เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1573 ฝ่ามือม่วงมหากาฬ
ตอนที่ 1,573 ฝ่ามือม่วงมหากาฬ
เป็นไปได้อย่างไร?
ความรู้สึกของชิวเทียนจิงในขณะนี้ไม่ต่างจากเป็ดน้อยถูกจับถอนขนและโยนลงหม้อน้ำร้อนเดือดทั้งเป็น เมื่อเป็ดตัวนั้นถูกต้มจนสุกแล้ว มันก็พูดออกมาว่า “เชิญรับประทานได้ขอรับ”
โลกทั้งใบพลิกกลับตาลปัตร
นี่คือความรู้สึกที่น่ารำคาญเป็นอย่างยิ่ง
“ฆ่ามัน”
ชิวเทียนจิงยกมือส่งสัญญาณ “เอาหัวมันมาให้กับข้า”
“ฮ่า ๆๆ เหยียนซานตายไปแล้ว ยังมีผู้ใดเป็นคู่ต่อกรของข้าได้อีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินแสยะยิ้มอย่างผู้ชนะ ปืนในมือเปลี่ยนเป็น AK47
“ข้าจะทำให้เจ้าได้ลิ้มลองรสชาติของวิชาปราณกระบี่คงกระพัน”
เสียงลูกกระสุนจากปืน AK47 ดังผ่านกระบอกที่เก็บเสียงออกไปอีกครั้ง แล้วบรรดาปีศาจกับกลุ่มอสูรที่วิ่งเข้ามาก็ตกตายดั่งใบไม้ร่วง
“รีบฆ่าชายชราผู้นั้น เร็วเข้า…”
ชิวเทียนจิงยกมือชี้ไปที่หลิวอู่เหยียนซึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสแทบยืนไม่อยู่แล้ว
วูบ! วูบ!
ร่างของกลุ่มปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรกระโจนเข้าหาหลิวอู่เหยียนด้วยเจตนาสังหาร
โพละ!
ทว่า ปีศาจตัวที่นำหน้าสุดอยู่ดี ๆ ศีรษะก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
โพละ! โพละ! โพละ!
เสียงศีรษะระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง
กลุ่มปีศาจและเผ่าอสูรที่เข้าใกล้หลิวอู่เหยียนจะต้องถึงแก่ความตายตามกันไป
ตายเพราะศีรษะระเบิด
ต้องเข้าใจก่อนว่าปีศาจและอสูรกลุ่มนี้เป็นยอดฝีมือในเผ่าพันธุ์ของตนเอง พวกมันไม่เคยกลัวตาย แต่บัดนี้ หัวใจของพวกมันกลับรู้สึกเย็นเยือกอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
นี่ย่อมเป็นการลงมือของเซียวปิงที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด
แม้ว่าปืนสไนเปอร์ M24 จะไม่มีอานุภาพรุนแรงเท่าปืน AWM ที่มีลูกกระสุนทำลายล้างจากปราณอสูรระดับสูง แต่มันก็มีอานุภาพเพียงพอที่จะใช้สังหารปีศาจและอสูรขั้นที่ 6 ได้ไม่ยาก
จังหวะนี้แหละ
หลินเป่ยเฉินไม่ปล่อยให้โอกาสดีหลุดมือไป
เขาแกะสลักระเบิดมือ
ง้างมือไปข้างหลัง
พร้อมกับตะโกนออกมาว่า “กระบวนท่าปราณกระบี่คงกระพัน”
ตู้ม!
เมื่อถูกขว้างออกไป ระเบิดมือลูกนั้นก็ปลดปล่อยอิทธิฤทธิ์ของมันทันที
คลื่นแรงระเบิดแผ่กระจายยิ่งกว่าพายุหมุนกลางท้องทะเล
ปีศาจและอสูรจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง
เศษเสื้อผ้า เศษกระดูกและอวัยวะชิ้นส่วนต่าง ๆ ลอยอยู่ในอากาศ
ม่านโลหิตโปรยปรายลงมา
“อ๊าก...”
