เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1565 กระบี่พิฆาต
ตอนที่ 1,565 กระบี่พิฆาต
นางพญางูน้ำ!
หนึ่งในยอดฝีมือจากเผ่าพันธุ์อสูร ปรากฏข่าวลือว่านางขึ้นสู่ขั้นพลังจอมอสูรระดับ 6 แล้ว
ตู้ม!
สิ่งที่หลินเป่ยเฉินเข้าใจว่าเป็นหนวดปลาหมึกนั้น แท้จริงแล้วเป็นหางงูขนาดใหญ่ ผิวหนังของมันเต็มไปด้วยเกล็ดสีดำมันวาว
หางงูยักษ์ชูตัวขึ้นมาจากผิวน้ำพร้อมกับรัดพันร่างของผู้อาวุโสเหลิ่งเชวี่ยนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสและหมดสติลงไปแล้ว
“ศิษย์พี่…”
ผู้อาวุโสหนงซัวอุทานออกมาด้วยความตื่นตระหนก ทำท่าจะพุ่งตัวออกไปข้างหน้า แต่คนอื่น ๆ ก็ฉุดรั้งตัวเอาไว้ได้ทันเสียก่อน
ในเวลาเดียวกันนี้ ศีรษะของหญิงสาวผู้หนึ่งก็โผล่พ้นขึ้นมาจากใต้ผิวน้ำ
นางมีใบหน้าเป็นเด็กสาวผิวขาวหน้าตางดงามราวกับหลุดออกมาจากภาพวาดของจิตรกรเอก ลำคอขาวผ่อง หัวไหล่ขาวเนียน หน้าอกอวบอิ่ม…
ชุดเกราะที่นางสวมใส่เป็นชุดเกราะหนังสีดำคาดหน้าอกในลักษณะของเสื้อชั้นใน เผยให้เห็นหน้าท้องเรียบเนียน เอวคอดกิ่ว สะดือประดับด้วยอัญมณีสีเขียวเลื่อมดำ ส่วนร่างกายท่อนล่างนั้นเปลือยเปล่า
เพราะว่านางไม่มีขา
ส่วนที่ควรจะเป็นขาถูกแทนที่ด้วยหางงู
เผ่าพันธุ์มนุษย์งูคือหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าพันธุ์อสูร
เส้นผมสีเขียวเข้มเปียกน้ำแนบติดกับใบหน้า เมื่อราชินีงูน้ำปรากฏกายออกมา คลื่นพลังกดดันก็ทำให้ผิวน้ำพลิ้วไหวเป็นระลอกคลื่นปั่นป่วน
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
อสูรตนนี้มีพลังแข็งแกร่งมากกว่าจอมเทพระดับ 5
“เฮอะ… หลิวอู่เหยียน ไม่พบเจอกันห้าปี คิดไม่ถึงเลยว่าเราจะได้กลับมาพบกันอีกครั้งในสถานการณ์เช่นนี้… ดูเหมือนเจ้าจะบาดเจ็บไม่น้อยเลยนะ”
นางพญางูน้ำกล่าวช้า ๆ
ระหว่างที่พูด นางก็จะแลบลิ้นสองแฉกสีแดงสดออกมาด้วย นับเป็นพฤติกรรมที่เหมือนงูทุกประการ
หลิวอู่เหยียนจ้องมองไปที่ร่างของเหลิ่งเชวี่ยนผู้ถูกพันธนาการอยู่ในวงหางงูยักษ์ ก่อนเริ่มต้นเปิดฉากเจรจา “นี่ไม่เกี่ยวกับความหลังระหว่างเจ้ากับข้า แต่มนุษย์กับอสูรอยู่ร่วมกันด้วยความสงบสุขมาช้านาน เหตุไฉนเจ้าถึงต้องกระทำเช่นนี้ด้วย? สำนักกระบี่เหินฟ้าเราไปทำอะไรให้เจ้าเจ็บแค้นใจหรือไร?”
