เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1563 ไม่มีทางเลือก
ตอนที่ 1,563 ไม่มีทางเลือก
“พวกปีศาจร่วมมือกับสำนักอสูรยกกำลังพลมาปิดล้อมหวังซือเฉาตั้งแต่เช้าตรู่ พวกมันนำทัพมาโดยราชาอสูรและบริวารชั้นสูง พวกเราฝ่ายมนุษย์จึงได้รับความเสียหายใหญ่หลวง มีผู้คนตกตายเป็นจำนวนมาก…”
เหลิ่งเชวี่ยนคำรามออกมาด้วยความโกรธแค้น
เขาคือหนึ่งในผู้อาวุโสระดับสูงสุด
เดิมที ผู้ทรงอิทธิพลในสำนักกระบี่เหินฟ้าจะมาจากคนสองตระกูลใหญ่ ซึ่งก็คือตระกูลชิวกับตระกูลเหลิ่ง บรรดาเจ้าสำนักรุ่นก่อน ๆ ต่างก็เป็นผู้คนจากสองตระกูลสลับกัน มีเพียงหลิวอู่เหยียนผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ เพราะชายชรามีพลังแข็งแกร่งมากเกินไป จึงสามารถแย่งชิงตำแหน่งเจ้าสำนักจากผู้คนสองตระกูลนี้ได้สำเร็จ
“แล้วผลการต่อสู้เป็นอย่างไร?”
ผู้อาวุโสหนงซัวอดถามออกมาไม่ได้
“พวกเราพ่ายแพ้ พวกเราพ่ายแพ้…”
เหลิ่งเชวี่ยนผู้มีเลือดท่วมตัวกล่าวด้วยความเศร้า “องครักษ์ประจำสำนักเฉาเทียนตายหมดสิ้น หกผู้อาวุโสใหญ่ตายหมดสิ้น เจ้าสำนักใหญ่สองจากสี่คนตายหมดสิ้น ซึ่งทั้งสองคนนั้นก็คือเจ้าสำนักดาบทมิฬกับเจ้าสำนักกระจกวารี… ส่วนท่านเจ้าสำนักคนอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส และพรรควารีพิฆาตก็ต้องเสียผู้อาวุโสระดับสูงสุดไปถึงสี่คน…”
“ท่านหวังซือเฉาเห็นท่าไม่ดี จึงถ่วงเวลาบรรดาปีศาจและอสูรเหล่านั้นเอาไว้เพื่อเปิดโอกาสให้พวกเราหลบหนีออกมา แต่ท่านก็คงยื้อเวลาได้ไม่นานนัก บัดนี้ พวกข้าไม่ทราบเลยว่ามีผู้ใดสามารถหลบหนีออกมาได้บ้าง… แต่เผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองชิงอวี้คงไม่อาจรอดพ้นจากหายนะได้อีกแล้ว”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ หัวใจก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
พวกเขาเตรียมตัวเตรียมใจรับสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่คิดเลยว่าสถานการณ์จะย่ำแย่ถึงเพียงนี้
อวี้อู๋เฉียนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ควบคุมกระบี่ยักษ์ให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าต่อไป
ในวิกฤตการเช่นนี้ ผู้อาวุโสที่มักจะถูกผู้อื่นในสำนักกระบี่เหินฟ้ามองข้ามมาโดยตลอด กลับกลายเป็นผู้ที่มีความสงบสุขุมมากที่สุด
ได้ยินเสียงคำรามดังขึ้นจากด้านหลัง
เป็นเสียงคำรามที่ดังกึกก้องแผ่นฟ้า
“พวกมันใกล้เข้ามาแล้ว…”
แม่นางหนงซัวมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไป
หลินเป่ยเฉินชำเลืองมองไปทางด้านหลัง
และเขาก็เห็นลำแสงสีม่วงสี่สายพุ่งผ่านอากาศเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุดไม่ต่างจากลูกธนูหลุดออกจากแหล่ง
“เป็นพวกปีศาจจริง ๆ ด้วย”
เหลิ่งเชวี่ยนกัดฟันกรอด
หัวใจของทุกคนเต้นรัวเร็ว
กระบี่ยักษ์เพิ่มความเร็วมากขึ้น
“ฮ่า ๆๆ…”
เสียงหัวเราะดังกึกก้องทั่วแผ่นฟ้า “ผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้า พวกเจ้าจะรีบหนีไปไหน? ได้โปรดกลับมาก่อน นายท่านเหยียนซานของข้าอยากจะเล่นสนุกกับพวกเจ้า”
เสียงหัวเราะที่แปลกประหลาดนี้ราวกับมีเวทมนตร์วิเศษ เพียงผู้คนได้ยินก็เกิดความรู้สึกอยากทำตามคำสั่งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ศิษย์ของสำนักกระบี่เหินฟ้าจำนวนมากที่โดยสารกระบี่ของตนเองเเล่นตามมาทางด้านหลังพลันหมุนตัวกลับไปยังทิศทางของลำแสงสีม่วงทั้งสี่สายนั้นด้วยความเชื่อฟังทันที
“ฝันไปเถอะ”
ผู้อาวุโสหนงซัวคำรามในลำคอ ซัดยาลูกกลอนออกไปสี่เม็ดด้วยมือข้างหนึ่ง
ตู้ม!
