ชีวิตได้โดยไม่รู้ตัว…”
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงอธิบายข้อควรระวังให้ทุกคนรับทราบ “เมื่อไปถึงที่นั่นแล้ว ขอให้พวกเจ้าทำตามคำสั่งของข้าอย่างเคร่งครัด ห้ามออกเดินเพ่นพ่าน… โปรดระลึกอยู่เสมอว่ารอบกายเต็มไปด้วยอันตรายที่เราคิดไม่ถึง”
ทุกคนรู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาทันที
แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังเริ่มระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
“ตอนนี้ล่ะ…”
จักจั่นทองคำพูด กระพือปีกบินตรงเข้าไปใน ‘ประตูมิติ’
อากวงกับเสี่ยวหูผู้เป็นลูกเลี้ยงและเซียวปิงพร้อมด้วยหวังจงเดินเข้าไปตามหลังคู่เจ้านายและสาวรับใช้องค์ชายเจี้ยนอวี่กับหลงหน่าแห่งจักรวรรดิเจิ้งหลง
หลินเป่ยเฉินและนักพรตหญิงชินเดินเคียงข้างกันปิดท้ายขบวน
ร่างของทุกคนหายวับเข้าไปในประตูมิติ
หลังจากนั้น สายลมกระโชกแรง
กลีบดอกไม้กระจัดกระจาย ค่ายอาคมประตูมิติสลายตัวลง
ต้นอู๋ถงที่อุดมสมบูรณ์ก่อนหน้านี้พลันกลายเป็นต้นไม้ตายซากในพริบตา และทุกสิ่งทุกอย่างในจวนตระกูลหลินก็ถูกค่ายอาคมปิดผนึกเข้าปกคลุมโดยสมบูรณ์…
บัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นดินตงเต้าหรือในดินแดนทวยเทพ สถานที่ทุกแห่งหนต่างก็ถูกปกคลุมด้วยค่ายอาคมปิดผนึกจากวงแหวนอันธการ…
ชิงเล่ย สาวงามในชุดสีแดงผู้นั่งประจำการอยู่หน้าคฤหาสน์บนภูเขาเซียวฝูยังคงอุทิศชีวิตของนางให้แก่การควบคุมวงแหวนอันธการ เพื่อรอคอยวันที่คนรักของนางจะกลับมาอีกครั้ง
…
อาณาจักรหงหวงแตกแยกออกเป็นหนึ่งหมื่นแปดพันภพภูมิ นี่หมายความว่ามีโลกหนึ่งหมื่นแปดพันใบให้ผู้คนได้เดินทางออกสำรวจ
ณ ป่าฝนเขียวแห่งเมืองอวิ๋นเหมิน
ในอากาศมีหมอกหนา สายฝนโหมกระหน่ำลงมาสามเดือนติดโดยไม่หยุดยั้ง
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
ร่างแปดร่างพลันร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศกระแทกลงไปในพื้นโคลน ส่งหยดน้ำสาดกระจาย…
“ถึงแล้วหรือ?”
เสียงใครคนหนึ่งตะโกนขึ้นมา “ช่วยด้วย ข้าตกน้ำ… ที่นี่คือที่ไหนกัน?”
หลินเป่ยเฉินตะเกียกตะกายอยู่ในบ่อน้ำ เอื้อมมือคว้าจับท่อนไม้แห้งได้ท่อนหนึ่งจึงใช้เป็นเครื่องมือพยุงตัว
สายฝนตกลงมากระทบใบหน้ารู้สึกเจ็บแสบจนแทบลืมตาไม่ขึ้น
นี่หรือคือแดนมหาแผ่นดิน?
อากาศไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยแฮะ