เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1570 พลังที่แท้จริงของโอสถวิเศษ
ตอนที่ 1,570 พลังที่แท้จริงของโอสถวิเศษ
โดยเฉพาะผู้อาวุโสหนงซัว
ก่อนหน้านี้ นางหมดหวังแล้ว
ยามที่หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุเย้ยหยันถากถาง ผู้อาวุโสหนงซัวก็ทราบแล้วว่าความเสียสละของตนเองไม่มีค่าอันใดเลย และมันมีแต่จะทำให้ฝ่ายสุนัขอสูรเหยียดหยามนางมากไปกว่าเดิมด้วยซ้ำ
แต่ถึงกระนั้น นางก็ตัดสินใจที่จะลองเสี่ยงดู…
ทว่า ปาฏิหาริย์กลับเกิดขึ้น
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรผู้แข็งแกร่งกลับเสียชีวิตลงไปอย่างง่ายดาย
มีเพียงผู้คนที่หมดหวังเท่านั้นจึงรู้ว่าความหวังมีค่ามากเพียงใด
แม้ผู้อาวุโสหนงซัวจะไม่เข้าใจเลยว่าหลินเป่ยเฉินสามารถทำได้อย่างไรก็ตาม
ความแข็งแกร่งของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรนั้น ต่อให้หลิวอู่เหยียนมาลงมือเอง ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถเอาชนะได้ แต่หลินเป่ยเฉิน… เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว เขายังถูกระบุว่าเป็นผู้หมดหวังในการฝึกวิชาฝีมืออยู่เลยนี่นา
ผู้อาวุโสหนงซัวมองไปที่หลินเป่ยเฉินด้วยสายตาที่ใช้มองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
นางเริ่มสงสัยเกี่ยวกับที่มาที่ไปของเด็กหนุ่มผู้นี้แล้ว
และผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนก็กำลังสงสัยเกี่ยวกับวิชาปราณกระบี่คงกระพัน
เขาเคยเห็นมากับตาว่าหลินเป่ยเฉินใช้วิชาเดียวกันนี้สังหารชิวลั่วเหยากับชิวเหิง รวมไปถึงพวกยอดฝีมือของกองทัพปีศาจและสำนักอสูรมากมายนับไม่ถ้วน ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนรู้ดีว่านี่ต้องเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาที่มีอานุภาพการทำลายล้างแข็งแกร่ง แต่ชายวัยกลางคนคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะแข็งแกร่งจนสามารถสังหารหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุได้อย่างง่ายดายเช่นนี้…
อวี้อู๋เฉียนต้องยอมรับในสายตาของหลิวอู่เหยียนจริง ๆ
ต้องรอจนถึงบัดนี้ อวี้อู๋เฉียนจึงมั่นใจว่าการตัดสินใจของหลิวอู่เหยียนเป็นสิ่งที่ถูกต้อง… แต่หลินเป่ยเฉินจะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้มากเพียงใด? บางทีเขาอาจจะกรุยเส้นทางใหม่นี่ไม่เคยมีใครสามารถทำได้มาก่อนในเมืองชิงอวี้ และวงการผู้ฝึกยุทธ์ก็อาจจะพลิกโฉมหน้าไปตลอดกาล…
มีเพียงเซียวปิงคนเดียวเท่านั้นที่ยังคงสงบเยือกเย็น
นอกจากไม่ตกตะลึงแล้ว เด็กหนุ่มร่างอ้วนยังหัวเราะออกมาอีกด้วย
เขามองออกว่าพี่ใหญ่เสแสร้งแกล้งเป็นตกใจเพื่อหลอกล่อให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ทันระวังตัว
หลังจากนั้นจึงโจมตีปลิดชีพ
ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งมากไปกว่าพี่ใหญ่ของเขาอีกแล้ว
เซียวปิงไม่เคยสงสัยในตัวของหลินเป่ยเฉินเพราะเขาเคยเห็นหลินเป่ยเฉินเอาชนะคู่ต่อสู้มาแล้วนับไม่ถ้วน ต่อให้สถานการณ์ตกอยู่ในอันตรายมากเพียงใด หลินเป่ยเฉินก็สามารถเอาตัวรอดได้เสมอ
ในขณะที่คนอื่น ๆ กำลังตกตะลึงอยู่นั้น หลินเป่ยเฉินก็กำลังยุ่งอยู่กับการตรวจค้นซากศพผู้เสียชีวิต
หัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุสมแล้วที่เป็นผู้นำสำนักอสูรชื่อดัง ต่างหูของมันทั้งสองข้างคือวัตถุเก็บสมบัติ เพียงมองดูก็รู้ว่าเป็นสิ่งของมีค่า แต่น่าเสียดายที่หลินเป่ยเฉินไม่สามารถเปิดได้
“ต่างหูคู่นี้เป็นวัตถุเก็บสมบัติวิเศษ ผู้ที่จะเปิดมันได้นั้นจำเป็นต้องมีพลังปราณอสูรสายพันธุ์เดียวกับผู้เป็นเจ้าของ”