ยาลูกกลอนทั้งสี่เม็ดนั้นระเบิดตัวกลางอากาศ กลายเป็นมวลพลังโจมตีใส่ลำแสงผู้ไล่ตามทั้งสี่สายนั้น
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง
กำแพงเปลวไฟปรากฏขึ้นกลางอากาศปิดกั้นเส้นทางของผู้ไล่ตามทั้งสี่
นี่คือความสามารถเฉพาะตัวของผู้อาวุโสหนงซัว
ในสำนักกระบี่เหินฟ้า หญิงสาวเป็นเพียงผู้เดียวเท่านั้นที่ไม่ได้ฝึกวิชาด้วยสายเลือดของผู้แปรธาตุ แต่นางเลือกฝึกวิชาในสาขาสมุนไพรเวทมนตร์
ยาลูกกลอนทั้งสี่เม็ดที่นางซัดออกไปเมื่อสักครู่นี้มีชื่อเรียกว่า ‘โอสถระเบิดอัคคี’ พวกมันหลอมรวมขึ้นมาจากสมุนไพรธาตุไฟหลายชนิด หากรับประทานก็จะสามารถช่วยขับไล่ความหนาวเย็นในร่างกาย และเมื่อโคจรพลังปราณลงไป พวกมันก็จะเปลี่ยนแปลงกลายเป็นระเบิดเพลิง สามารถถ่วงเวลาศัตรูได้เป็นระยะเวลานาน…
แต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้โอสถระเบิดอัคคีไม่สามารถซื้อเวลาให้พวกนางได้ตามที่หวัง หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ ลำแสงสีม่วงก็พุ่งทะลุผ่านม่านกำแพงไฟไล่ตามมาด้วยความเร็วสูงสุดอีกครั้ง
“ตายซะเถอะ”
ศิษย์ระดับสูงของสำนักกระบี่เหินฟ้าสองคนโคจรพลังปราณลงสู่กระบี่ธาตุแท้ในมือของตนเอง
ลำแสงกระบี่สองสายพุ่งผ่านอากาศตรงเข้าไปหาผู้ไล่ล่า
กระบี่ธาตุแท้เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาลับของสำนักกระบี่เหินฟ้า เป็นการหลอมรวมพลังภายในร่างกายเข้ากับตัวกระบี่อย่างหนาแน่นหนักหน่วง ทุกครั้งที่ใช้งานออกมา จึงต้องเป็นช่วงเวลาวิกฤตการณ์เสมอ
ระหว่างการประลองภายในสำนักก่อนหน้านี้ ชิวลั่วเหยาก็ลอบโจมตีเซียวปิงด้วยเคล็ดวิชานี้เอง
ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดดังขึ้นในอากาศสองครั้ง
แล้วลำแสงกระบี่ก็สลายตัวลงไป
ผู้ไล่ล่ายังคงตามติดมาดังเดิม
ผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้าเริ่มโจมตีอย่างต่อเนื่อง พวกเขาโดยสารอยู่บนกระบี่ยักษ์และปลดปล่อยพลังผ่านเคล็ดวิชากระบี่ธาตุแท้ด้วยความมุ่งมั่น
แต่แทบไม่เกิดผลใด ๆ เลย
สี่ปีศาจผู้ไล่ล่ายังคงคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
หลินเป่ยเฉินสามารถเห็นใบหน้าของพวกมันได้อย่างชัดเจน
นอกจากมีดวงตาเป็นสีม่วงเข้มแล้ว ปีศาจกลุ่มนี้ก็มีลักษณะเหมือนมนุษย์ทุกประการ พวกมันสวมใส่ชุดเกราะโครงกระดูก และมีหน้ากากสีม่วงปิดบังใบหน้า พวกมันลอยตัวอยู่ในอากาศได้โดยไม่ต้องมีอุปกรณ์ช่วยเหลือ วิธีการลอยตัวนั้นดูเหมือนพวกมันจะใช้วิธีการกระโดด ซึ่งการกระโดดหนึ่งครั้งจะส่งให้พวกมันลอยตัวได้ไกลหลายลี้…
