เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1569 สุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง
ตอนที่ 1,569 สุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง
จุดเด่นของปืนกลมืออูซี่ก็คือความสามารถในการปล่อยกระสุนได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
หากยิงโดยเหนี่ยวไกค้างเอาไว้ กระสุนในซองบรรจุหนึ่งชุด ก็สามารถถูกยิงหมดได้ในเวลาเพียงไม่กี่ลมหายใจ
หลินเป่ยเฉินโกรธแค้นจนเหนี่ยวไกค้างเอาไว้อย่างไร้ความเมตตา
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ม่านกระสุนพุ่งทะลวงไปข้างหน้า
แต่หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุมีปฏิกิริยาตอบรับที่รวดเร็ว
มันยืนหยัดอยู่กับที่ เพียงยกแขนขวาขึ้นหมุนวนเป็นกังหันลม แล้วกระสุนปืนกลมืออูซี่สามสิบกว่านัดก็ลอยเข้าไปอยู่ในมือของมันหมดสิ้น
“มีปัญญาทำได้เพียงเท่านี้เองหรือ?”
อสูรแคระผู้มีร่างกายเป็นมนุษย์มีใบหน้าเป็นสุนัขถอนหายใจด้วยความผิดหวัง
มันโยนลูกกระสุนเหล่านั้นทิ้งไป
บนฝ่ามือปรากฏเพียงรอยถลอกสีขาวเล็กน้อย
ไม่มีบาดแผล
หลินเป่ยเฉินปากอ้าตาค้างด้วยความตกตะลึง
รับกระสุนด้วยมือเปล่า?
นี่เขาหลุดเข้ามาอยู่ในหนังเรื่องคัมภีร์หยุดกระสุนหรือไง?
“นับเป็นวิชากระบี่ที่น่าสนใจ สามารถโจมตีได้รวดเร็วและรุนแรง นี่คือท่าไม้ตายของเจ้าสินะ? ฮ่า ๆๆ เจ้าคงอาศัยท่าไม้ตายชนิดนี้เอาตัวรอดมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่า แต่น่าเสียดายที่มันทำอะไรข้าไม่ได้เลย”
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรหรี่ตาลงเล็กน้อย ยิ้มมุมปากด้วยความเหยียดหยาม
การยิงปืนของหลินเป่ยเฉินในสายตาของผู้อื่นคือการปลดปล่อยลำแสงกระบี่
“ข้าไม่เชื่อ!”
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังปราณบรรจุกระสุนชุดใหม่ ใบหน้าบิดเบี้ยวด้วยความโกรธแค้น ดวงตาแดงก่ำ ระเบิดเสียงคำรามดังสนั่น “มาดูกันว่าเจ้าจะรับการโจมตีครั้งนี้อีกได้อย่างไร!”
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปืนกลอูซี่ระเบิดลูกกระสุนออกไปอีกครั้ง
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรยังคงยกมือข้างเดียวหมุนวนในอากาศ หลังจากนั้น กระสุนสามสิบกว่านัดก็ถูกโปรยทิ้งไปอย่างง่ายดาย
ด้วยความผ่อนคลายและสนุกสนานมากกว่าครั้งแรก
การเคลื่อนไหวของอสูรแคระผู้นี้ค่อนข้างสวยงามมากทีเดียว ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังรับชมกายกรรมในคณะละครสัตว์อย่างไรอย่างนั้น
“เจ้า…”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเดือดดาลมากยิ่งขึ้น “นี่คือวิชายุทธ์ที่ข้าทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตฝึกฝนทั้งวันทั้งคืน แต่มันกลับทำอะไรเจ้าไม่ได้เชียวหรือ? เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด…”
เมื่อกลุ่มสุนัขอสูรเห็นอากัปกิริยาของหลินเป่ยเฉิน พวกมันก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ
พวกมันจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาสมเพชเวทนา
นี่คือสิ่งที่พวกมันเคยพบเจอมานับครั้งไม่ถ้วน
หยอกล้อให้คู่ต่อสู้โกรธแค้นจนเสียสติ
นี่คือสิ่งที่หัวหน้าฝูงของพวกมันชอบกระทำ
ความจริงนั้น
ด้วยความสามารถที่แท้จริงของท่านหัวหน้าฝูง มนุษย์ผู้ต่ำต้อยอย่างหลินเป่ยเฉินเพียงถูกโจมตีด้วยกระบวนท่าเดียว ชีวิตก็คงดับสิ้นไปนานแล้ว
“ปล่อยทุกคนไป”
พลัน ผู้อาวุโสหนงซัวก้าวออกมาข้างหน้าอย่างช้า ๆ
หญิงสาวผู้งามสง่ากล่าวด้วยสีหน้าหนักแน่นมั่นคงว่า “เจ้าสุนัข เจ้าอยากได้ตัวข้านักไม่ใช่หรือ? วันนี้หากเจ้าปล่อยทุกคนไป ข้าจะยอมเป็นของเจ้า เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้ทั้งนั้น”
“ว่าไงนะ?”
