เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1555 ค้นพบหนทาง
ตอนที่ 1,555 ค้นพบหนทาง
ให้ตายสิ
ทุกครั้งที่เขาใช้โทรศัพท์มือถือสแกนพืชสมุนไพรเหล่านี้ มันก็จะคอยทำหน้าที่ตรวจสอบให้โดยอัตโนมัติว่ามีสมุนไพรชนิดใดสามารถนำไปปลูกในเกม Happy Farm ได้บ้าง
นี่คือความสามารถที่เพิ่มขึ้นมาในการสแกนด้วยโทรศัพท์มือถือ
นอกจากให้ข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งของชิ้นนั้น ๆ ที่ถูกสแกนแล้ว โทรศัพท์มือถือยังตรวจสอบความเข้ากันได้ระหว่างวัตถุชิ้นนั้นกับแอปพลิเคชันต่าง ๆ ในเครื่องได้อีกด้วย
ตัวอย่างเช่น บัวหมอกดำชิ้นนั้น หลังผ่านการสแกนด้วยโทรศัพท์แล้ว โทรศัพท์ก็แจ้งเตือนทันทีว่ามันสามารถใช้เป็นส่วนเสริมและสามารถนำไปปลูกในเกม Happy Farm ได้อย่างไม่มีปัญหา
หากเป็นเช่นนี้…
หลินเป่ยเฉินนำผลหัวใจมังกรลูกสุดท้ายออกมา
‘ติ๊ง! ผลหัวใจมังกร ผลไม้วิเศษระดับ 5 มีสรรพคุณช่วยรักษาอาการบาดเจ็บและเสริมสร้างพลังปราณในร่างกาย ช่วยบำรุงอวัยวะภายในและช่วยยืดอายุขัย ประสิทธิภาพมักขึ้นอยู่กับผู้รับประทานในแต่ละคน…’
เอาล่ะ… ได้รู้รายละเอียดสักที
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
และหลังจากนั้น ข้อความก็เด้งขึ้นมาบนหน้าจอว่าหลินเป่ยเฉินสามารถนำเมล็ดหัวใจมังกรไปปลูกในสวนของตนเองในเกม Happy Farm ได้เช่นกัน
ดูเหมือนเขากำลังจะรวยแล้วสิ
บัดนี้เอง หลินเป่ยเฉินถึงเพิ่งจะตระหนักคุณค่าที่แท้จริงของเกม Happy Farm
เขานำเมล็ดของผลหัวใจมังกรออกมา จัดการปลูกไว้ในสวนผักของตนเองพร้อมด้วยใบไม้คืนวิญญาณ
ยังคงไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
หลินเป่ยเฉินไม่ได้รีบร้อน
เขากดออกมาจากเกม Happy Farm ก่อนจะหยิบคัมภีร์เคลื่อนย้ายกระแสปราณที่หวังจงซื้อให้ขึ้นมาดู หลังจากนั้นก็จัดการสแกนเข้าสู่โทรศัพท์มือถือสร้างเป็นแอปพลิเคชันสำหรับการใช้งาน
“อ้าว? ไม่ใช่ของปลอมเหรอเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินตกใจไม่น้อย ไม่คิดเลยว่าคัมภีร์ที่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนของปลอมเช่นนี้กลับสามารถสร้างเป็นแอปพลิเคชันขึ้นมาได้จริง ๆ
การดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชันผ่านไปอย่างราบรื่น
ข้อดีของโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ตรงนี้เอง เมื่อสามารถแปลงไฟล์คัมภีร์ให้กลายเป็นแอปพลิเคชันในเครื่องได้แล้ว หลินเป่ยเฉินก็ไม่จำเป็นต้องทำสิ่งใดอีกเลย เขาแค่ปล่อยให้โทรศัพท์ทำงานของมันต่อไป ตนเองก็จะได้ฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณโดยอัตโนมัติ
เมื่อกดเริ่มการทำงานของแอปพลิเคชั่นเคลื่อนย้ายกระแสปราณ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มวลพลังในร่างกายไหลเวียนอย่างพุ่งพล่าน เป็นปรากฏการณ์ที่ยากต่อการอธิบาย
หลังจากนั้น กระแสพลังก็ค่อย ๆ สงบลง
“สรุปคัมภีร์เล่มนี้เป็นของแท้จริง ๆ สินะ?”