ผู้อาวุโสหนงซัวที่ยืนอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นในความเงียบ
หลินเป่ยเฉินไม่รีบไม่ร้อน เก็บต่างหูวิเศษเข้าไปในอกเสื้อ ก่อนจะตรวจค้นซากศพของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรอีกครั้งและปลดทรัพย์สินมีค่าออกมาทั้งหมด
จังหวะที่เขากำลังจะหมุนตัวไปตรวจค้นซากศพสุนัขอสูรตัวอื่น ๆ ทันใดนั้น หลินเป่ยเฉินก็รู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่ไหลเวียนออกมาจากศพของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูร
นับเป็นคลื่นพลังที่มีความแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง
แน่นอนว่าหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรย่อมตายแล้ว
แต่พลังที่ไหลเวียนอยู่ในร่างไร้ชีวิตนั้นกลับทำให้หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงภัยคุกคาม
หลินเป่ยเฉินโคจรพลังลมปราณในร่างกาย ก่อนกระแทกฝ่ามือลงไปที่หน้าอกของศพหัวหน้าฝูงสุนัขอสูร หลังจากนั้น คลื่นพลังในร่างกายของมันก็ถูกดูดเข้าสู่ฝ่ามือของเขา ก่อนที่คลื่นพลังจะไหลเวียนผ่านนิ้วมือกระจายไปทั่วแขนขวา ส่งผลให้กล้ามเนื้อของเขาปูดโปนขึ้นมาเต้นระริก
“นี่มัน…”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ ความคิดบางอย่างผุดขึ้นมาในสมอง
ความสามารถในการดูดกลืนพลังวิญญาณ?
เช่นเดียวกับความสามารถของมู่ซินเยว่ใช่หรือไม่?
ตอนที่อยู่ในแผ่นดินตงเต้า นักพรตหญิงชินช่วยให้เขาได้รับประทานโอสถวิเศษที่ผ่านการหลอมรวมจากร่างกายของโอรสสวรรค์ มันเป็นโอสถที่มู่ซินเยว่กลั่นออกมาจากการหลอมรวมพลังวิญญาณแห่งแผ่นดิน วิญญาณแห่งสายเลือดปีศาจ และวิญญาณของตัวนางเอง
คิดไม่ถึงเลยว่าในขณะนี้ ความสามารถในการดูดกลืนพลังวิญญาณจะตกทอดมาถึงหลินเป่ยเฉิน ด้วยเหตุนี้ เขาจึงสามารถดูดซับพลังวิญญาณของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่พลังปราณอสูรกับพลังปราณมนุษย์ในร่างกายของเขาจะไม่ตีกันปั่นป่วนเอาหรือ?
หลินเป่ยเฉินพยายามสงบสติและสำรวจดูแขนขวาของตนเองด้วยความตั้งอกตั้งใจอีกครั้ง
แขนขวาของเขาแทบจะกลับมาเป็นปกติดีแล้ว หากไม่สังเกตก็ไม่รู้เลยว่ามันมีขนาดใหญ่มากกว่าเดิมเล็กน้อยเท่านั้น แต่เด็กหนุ่มก็รู้สึกได้ว่าแขนขวาของตนเองมีความแข็งแกร่งมากกว่าแขนซ้ายประมาณสิบเท่า
หากเหวี่ยงหมัดขวาออกไป…
คู่ต่อสู้ก็จะต้องตายในทันที
หลินเป่ยเฉินพยายามใช้วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ
เด็กหนุ่มได้ค้นพบว่าพลังปราณของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรนั้น สามารถหลอมรวมเข้ากับพลังปราณในตัวเขาได้อย่างราบรื่น ก่อนที่พลังทั้งหมดจะเปลี่ยนไปกลายเป็นพละกำลังในร่างกาย
การค้นพบครั้งนี้ทำให้หลินเป่ยเฉินตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
เขามีตัวช่วยเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างแล้ว
และเป็นตัวช่วยที่ไม่ต้องใช้โทรศัพท์มือถืออีกด้วย
นี่คือพลังที่แท้จริงของโอสถวิเศษใช่หรือไม่?
ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดมู่ซินเยว่จึงสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณได้อย่างมากมายมหาศาลถึงเพียงนั้น
นับว่าพลังชนิดนี้มีความน่ากลัวอย่างแท้จริง
หากนำมาใช้ให้ถูกวิธีก็จะสามารถเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ไม่มีวันจบสิ้น
หลินเป่ยเฉินฮัมเพลงออกมาอย่างอารมณ์ดี…
เขาตรวจค้นซากศพสุนัขอสูรตัวอื่น ๆ ได้เงินมาอีกสี่ร้อยตำลึง แล้วการตรวจค้นซากศพก็จบลงอย่างมีความสุข
เป็นความจริงที่ม้าสามารถรับประทานหญ้าได้อย่างไม่มีวันเบื่อหน่าย เช่นเดียวกับผู้คนที่ไม่มีวันเบื่อหน่ายในทรัพย์สินเงินทอง
วิธีการหาเงินของหลินเป่ยเฉินคืออะไร?