“หึ ๆ… ในอดีต พวกเราอาจจะเป็นมิตรกัน แต่บัดนี้ พวกเราคือศัตรู”
ยามกล่าวประโยคแรกออกมานั้น น้ำเสียงของนางพญางูน้ำแฝงความเศร้าเอาไว้หลายส่วน แต่เมื่อกล่าวประโยคหลังออกมา น้ำเสียงของนางก็มีแต่ความเย็นชาอำมหิต
“หลิวอู่เหยียน หากเจ้าอยากจะใช้เรื่องราวในอดีตนำมาเกลี้ยกล่อมให้ข้าปล่อยพวกเจ้าไป เจ้าก็คงต้องผิดหวังแล้ว ณ บัดนี้ ยอดเขาเฉาเทียนถูกถล่ม เผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์อสูรไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้อีก พวกเราต้องตายกันไปข้างหนึ่ง เพราะฉะนั้น มิตรภาพในอดีตของพวกเรา มันไม่มีความสำคัญอีกแล้ว”
หลิวอู่เหยียนพยักหน้าอย่างแช่มช้าและกล่าวว่า “หากเป็นเช่นนั้น ก็ปล่อยตัวคนของข้าออกมาก่อน แล้วข้าจะเข้าไปสู้กับเจ้าเอง”
“เหอ ๆๆ…”
ราชินีงูน้ำส่ายศีรษะ ดวงตาที่เป็นประกายแวววาวปรากฏความเย็นชาน่าขนลุก “เจ้าคงไม่ได้ไร้เดียงสาถึงเพียงนั้นกระมัง”
ขาดคำ
กร๊อบ!
ได้ยินเสียงกระดูกแตกหัก
วงหางขนาดใหญ่ของนางพญางูน้ำเพิ่มแรงบีบรัดร่างกายของผู้อาวุโสเหลิ่งเชวี่ยน กระดูกในร่างกายของชายวัยกลางคนแตกหักเป็นเศษเล็กเศษน้อย อวัยวะภายในหลอมรวมกับเลือดเนื้อไหลทะลักออกมาทางปากและจมูก
ผู้อาวุโสเหลิ่งเชวี่ยนถูกบีบรัดจนกลายเป็นก้อนเนื้อก้อนหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าคงไม่อาจรอดชีวิตได้อีกแล้ว
“พี่ใหญ่… ไม่นะ ไม่”
ผู้อาวุโสหนงซัวร้องไห้น้ำตาไหลพราก
นางได้แต่เฝ้ามองชายวัยกลางคนผู้ไม่ต่างจากพี่ชายแท้ ๆ ของตนเองต้องเสียชีวิตไปต่อหน้าต่อตา มิหนำซ้ำ นางยังไม่มีเรี่ยวแรงก้าวออกไปข้างหน้าเพื่อช่วยเหลือ…
ทันใดนั้น…
วูบ!
คมกระบี่พุ่งทะลวงผ่านอากาศ
หนวดเคราของหลิวอู่เหยียนปลิวไสวตามแรงลม มือที่เหลือเพียงข้างเดียวของเขาชักกระบี่ออกมาจากข้างเอวของลูกศิษย์ที่ยืนอยู่ข้างตัว หลังจากนั้น ชายชราก็พุ่งตัวออกไปข้างหน้า
นางพญางูน้ำทิ้งศพของเหลิ่งเชวี่ยน หลังจากนั้น ร่างของเหลิ่งเชวี่ยนก็ถูกห้อมล้อมด้วยหมอกพิษ ดวงตาของนางพญางูน้ำเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยจิตสังหาร พลังปราณอสูรระเบิดออกมาจากร่างกาย
ควับ!
คมกระบี่เคลื่อนเข้ามาประชิดตัว
กระบี่ที่ราบเรียบธรรมดาเล่มหนึ่งในมือของหลิวอู่เหยียนแทงทะลวงไปที่นางพญางูน้ำ
นางพญางูน้ำส่งเสียงคำรามแหบต่ำในลำคอ แต่จังหวะที่กำลังจะใช้วิชาเขี้ยวคู่มฤตยู ต้นคอของนางก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมา
แล้วภาพทุกอย่างก็กลับหัวตีลังกา
ต๋อม!