ได้ยินเสียงปีศาจร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวดใจ
การโจมตีครั้งนี้สามารถสังหารกลุ่มปีศาจและเผ่าอสูรได้ไม่ต่ำกว่าหกสิบตัว นับเป็นการโจมตีที่ทรงพลังเสียจนทำลายขวัญกำลังใจของพวกมันไปหมดสิ้น
ฟิ้ว! ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ปืน AK47 พ่นกระสุนอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มผู้นำของกองทัพปีศาจและสำนักอสูรพลันร่างระเบิดกระจายตกตายตามกันไปอย่างรวดเร็ว
ในไม่ช้า ขวัญกำลังใจของพวกมันก็สูญสลายหายสิ้น
ไม่ใช่ว่าพวกมันมีฝีมือต่ำต้อย
หรือว่าพวกมันขี้ขลาด
แต่เป็นเพราะคู่ต่อสู้แข็งแกร่งมากเกินไป พวกมันจึงไม่มีโอกาสเอาชนะได้เลยแม้แต่น้อย
เมื่อพบเห็นฉากการฆ่าที่น่าสะพรึงกลัว กลุ่มปีศาจและสำนักอสูรก็ไม่มีผู้ใดกล้าก้าวออกไปข้างหน้าอีกแล้ว เพราะนั่นคงไม่ต่างจากออกไปฆ่าตัวตายชัด ๆ
“พวกเราถอนกำลัง”
“รีบหนีกันเถอะ”
“เก็บศพท่านเหยียนซานมาซะ”
เสียงตะโกนดังขึ้นชุลมุนวุ่นวาย
กลุ่มปีศาจและสำนักอสูรเริ่มล่าถอยออกไป
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี ชิวเทียนจิงก็หมุนตัวหมายหลบหนีโดยไม่พูดคำใดเช่นกัน
เขารู้แล้วว่าแผนการที่นายน้อยวางไว้เป็นอย่างดีถูกสำนักกระบี่เหินฟ้าทำลายเสียจนย่อยยับ… ไม่เพียงแต่แผนการจะถูกทำลายเท่านั้น ฝ่ายนายน้อยยังเสียหายใหญ่หลวงอีกด้วย ชิวเทียนจิงทราบดีว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อกรของหลินเป่ยเฉิน โดยเฉพาะปราณกระบี่คงกระพันอันแข็งแกร่ง…
ส่วนจะกลับไปอธิบายกับนายน้อยว่าอย่างไรเอาไว้ค่อยคิดอีกที
บัดนี้ การเอาชีวิตรอดคือสิ่งสำคัญที่สุด
ทว่า มีหรือที่หลินเป่ยเฉินจะปล่อยให้คนทรยศหลบหนีลอยนวลไปได้ต่อหน้าต่อตา?
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้นอีกครั้ง
พลัน โลหิตพุ่งกระฉูดออกมาจากต้นขาของชิวเทียนจิง
แล้วขาข้างนั้นของชายวัยกลางคนก็ระเบิดหายไป
นี่คือความแข็งแกร่งของปืน AWM หลินเป่ยเฉินเลือกที่จะไม่ยิงหัวและเปลี่ยนมายิงขา เพราะอยากจะเก็บชีวิตของชิวเทียนจิงเอาไว้ เพื่อรอรับบทลงทัณฑ์แสนทรมานที่กำลังจะตามมาในไม่ช้า
“อ๊าก...”
ชิวเทียนจิงส่งเสียงร้องโหยหวน ล้มลงไปนอนดิ้นทุรนทุรายด้วยความเจ็บปวดอยู่บนพื้นดิน
กลุ่มอสูรที่ยังหลงเหลืออยู่ในบริเวณนั้นตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะพวกมันเห็นกับตาว่าบาดแผลบนขาของชิวเทียนจิงนั้นไม่สามารถสมานตัวได้
“ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าหลบหนี?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปเหยียบแผ่นหลังของชิวเทียนจิง “อยู่พูดคุยกันก่อนสิ”
ในเวลาเดียวกันนี้ เด็กหนุ่มก็ยกปืนขึ้นยิง
บรรดาปีศาจที่พยายามเข้าไปเก็บกู้ซากศพของเหยียนซานพลันต้องทอดร่างกลายเป็นซากศพเช่นเดียวกัน
บัดนี้ สมาชิกจากกลุ่มปีศาจและสำนักอสูรต้องบาดเจ็บล้มตายไปไม่ต่ำกว่าสองในสามส่วน ผู้ที่ยังเหลืออยู่อีกห้าสิบชีวิตขณะนี้ก็กำลังหลบหนีไปคนละทิศคนละทางด้วยความแตกตื่นหวาดกลัว
หลินเป่ยเฉินยกปืนในมือขึ้นเล็งและเหนี่ยวไกยิงอย่างไร้ความเมตตา เพื่อแก้แค้นให้กับลูกศิษย์สำนักกระบี่เหินฟ้าที่ถูกฆ่าตายไปก่อนหน้านี้
สุดท้าย ก็มีปีศาจและอสูรหลบหนีไปได้ไม่ถึงสิบตัว พวกมันมีสภาพย่ำแย่ยับเยินราวกับสุนัขข้างถนน
หลินเป่ยเฉินไม่ได้ไล่ตามไปอีก
ปัง! ปัง! ปัง!