หลินเป่ยเฉินพูดพึมพำด้วยความด้วยความเหลือเชื่อ
หวังจงนี่โชคดีชะมัด
คัมภีร์เล่มนี้จัดว่าเป็นสุดยอดคัมภีร์ชนิดหนึ่ง
แม้จะมีชื่อเรียกที่ฟังดูธรรมดามากก็ตาม
หลินเป่ยเฉินหยิบคัมภีร์ทองคำเล่มนั้นขึ้นมาดูอย่างพิจารณา
ด้านในคัมภีร์แกะสลักข้อความเกี่ยวกับพื้นฐานการฝึกวิชาและผลลัพธ์รวมไปถึงความยากลำบากของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ
ผลลัพธ์ของการฝึกวิชาชนิดนี้จะทำให้ร่างกายมีความแข็งแกร่งมากขึ้นหลายเท่าและยังช่วยรวบรวมกระแสปราณที่กระจัดกระจายให้กลายเป็นหนึ่งเดียว
หรือกล่าวให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือ วิชานี้จะช่วยเสริมรากฐานพลังปราณและพละกำลังในร่างกายให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
สำหรับผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไป นี่คือสิ่งที่ทุกคนใฝ่ฝัน
เพราะผู้ฝึกยุทธ์ไม่ว่าจะฝึกวิชาไหนก็จำเป็นต้องใช้พลังปราณ แต่การจะมีพลังปราณแข็งแกร่งได้นั้น พื้นฐานร่างกายต้องแข็งแกร่งก่อนเป็นลำดับแรก ยิ่งร่างกายกับพลังปราณมีความแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ พลังในการต่อสู้ของพวกเขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากเท่านั้น
พลังปราณที่กระจัดกระจายคือสิ่งที่ทำให้ผู้คนฝึกวิชาได้เชื่องช้าลง
แต่ถึงกระนั้น ก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ไม่สนใจความเชื่องช้า แม้วิชาฝีมือจะรุดหน้าในระดับเต่าคลาน แต่พวกเขาก็คือเต่าคลานที่มีความสุข
ทว่า นั่นไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน
เพราะว่าเขาไม่อยากเป็นเต่าคลาน
และเขาคือกรณียกเว้นพิเศษ
หลินเป่ยเฉินมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ตามตำนานเล่าขานว่าร่างกายถูกปิดผนึกทำให้ไม่สามารถฝึกวิทยายุทธ์ได้ หรือถึงจะฝึกวิทยายุทธ์ได้ แต่ก็แทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะบรรลุขอบเขตพลังมากไปกว่าขั้นจอมเทพระดับ 5
อย่างน้อย ผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดมาพร้อมกับคำสาปชนิดนี้
และผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ก็จำเป็นต้องรับประทานสมุนไพรวิเศษเป็นจำนวนมาก เพื่อเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแกร่ง
แต่โชคดีที่หลินเป่ยเฉินมีตัวช่วยเป็นเกม Happy Farm ตราบใดที่เขายังสามารถเข้าไปขโมยผลิตผลจากสวนผักของผู้อื่นได้เช่นนี้ เขาก็ยังมีผลไม้วิเศษให้รับประทานในทุก ๆ วัน
ขณะนี้ หลินเป่ยเฉินเปิดการทำงานของแอปพลิเคชันเคลื่อนย้ายกระแสปราณและแอปพลิเคชันสำรวจจิตอยู่ตลอดเวลา
หลินเป่ยเฉินอาจจะขาดแคลนเงินทอง แต่เขาไม่ขาดแคลนพลังปราณ
ต่อให้ยังไม่สามารถควบคุมได้อย่างชำนาญก็เถอะ แต่อย่างน้อยก็ชวนให้อุ่นใจอยู่พอสมควร
แม้ว่าการฝึกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณอาจจะจบลงอย่างไร้ประโยชน์ หลินเป่ยเฉินอาจไม่สามารถใช้งานพลังปราณเหล่านี้ได้จากคำสาปของผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ แต่อย่างน้อย การฝึกวิชานี้ก็จะทำให้เขามีร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าผู้คนทั่วไป
บางที อาจจะมีร่างกายแข็งแกร่งมากกว่าพวกผู้ฝึกยุทธ์ระดับสูงด้วยซ้ำ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกตื่นเต้นไม่น้อย
ตราบใดที่ในร่างกายของเขายังคงมีพลังปราณไหลเวียนอย่างเพียงพอ หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องเกรงกลัวว่าจะถูกผู้ใดรังแกง่าย ๆ เพราะเขามีอาวุธคู่กายเป็นทั้งปืนกลมือ ปืนพกสั้น ปืนไรเฟิล ปืนซุ่มยิงและอาวุธชนิดอื่น ๆ ที่ใช้โจมตีได้อย่างมีประสิทธิภาพร้ายกาจ ไม่แน่ว่าเขาอาจจะกลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดในแดนมหาแผ่นดินก็เป็นได้
นี่ไงล่ะ!