คือการฆ่าศัตรูและยึดสิ่งของมีค่ามาให้หมดไงล่ะ
หลังจากนั้นไม่กี่ลมหายใจ…
‘ติ๊ง! พัสดุของท่านมาถึงแล้ว ต้องการลงนามเพื่อรับของเลยหรือไม่?’ พลัน เสียงของเสี่ยวจี้ดังขึ้นในหูของหลินเป่ยเฉิน
ประเสริฐ
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับ
ในที่สุดสินค้าก็มาถึงแล้ว
เขากดเข้าไปในแอปเถาเป่าและลงนามรับสินค้า
หลุมดำซึ่งมีเพียงหลินเป่ยเฉินคนเดียวเท่านั้นที่เห็นปรากฏขึ้นเหนือศีรษะ หลังจากนั้น สิ่งของที่หลินเป่ยเฉินสั่งไปก่อนหน้านี้ก็ทยอยหล่นลงมา ไม่ว่าจะเป็นปืน AWM ปืน M24 ระเบิดมือ ระเบิดเพลิง ระเบิดแก๊สน้ำตา รวมไปถึงหน้ากากกันแก๊สพิษ
เมื่ออาวุธทั้งหมดมาอยู่ในมือเขา จิตใจของหลินเป่ยเฉินก็ยิ่งเกิดความรู้สึกห้าวหาญมากกว่าเดิม
ตอนแรก หลินเป่ยเฉินลองบรรจุกระสุนด้วยพลังปราณที่อยู่ในร่างกายของตนเอง ซึ่งขั้นตอนบรรจุกระสุนก็ผ่านไปด้วยความราบรื่น
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็ลองใช้การบรรจุกระสุนด้วยพลังปราณอสูรที่อยู่ในแขนขวา ปรากฏว่าการบรรจุกระสุนปืนสไนเปอร์ AWM กับปืน M24 ทั้งสองกระบอกนั้นเป็นไปด้วยความราบรื่นเช่นกัน
วิเศษ
หลินเป่ยเฉินยิ้มออกมาด้วยความดีใจ
ก่อนหน้านี้ ปืนทุกกระบอกจะถูกยิงด้วยพลังปราณในตัวหลินเป่ยเฉิน หากพลังของเขาหมด กระสุนก็หมดเช่นกัน และขั้นพลังของหลินเป่ยเฉินในขณะนี้ ก็ทำให้เขาสามารถยิงปืน AK47 ต่อเนื่องได้เพียงสิบนัดเท่านั้น
แต่บัดนี้ เมื่อร่างกายของเขามีความสามารถในการดูดกลืนพลังวิญญาณจากผู้อื่น หลินเป่ยเฉินก็สามารถดูดซับพลังปราณจากผู้อื่นเพื่อมาใช้บรรจุกระสุนได้แล้ว
เพียงพลังปราณของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรตัวเดียว ก็พอให้หลินเป่ยเฉินใช้บรรจุกระสุนไปได้อีกนาน
ยิ่งไปกว่านั้น อานุภาพในการทำลายล้างของลูกกระสุนยังเพิ่มความรุนแรงมากกว่าเดิมอีกสองเท่า
หัวใจของหลินเป่ยเฉินพองโตด้วยความยินดี
เขาดึงตัวเซียวปิงเข้ามากล่าวว่า “พวกเราไปช่วยท่านเจ้าสำนักและบดขยี้เจ้าปีศาจเหยียนซานตัวนั้นกันเถอะ”
ดูเหมือนเซียวปิงจะคาดเดาได้อยู่แล้วว่าหลินเป่ยเฉินต้องพูดเช่นนี้ เด็กหนุ่มจึงพยักหน้าตอบรับโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ว่าไงนะ?”
ผู้อาวุโสหนงซัวตกตะลึง รีบเดินเข้ามาขวางหน้าเด็กหนุ่มทั้งสองคน “พวกเจ้า… คิดจะกลับไปตายหรือไร?”
แม้ว่าหลินเป่ยเฉินจะสามารถสังหารหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุได้อย่างไม่น่าเชื่อ แต่ครั้งนี้ เขาจะต้องไปพบเจอกับปีศาจระดับสูงผู้ฆ่ากวาดล้างสำนักกระบี่เหินฟ้า ไม่มีสิ่งใดรับประกันเลยว่าวิชาปราณกระบี่คงกระพันของหลินเป่ยเฉินจะสามารถรับมือได้
เพราะปีศาจเหยียนซานมีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจระดับ 9
ย่อมมีความแข็งแกร่งมากกว่าหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
“อย่าไปเลย ท่านเจ้าสำนักหลิวยอมเสียสละชีวิตของตนเองแล้ว ท่านคงไม่อยากให้พวกเจ้ากลับไปตายเช่นนี้อีก” ผู้อาวุโสหนงซัวพยายามเกลี้ยกล่อมและนางถึงเพิ่งจะได้รู้ว่าตนเองกำลังเป็นห่วงหลินเป่ยเฉินหมดหัวใจ!