ใบหน้าที่สวยงามของนางพญางูน้ำปรากฏความตื่นตระหนกและความหวาดกลัว ขณะที่ศีรษะของนางหลุดออกจากบ่า ร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำ ทำให้ผิวน้ำแตกกระจาย
ไม่ต่างไปจากเศษไม้หรือก้อนหินสักก้อนร่วงหล่นลงสู่แม่น้ำ
ตุบ!
หลิวอู่เหยียนทิ้งตัวกลับลงมายืนบริเวณริมน้ำอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ขะ… แข็งแกร่ง
กระบวนท่ากระบี่พิฆาตเมื่อสักครู่นี้ เขามองไม่ออกเลยว่าชายชราใช้ออกไปอย่างไร
เพราะมันรวดเร็วเกินไป
และแม่นยำมาก
นี่คือความน่ากลัวของผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองแห่งเมืองชิงอวี้ใช่หรือไม่?
หลินเป่ยเฉินต้องยอมรับจากใจจริงว่าหลิวอู่เหยียนสมควรแล้วที่ได้ตำแหน่งนั้นมา
เซียวปิงเองก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน
นี่คือครั้งแรกที่เด็กหนุ่มร่างอ้วนได้ตระหนักว่าอาจารย์ของตนเองแข็งแกร่งเพียงใด
“พวกเรารีบเก็บศพของผู้อาวุโสเหลิ่ง แล้วไปจากที่นี่กันเถอะ… อะเฮือก!”
หลิวอู่เหยียนพูดไม่ทันจบประโยคก็กระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ร่างกายโงนเงน ต้องปักกระบี่ลงบนพื้นดินเพื่อใช้เป็นหลักยึด
เซียวปิงรีบวิ่งเข้าไปจะช่วยประคองท่านอาจารย์
แต่หลินเป่ยเฉินเข้าไปถึงตัวก่อนแล้ว
“ท่านเจ้าสำนักหลิว ไม่เป็นไรนะขอรับ รับประทานโอสถก่อนเถอะ…” หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความกระตือรือร้นพลางหยิบยารักษาอาการบาดเจ็บออกมา
แม้ว่าชายชราจะแขนขาดไปข้างหนึ่ง แต่ก็ยังเป็นคนที่สามารถใช้เป็นที่พึ่งพิงได้เสมอ เพราะฉะนั้น เขาจะปล่อยให้หลิวอู่เหยียนเป็นอะไรไปไม่ได้เด็ดขาด
“ข้าไม่เป็นไร”
หลิวอู่เหยียนกระอักเลือดออกมาอีกคำใหญ่ ก่อนจะเริ่มปรับพลังปราณในร่างกาย
ผู้อาวุโสหนงซัวรับหน้าที่ดูแลศพของศิษย์พี่ตนเอง นางยังไม่ฝังศพเขาที่นี่ เพราะตั้งใจจะนำกลับไปฝังที่สุสานในสำนักกระบี่เหินฟ้าร่วมกับบรรพบุรุษ
“ผู้อาวุโสอวี้ พวกเราไปกันเถอะ”
ภายใต้คำสั่งของหลิวอู่เหยียน ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนจึงต้องนำกระบี่ยักษ์ออกมาใช้งานอีกครั้ง หลังจากนั้น พวกเขาก็ขึ้นไปยืนอยู่บนกระบี่ยักษ์และลอยตัวหายลับไปบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว
ไม่นานหลังจากที่ผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้าจากไป เผ่าพันธุ์อสูรกลุ่มหนึ่งก็ทิ้งตัวลงมายืนอยู่ข้างแม่น้ำ
หนึ่งในนั้นมีรูปร่างเตี้ยแคระ ใบหน้าเป็นสุนัขอัปลักษณ์ ผมสีน้ำตาลยาวสลวยรวบไปทางด้านหลัง มันคือหัวหน้าใหญ่ของเผ่าพันธุ์อสูรกลุ่มนี้
เผ่าสุนัขอสูรวายุ
ผู้เป็นหัวหน้าฝูงมีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรระดับ 6