หลินเป่ยเฉินค้นพบหนทางแล้วจริง ๆ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ หลินเป่ยเฉินก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข
เด็กหนุ่มรับประทานผลหัวใจมังกรอย่างเอร็ดอร่อย จากนั้นจึงใช้วิชาสำรวจจิตพร้อมกับใช้วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ ช่วยรวบรวมพลังปราณในร่างกายให้หลอมรวมเข้าด้วยกันและกลายเป็นมวลพลังกายที่แข็งแกร่งขึ้น
กาลเวลาผ่านไป
หลินเป่ยเฉินนอนอยู่บนพื้นห้อง เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว
บังเกิดคลื่นพลังโปร่งแสงชั้นบาง ๆ ห่อหุ้มร่างกายของเด็กหนุ่ม พลังปราณไหลเวียนออกมาจากรูขุมขนบนผิวหนัง ความแข็งแกร่งของร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
…
สำนักเฉาเทียน
คฤหาสน์มังกรบิน
เหล่าหัวหน้าสิบเอ็ดสำนักใหญ่และบรรดาผู้อาวุโสระดับสูงมารวมตัวกันที่นี่ หลังจากผ่านการโต้เถียงกันอย่างดุเดือด ในที่สุด หลิวอู่เหยียนผู้เป็นเจ้าสำนักกระบี่เหินฟ้าก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“พวกเราสิบเอ็ดสำนักใหญ่ต่างมีที่มาที่ไปคนละรูปแบบ จิตใจของผู้คนในสำนักก็ไม่เหมือนกัน การรวมทุกสำนักเข้าด้วยกันจึงมีปัจจัยเสี่ยงมากเกินไป ไม่ว่าจะมีสำนักใดเห็นด้วยหรือไม่ แต่สำนักกระบี่เหินฟ้าเราจะไม่เข้าร่วมแผนการนี้เด็ดขาด”
หลิวอู่เหยียนระเบิดเสียงคำรามด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่คิดเลยว่าสำนักเฉาเทียนจะมีความทะเยอทะยานถึงเพียงนี้ ถึงกับคิดควบรวมสำนักยุทธ์ทั้งหมดในเมืองชิงอวี้เข้าไว้ด้วยกัน… นับว่ามีความกำเริบเสิบสานมากเกินไปแล้ว
ท่านเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกัน
แต่เพราะหวาดกลัวในความแข็งแกร่งของหวังซือเฉาผู้เป็นเจ้าสำนักเฉาเทียน จึงไม่มีผู้ใดกล้าส่งเสียงคัดค้านออกมาอย่างตรงไปตรงมาเช่นหลิวอู่เหยียนอีก
“ฮ่า ๆๆ นี่เป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าสำนักหลิวกลับเดือดดาลถึงเพียงนี้ ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็อย่ามาพูดถึงเรื่องนี้กันอีกเลย”
หวังซือเฉาเป็นชายชราอายุสองร้อยสามสิบเอ็ดปี แต่รูปลักษณ์กลับไม่ต่างไปจากชายหนุ่มอายุสามสิบต้น ๆ ใบหูกาง คิ้วเข้ม ดวงตาเป็นประกาย สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินประดับเลื่อมพรายวิบวาว ยามพูดคุยกับผู้ใด ใบหน้าก็จะประดับรอยยิ้มอยู่เสมอ
เมื่อได้ยินหวังซือเฉากล่าวออกมาเช่นนั้น ท่านเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ในกลุ่มเจ้าสำนักที่เข้าร่วมประชุม หวังจงเป็นเพียงผู้เดียวที่ไม่สนใจสิ่งใดเลย ตลอดเวลาเขาเอาแต่หาวนอนครั้งแล้วครั้งเล่า ผิดกับตงฟางติงผู้ยืนอารักขาอยู่ทางด้านหลัง ตงฟางติงมีสีหน้าวิตกกังวล หลายครั้งทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะปิดปากเงียบ