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรระเบิดเสียงหัวเราะขบขัน “ฮ่า ๆๆ ผู้ใดอยากได้ตัวเจ้ากัน?”
ไม่ต่างจากได้รับฟังเรื่องราวที่เหลวไหลที่สุดในโลก
“อ้อ จำได้แล้ว ข้าเคยกล่าวเอาไว้สินะ แต่ตอนนั้นเจ้าอาศัยบารมีหลิวอู่เหยียนชักกระบี่ออกมาท้าสู้กับข้าไม่ใช่หรือ?”
ใบหน้าอัปลักษณ์ของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรปรากฏรอยยิ้มอำมหิต มันสะบัดผมสีน้ำตาลเข้มที่รวบไว้ด้านหลังปลิวไสว ก่อนกล่าวว่า “ตอนนั้นข้าก็แค่หยอกเจ้าเล่นแก้เบื่อเท่านั้นเอง เหตุไฉนเจ้าถึงต้องคิดเป็นจริงเป็นจังด้วย หรือเจ้าคิดว่ามนุษย์หน้าตาอัปลักษณ์อย่างเจ้าจะสามารถดึงดูดหัวใจข้าได้จริง ๆ? เหอ ๆๆ เห็นทีผู้อาวุโสหนงคงหลงตนเองมากเกินไปแล้ว แน่จริงเจ้าก็ลองเปลื้องผ้าออกมาให้หมดก่อนสิ พวกเราจะได้ดูกันว่าเจ้ามีค่ามากพอที่จะทำให้ข้าปล่อยผู้คนเหล่านี้ไปได้หรือไม่?”
“เจ้าคงอยากตายมากสินะ?”
หลินเป่ยเฉินผู้มีดวงตาแดงก่ำเดินออกมายืนขวางหน้าผู้อาวุโสหนงซัวและคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “เพียงรับการโจมตีของข้าได้สองครั้ง อย่าคิดว่าเจ้าจะสามารถรับมันได้ตลอดไป ข้าไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเจ้าจะรับการโจมตีของข้าได้เป็นครั้งที่สาม…”
เด็กหนุ่มยกปืนขึ้นเล็งอีกครั้ง
“ช่างโง่เขลาเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งก็ตาม แต่ผลลัพธ์ยังคง…”
ใบหน้าอัปลักษณ์ของหัวหน้าฝูงหมาป่าอสูรยิ้มเหยียดหยาม มือข้างหนึ่งยกขึ้นหมุนวนในอากาศ
เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทดังกึกก้อง
โลหิตสาดกระจายออกมาจากฝ่ามือของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูร
รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้าของมัน
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทระเบิดกึกก้องอย่างต่อเนื่อง
มือขวาของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรระเบิดกระจายเป็นส่วนแรก ก่อนจะตามมาด้วยแขนขวาทั้งข้าง เศษเลือดเนื้อเศษกระดูกปลิวกระจายในอากาศ
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
เสียงกัมปนาทยังคงดังในอากาศไม่หยุดยั้ง
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรยืนโงนเงน แขนขาของมันชักกระตุก โลหิตไหลทะลักออกมาจากชุดเกราะหนังสีเหลืองเข้มเป็นม่านหมอกเลือดสาดกระจายในอากาศ
หลินเป่ยเฉินรัวกระสุนหมดซองบรรจุกระสุนในรวดเดียว
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่ปืนกลมืออูซี่
แต่เป็นปืน AK47!