ร่างกายของสี่ปีศาจตาม่วงห่อหุ้มด้วยม่านพลังสีม่วงเข้ม กลิ่นไอปีศาจที่ชั่วร้ายแผ่ปกคลุมรอบบริเวณ แตกต่างไปจากการระเบิดพลังปราณของเผ่าพันธุ์มนุษย์โดยสิ้นเชิง…
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เหล่าผู้ไล่ล่าระเบิดลำแสงสีม่วงออกมาจากฝ่ามือตอบโต้ใส่ฝ่ายที่หลบหนีอย่างต่อเนื่อง
ฝ่ายสำนักกระบี่เหินฟ้าต้องต้านทานอย่างยากลำบาก
แม้พวกเขาจะสร้างม่านพลังขึ้นมาเป็นเกราะกำบังอยู่ทางด้านหลังได้ก็ตาม
แต่ม่านพลังเกราะกำบังนั้นเริ่มเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด…
เม็ดเหงื่อปรากฏขึ้นมาเต็มใบหน้าอวี้อู๋เฉียน
ชายชราเริ่มหายใจไม่เป็นจังหวะ
เซียวปิงถือกระบี่ธาตุแท้อยู่ในมือ เตรียมตัวใช้งานออกไปด้วยกระบวนท่าที่หลิวอู่เหยียนสั่งสอนอย่างตั้งอกตั้งใจ ซึ่งกระบวนท่านี้เป็นท่าไม้ตายประจำตัวของหลิวอู่เหยียน ผู้มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับสองแห่งเมืองชิงอวี้
แต่หลินเป่ยเฉินกลับยกมือห้ามและส่ายหน้าเล็กน้อย
เซียวปิงจึงลดกระบี่ในมือของตนเองลง
เหตุการณ์นี้อยู่ภายในสายตาของผู้อาวุโสหนงซัว แต่นางก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะหญิงสาวทราบดีว่านี่เป็นเรื่องที่อันตรายมากเกินไป
บัดนี้ พวกเขายังอยู่ไม่ไกลจากยอดเขาอวิ๋นเจวี่ยน หากมีพลังทำลายล้างจากท่าไม้ตายของท่านเจ้าสำนักสว่างไสวออกไปในบริเวณกว้าง นี่ก็คงไม่ต่างจากการยิงดอกไม้ไฟในท้องฟ้ายามราตรี มันจะเป็นจุดสนใจทำให้พวกปีศาจจำนวนมากติดตามมาไล่ล่าพวกเขามากยิ่งขึ้น
แต่สถานการณ์ในขณะนี้ก็วิกฤตมากแล้ว
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องและรุนแรง
มวลอากาศรอบกระบี่ยักษ์เกิดความปั่นป่วนโกลาหล กลุ่มศิษย์ที่ยืนอยู่บริเวณท้ายกระบี่แทบตกหล่นลงไปคนละทิศละทาง
“ไม่ได้การแล้ว หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราตายกันหมดแน่”
อวี้อู๋เฉียนกระซิบออกมาแผ่วเบา “บินต่อไปไม่ไหวแล้ว… ทุกคนเตรียมตัวให้ดี พวกเรากำลังจะลงจอด”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
กระบี่ยักษ์ก็พุ่งลงไปหาป่าหนาทึบที่อยู่ด้านล่าง ไม่ต่างจากว่าวที่สายป่านขาดสะบั้น กลุ่มคนหายลับลงไปสู่มหาสมุทรแห่งต้นไม้เขียว…
ลำแสงแห่งผู้ไล่ล่าทั้งสี่ก็ไล่ตามติดลงไปเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้น การต่อสู้ก็เกิดขึ้นในป่าด้านล่าง