แม้ร่างกายของมันจะเตี้ยแคระ แต่ความแข็งแกร่งในด้านพลังฝีมือไม่ได้เล็กจ้อยไปตามขนาดร่างกาย แน่นอนว่าหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรย่อมมีความแข็งแกร่งไม่ได้ต่ำต้อยกว่านางพญางูน้ำที่เพิ่งจะเสียชีวิตไป
“บัดซบ นางถึงกับยอมพลีชีพเผชิญหน้ากับหลิวอู่เหยียน บัดนี้ พวกสำนักกระบี่เหินฟ้าจึงหนีรอดไปได้อีกแล้ว”
ใบหน้าของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น
มันเงยหน้าขึ้นทำจมูกฟุดฟิดสูดดมกลิ่นในอากาศ แล้วกลิ่นเหล่านั้นก็เปลี่ยนเป็นภาพที่ปรากฏขึ้นในสมอง หลังจากนั้น หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่บ้าง
“เจ้ากล้าขัดคำสั่งของข้า ย่อมสมควรตายแล้ว”
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรพูดด้วยความไม่พอใจ “เจ้าถึงกับกล้าทำลายแผนการของนายท่านและทำให้หลิวอู่เหยียนหลบหนีไปได้สำเร็จ พวกสำนักกระบี่เหินฟ้าขึ้นชื่อเรื่องความรวดเร็วในการหลบหนีอยู่แล้ว หากเป็นยามปกติพวกเราคงไล่ตามไปไม่ทัน ข้าก็ได้แต่หวังว่าพวกมันจะพบเจออุปสรรคขัดขวางระหว่างทางบ้างล่ะนะ… พวกเราไล่ตามไป”
เผ่าพันธุ์สุนัขอสูรวายุเป็นสิ่งมีชีวิตที่ชำนาญเรื่องการแกะรอยมากที่สุดในเมืองชิงอวี้
ไม่นานหลังจากนั้น พวกมันก็หายลับไปยังทิศทางที่ผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้าหลบหนีไป
…
สองวันต่อมา
“พวกเรามาถึงแล้ว”
หลังพบเจออุปสรรคขัดขวางนานัปการ หลิวอู่เหยียน อวี้อู๋เฉียน หลินเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ ก็กลับมาถึงที่ตั้งของสำนักกระบี่เหินฟ้าในที่สุด
เมื่อเห็นยอดเขาอันเป็นที่ตั้งสำนักของตนเองอยู่อีกไม่ไกล ทุกคนก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ตลอดเส้นทางพวกเขาต้องสูญเสียผู้คนไปเป็นจำนวนไม่น้อย สมาชิกสามสิบหกชีวิตที่ออกเดินทางไปยังสำนักเฉาเทียนเพื่อเข้าร่วมงานประลอง บัดนี้เหลือกลับมาไม่ถึงสิบคนเท่านั้น
รวมถึงชิวเทียนจิงที่อยู่ในอาการบาดเจ็บสาหัสสลบไสลไม่ได้สติตลอดทาง
แต่เรื่องนั้นก็ไม่สำคัญอีกแล้ว เพราะบัดนี้ พวกเขากลับมาถึงฐานที่มั่นของตนเองแล้ว
ประตูทางเข้าสำนักกระบี่เหินฟ้ายังคงเงียบสงบ ภูเขา แม่น้ำและลำธารยังไม่มีสิ่งใดแปรเปลี่ยนไป ไม่มีร่องรอยของการบุกรุก ไม่มีร่องรอยของการต่อสู้ จิตใจของทุกคนจึงผ่อนคลายมากขึ้น
สำนักกระบี่เหินฟ้ามีกำแพงใหญ่ล้อมรอบ ด้านในมีสวนผักสมุนไพร มีภูเขาลูกใหญ่คอยขวางกั้นผู้บุกรุก กอปรกับค่ายอาคมที่จัดตั้งขึ้นเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี พวกเขาจึงสามารถใช้ที่นี่เป็นฐานที่มั่นในการต่อสู้กับกองทัพปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรได้อย่างไม่มีปัญหา
นี่คือความหวังสุดท้าย
ทุกคนเดินตรงไปที่ประตูทางเข้าสำนัก
“ช้าก่อน”
ทันใดนั้น หลิวอู่เหยียนกลับหยุดชะงักและกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “พวกเรา… อย่าเพิ่งเข้าไป!”