หลังจากนั้น หัวข้อในการประชุมก็เปลี่ยนเป็นการประลองระหว่างกลุ่มศิษย์รุ่นใหม่จากสำนักต่าง ๆ นี่ไม่ใช่การประลองครั้งแรก แต่มันเป็นการประลองที่จัดขึ้นตามประเพณีและไม่มีความขัดแย้งในการประชุมเกิดขึ้นอีกเลย…
ดังนั้น การประชุมจึงจบลงด้วยความราบรื่น
กลุ่มเจ้าสำนักทยอยลุกขึ้นขอตัวกลับ
หวังซือเฉาเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ยังนั่งอยู่จุดเดิมไม่เคลื่อนไหว
หลังจากนั้น ร่างของหลิวอู่เหยียนเจ้าสำนักกระบี่เหินฟ้าก็กลับมาปรากฏตัวในห้องประชุมอีกครั้งและเขาก็กระซิบพูดคุยอะไรบางอย่างกับหวังซือเฉาอยู่นานสองนาน ก่อนที่ทั้งสองจะค่อย ๆ แยกย้ายกันไปในที่สุด
…
วันต่อมา
ในที่สุด งานประลองก็เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ
แต่ก็ต้องผ่านพิธีเปิดที่น่าเบื่อหน่ายอีกครึ่งค่อนวัน การประลองจึงจะเริ่มต้นขึ้นอย่างแท้จริง
งานประลองครั้งนี้รวบรวมลูกศิษย์ฝีมือดีจากสำนักต่าง ๆ ทั่วเมืองชิงอวี้มาอย่างครบถ้วน เมื่อได้ยินเสียงลั่นระฆังเริ่มต้นการประลอง ทุกคนก็แสดงฝีมือออกมาอย่างดุร้ายเกรี้ยวกราด
เสียแต่ว่านี่เป็นการประลองตามประเพณี อย่าว่าแต่ให้ฆ่ากันถึงตาย แม้แต่ทำให้คู่ต่อสู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ไม่ควรกระทำด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินกับอวี้อูู๋เฉียนเฝ้าดูการประลองวันแรกอยู่ในฐานะผู้รับชม
เซียวปิงปรากฏตัวขึ้นบนลานประลองและสามารถเอาชนะลูกศิษย์จากสำนักเฉาเทียนได้อย่างงดงาม
นอกจากนี้ ในกลุ่มผู้เข้าร่วมการประลองหลินเป่ยเฉินยังพบเห็นองค์ชายเจี้ยนอวี่และเด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่า พวกเขามาเข้าร่วมการประลองในฐานะตัวแทนจากวังถ้ำเซียนและพรรควารีพิฆาต ซึ่งทั้งคู่ต่างก็สามารถเก็บชัยชนะได้อย่างไม่ยากเย็น
ขณะนี้ องค์ชายเจี้ยนอวี่กับหลงหน่ากลายเป็นสมาชิกระดับสูงของสำนักที่ตนเองสังกัดไปเรียบร้อยแล้ว
ความแข็งแกร่งของทั้งคู่พัฒนาขึ้นมาก คำนวณได้ว่าน่าจะอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 3 อีกทั้งยังได้รับการฝึกฝนด้วยวิชายุทธ์ระดับสูง จึงสามารถสร้างผลงานได้น่าประทับใจ
โดยเฉพาะหลงหน่าที่สามารถแสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
หลินเป่ยเฉินผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่พบเจอนักพรตหญิงชิน
ผู้อาวุโสอวี้อูู๋เฉียนรับหน้าที่ออกไปสืบข่าว หลินเป่ยเฉินจึงได้ทราบมาว่านักพรตหญิงชินไม่ได้มีรายชื่อเป็นหนึ่งในตัวแทนผู้เข้าร่วมการประลองจากค่ายน้ำอ่าวจันทรา
เมื่อการประลองสิ้นสุดลงในตอนเย็น องค์ชายเจี้ยนอวี่ก็เดินมาหาหลินเป่ยเฉินและบอกว่าอยากให้ทุกคนไปรวมตัวกัน ซึ่งหลินเป่ยเฉินก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“พี่หลิน เดี๋ยวคืนนี้ข้าเลี้ยงท่านเอง เราจะไปกินเลี้ยงกันในโรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดของภูเขาอวิ๋นเจวี่ยน…” องค์ชายเจี้ยนอวี่กล่าวด้วยความกระตือรือร้น “นี่คืองานเลี้ยงตอบแทนที่ท่านคอยช่วยเหลือข้าตลอดมา!”