เสียงตะโกนแห่งการฆ่าฟันดังกึกก้องทั่วผืนป่า
เมื่อมองลงมาจากท้องฟ้า ก็จะเห็นสภาพของต้นไม้จำนวนมากถูกเผาไหม้ ได้ยินเสียงร้องคำราม เห็นลำแสงกระบี่พุ่งวูบวาบ เห็นคลื่นพลังสีม่วงระเบิดกระจาย ผืนป่าที่เงียบสงบเปลี่ยนสภาพกลายเป็นสนามรบ ควันไฟและฝุ่นผงตลบคลุ้งในอากาศ
การต่อสู้ดำเนินไปประมาณยี่สิบลมหายใจ แล้วทุกอย่างก็ค่อย ๆ เชื่องช้าลง
ภายในผืนป่า
ปีศาจทั้งสี่ตนพร้อมด้วยกลุ่มสัตว์อสูรที่อยู่ภายในป่าแห่งนั้นกำลังปิดล้อมผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้า
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ แม้ว่าสำนักกระบี่เหินฟ้าจะไม่ได้ตกเป็นรองเสียทีเดียว แต่สถานการณ์ก็อันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ผู้อาวุโสหนงซัว ผู้อาวุโสเหลิ่งเชวี่ยนและผู้อาวุโสท่านอื่น ๆ ต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ท่านเจ้าสำนักหลิวอู่เหยียนยังคงสลบไม่ได้สติ
พลังปราณในร่างกายอวี้อู๋เฉียนถูกใช้งานออกไปแทบหมดสิ้น
บรรดาศิษย์ที่หนีรอดมาจนถึงขณะนี้ล้วนมีสีหน้าตื่นกลัวและอกสั่นขวัญหาย หลายคนใช้วิชากระบี่ธาตุแท้ของตนเองออกไปแล้ว แต่ผลลัพธ์แห่งการทำลายล้างไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด
สถานการณ์เดินหน้าเข้าสู่ความหมดหวัง
กลุ่มศิษย์แทบเสียสติกันหมดสิ้น
พวกเขาเติบโตขึ้นมาในยุคสมัยแห่งความสงบสุข ไม่เคยพบเจอเหตุการณ์ฆ่าฟันอย่างป่าเถื่อนเช่นนี้มาก่อน แม้จะเคยเผชิญหน้ากับประลองที่ดุเดือดมาแล้ว แต่นี่คือการต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน หากไม่ใช่เพราะว่ามีเหล่าผู้อาวุโสคอยช่วยเหลือ ป่านนี้พวกเขาก็คงเสียชีวิตไปนานแล้ว
กลุ่มสัตว์อสูรคืบคลานเข้ามาใกล้มากขึ้นและมากขึ้น
ปีศาจทั้งสี่ตนปลดปล่อยพลังออกไปดึงดูดเหล่าสัตว์อสูรให้เข้ามารวมตัวกันในบริเวณนี้
มุมปากของผู้อาวุโสหนงซัวมีโลหิตไหลซึมออกมา ใบหน้าที่สวยงามของนางซีดขาว เส้นผมดำยาวสยายปกคลุมบาดแผลบริเวณต้นคอ โลหิตไหลย้อมเสื้อคลุมที่หลินเป่ยเฉินมอบให้กับนางกลายเป็นสีแดงสด
นางกระซิบใส่ข้างหูของเซียวปิงว่า “ระเบิดพลังกระบี่ธาตุแท้ของเจ้าไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้…”
ขณะนี้ ไม่มีเวลาให้มาคิดถึงสิ่งอื่นใดอีกแล้ว
นี่คือทางรอดเดียวของทุกคน ยิ่งปล่อยให้เวลาผ่านนานไปมากเท่าไหร่ โอกาสรอดก็ยิ่งลดน้อยลงมากเท่านั้น