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินแอบเปลี่ยนปืนอย่างหน้าตาเฉย
ปืน AK47 ได้รับการขนานนามให้เป็นสุดยอดแห่งปืนไรเฟิล มันมีอานุภาพในการทำลายล้างมากกว่าปืนกลมืออูซี่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเป็นอาวุธที่ซื้อหาจากโทรศัพท์มือถือ หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุจึงไม่สามารถรับมือการโจมตีของหลินเป่ยเฉินเป็นครั้งที่สามได้อีกแล้ว
ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็หยุดยิง
บรรยากาศตกอยู่ในความเงียบ
“ผลลัพธ์… ยังคงเป็นเช่นเดิม”
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรยังคงพยายามพูดออกมาด้วยความดื้อรั้น
มันพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
มันถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสุดยอดหัวหน้าสำนักอสูร คิดไม่ถึงเลยว่ากลับต้องมาพบเจอจุดจบที่น่าอนาถเช่นนี้
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความเคียดแค้น “วิชากระบี่ของเจ้า… มีนามว่าอันใด?”
“อ้อ มันเรียกว่าวิชาปราณกระบี่คงกระพันน่ะ”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “การโจมตีสองครั้งก่อนหน้านี้ เป็นเพียงการโจมตีด้วยขั้นแรกในวิชาเท่านั้น… แต่อันที่จริง ข้าสามารถฝึกฝนได้ถึงขั้นที่สองแล้วต่างหาก”
“ปราณกระบี่คงกระพันอย่างนั้นหรือ? นับว่าเป็นชื่อที่ดีนัก”
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรถามต่อไป “ไม่ทราบว่าวิชานี้มีอยู่ทั้งหมดกี่ขั้น?”
“มีอยู่ทั้งหมดร้อยแปดขั้น”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
เมื่อหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุได้ยินคำตอบเช่นนั้น ดวงตาของมันก็เบิกโตด้วยความเหลือเชื่อ แต่หลังจากนั้น แววตาของมันก็หม่นแสงลง ร่างกายสูญสิ้นเรี่ยวแรง จนกระทั่งล้มคว่ำลงกับพื้นดินในที่สุด
ตุบ!
ร่างของมันกระแทกพื้นดินส่งฝุ่นฟุ้งกระจาย
โลหิตไหลทะลักออกมาจากรูกระสุนย้อมพื้นที่บริเวณนั้นเป็นสีแดง
หนึ่งในผู้นำสำนักอสูรที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่เกรียงไกรกลับต้องมาตกตายเยี่ยงคนธรรมดา
บรรดาลูกสมุนของมันต่างก็ตกตะลึง
“พี่ใหญ่ขอรับ?”
“ท่านหัวหน้าฝูง… ตายแล้ว… อย่างนั้นหรือ?”
สีหน้าของพวกมันบ่งบอกถึงความไม่อยากเชื่อ ตกตะลึงไม่ต่างจากได้เห็นบิดาของตนเองสิ้นชีพ หมดหวังยิ่งกว่าสตรีที่ถูกจับได้ว่าตนเองเป็นภรรยาน้อย
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!
ปืนกลอูซี่ถูกนำออกมาใช้งานอีกครั้ง
แล้วกลุ่มสุนัขอสูรวายุก็ตกตายดั่งใบไม้ร่วงหมดสิ้น
เซียวปิงกลืนน้ำลายอย่างฝืดคอ อุทานออกมาว่า “สุดยอดแห่งความแข็งแกร่ง”
และอวี้อู๋เฉียนกับหนงซัวก็อยู่ในอาการตกตะลึงไม่ต่างกัน
พวกเขาเคยเห็นผู้ที่ถูกขนานนามให้เป็นยอดฝีมือมามากมาย เหตุการณ์นองเลือดและการฆ่าฟันผู้คนจำนวนมากทั้งสองก็เคยเผชิญมาหมดแล้ว
แต่พวกเขาไม่เคยพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
หลินเป่ยเฉินผู้ที่มีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ร่างกายไม่ควรฝึกวิทยายุทธ์ได้สำเร็จ กลับมีความแข็งแกร่งถึงขั้นนี้ได้อย่างไร?