เซียวปิงพยักหน้า กระบี่ธาตุแท้กลับมาอยู่ในมืออีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินยังคงยกมือและส่ายศีรษะห้ามปราม
ผู้อาวุโสหนงซัวถลึงตามอง
หลินเป่ยเฉินกล่าวช้า ๆ ว่า “ให้ข้าจัดการเอง”
เขาเปิดการแชร์สัญญาณไวไฟและเชื่อมต่อสัญญาณกับเซียวปิง
ความรู้สึกที่คุ้นเคยกลับคืนมา
ดวงตาของเซียวปิงเป็นประกายวาวโรจน์
เด็กหนุ่มร่างอ้วนรู้ดีว่านี่คือความรู้สึกชนิดใด เพราะพี่ใหญ่ของเขามักจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาได้เสมอ และไม่มีสิ่งใดจะสามารถขัดขวางท่านพี่หลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว
หลินเป่ยเฉินนำระเบิดเพลิงออกมายัดใส่มือเซียวปิงข้างหนึ่ง ส่วนอีกข้างก็ส่งปืนอินทรีหิมะซึ่งติดกระบอกที่เก็บเสียงให้ด้วยเช่นกัน
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้มากความ
สองพี่น้องเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มาหลายสมรภูมิ นี่คือความเข้าใจของพวกเขาโดยไม่ต้องใช้วาจา
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็หยิบแว่นดำที่เลียนแบบเบ้าตาของคางคกออกมาสวมใส่
รูปร่างของมันแปลกประหลาดมาก
อุปกรณ์เหล่านี้มีเพียงเซียวปิงเห็นคนเดียวเท่านั้น
ส่วนสมาชิกสำนักกระบี่เหินฟ้าคนอื่น ๆ ก็ได้แต่มึนงงสงสัยว่าทั้งสองหนุ่มกำลังทำอะไรกันอยู่
และภายใต้การเฝ้ามองของทุกสายตา หลินเป่ยเฉินยกปืนกลมืออูซี่ซึ่งติดกระบอกที่เก็บเสียงขึ้นในมือขวา มือซ้ายกำระเบิดมือลูกหนึ่ง ก่อนจะค่อย ๆ เดินแหวกกลุ่มผู้คนออกไปข้างหน้า…
“พวกเจ้าปล่อยให้พวกเราหลบหนีไปง่าย ๆ ไม่ได้หรือไร?”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองไปยังปีศาจทั้งสี่ตนนั้นและถามด้วยความจริงใจว่า “เหตุไฉนจึงต้องตามฆ่ากันถึงเพียงนี้ด้วย?”
“ฮ่า ๆๆ…”
ปีศาจตนที่น่าจะเป็นหัวหน้าหัวเราะในลำคอเล็กน้อย ดวงตาสีม่วงที่อยู่ภายใต้หน้ากากเป็นประกายระยิบระยับด้วยความเหยียดหยามเย้ยหยัน
กลุ่มคนจากสำนักกระบี่เหินฟ้าได้แต่ประหลาดใจว่าเหตุไฉนหลินเป่ยเฉินจึงกล้ากล่าววาจาที่สามหาวเช่นนี้?
ช่างน่าขำสิ้นดี
“เฮ้อ เป็นพวกเจ้าทำให้ข้าไม่มีทางเลือก”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชั่วร้ายและยิงฟันยิ้มอวดฟันขาววับ “เป็นพวกเจ้ารนหาที่ตายเองนะ… เหอ ๆ”
เด็กหนุ่มค่อย ๆ ยกมือขึ้น
มีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่เห็นปากกระบอกปืนพ่นประกายไฟออกมา!