เขานำปืนพกสั้นออกมายิงใส่แขนขาที่เหลืออยู่ของชิวเทียนจิงอีกสามนัด หลังจากนั้นจึงลากตัวกลับไปหาหลิวอู่เหยียน
ขณะนี้ หลิวอู่เหยียนได้รับบาดเจ็บสาหัสขั้นสูงสุด ร่างกายสามารถยืนอยู่ด้วยการใช้กระบี่เป็นหลักยึด ชายชรามองใบหน้าที่เปียกชุ่มไปด้วยโลหิตของชิวเทียนจิงก่อนจะถอนหายใจออกมา ความโกรธแค้นก่อนหน้านี้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นความสมเพชเวทนา
“พวกท่านค่อย ๆ คุยกันไปเถอะ”
หลินเป่ยเฉินโยนผลหัวใจมังกรให้แก่หลิวอู่เหยียนลูกหนึ่ง ก่อนจะหมุนตัวตรงไปยังภูเขาซากศพ
บัลลังก์ทองคำน่าจะมีมูลค่าไม่น้อย
ต้องรีบเก็บให้ไว
และหากเขาสามารถดูดซับพลังปราณจากศพของหัวหน้ากลุ่มปีศาจเหยียนซานได้สำเร็จ ขอบเขตพลังในการต่อสู้ของหลินเป่ยเฉินหลังจากนี้ก็คงพุ่งสูงทะลุแผ่นฟ้าแล้ว
ลูกกระสุนจากปราณของหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุสามารถฆ่าได้แม้กระทั่งจอมปีศาจระดับ 9 แล้วลูกกระสุนจากปราณของจอมปีศาจระดับ 9 จะมีพลังทำลายล้างสูงส่งเพียงใด?
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตื่นเต้น
แต่ด้วยความเคารพเผ่าพันธุ์มนุษย์ด้วยกัน หลินเป่ยเฉินจึงไม่ได้เหยียบเท้าปีนขึ้นไปบนภูเขาซากศพ
เขาเลือกใช้วิธีการสร้างพลังลมดูดเคลื่อนย้ายศพของเหยียนซานลงมาข้างล่างแทน
บนศพของหัวหน้ากลุ่มปีศาจเหยียนซานสวมใส่กำไลข้อมือซึ่งเป็นวัตถุเก็บของวิเศษ ขณะนี้ไม่สามารถเปิดดูได้ว่าข้างในบรรจุอะไรอยู่บ้าง หลินเป่ยเฉินจึงทำได้เพียงเก็บเอาไว้ก่อนเท่านั้น
“ปราณปีศาจในตัวศพยังไม่สลายไปจริง ๆ ด้วย”
หลินเป่ยเฉินประทับฝ่ามือลงไปบริเวณจุดตันเถียนบนร่างของปีศาจเหยียนซาน เขารู้สึกได้ถึงคลื่นพลังที่ปั่นป่วนอยู่ภายในซากศพไร้วิญญาณ แม้จะลังเลเล็กน้อย แต่ในที่สุด หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจดูดซับพลังเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกายของตนเอง เมื่อตรวจสอบไม่พบปัญหาใด ๆ หลินเป่ยเฉินจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
และด้วยเคล็ดวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ พลังปราณปีศาจของเหยียนซานก็ถูกเคลื่อนย้ายเข้าไปเก็บไว้ในแขนขวาเป็นการชั่วคราว
ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นก็คือมือข้างขวาของหลินเป่ยเฉินกลับกลายเป็นสีม่วง มันไม่ได้มีลักษณะเหมือนเป็นมือมนุษย์อีกแล้ว แต่ดูไปคล้ายกับเป็น ‘อาวุธ’ ชิ้นหนึ่งมากกว่า
“เฮือก…”
หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก
พลังปราณอสูรและพลังปราณปีศาจในแขนขวาของเขาเริ่มตีกันเล็กน้อย ต่างฝ่ายต่างก็อยากครอบครองแขนของหลินเป่ยเฉินแต่เพียงผู้เดียว… ไม่ทราบว่าจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่?
เด็กหนุ่มลองควบคุมมือขวา
นิ้วมือทั้งห้าของเขายังสามารถขยับได้อย่างคล่องแคล่ว เห็นได้ชัดว่าไม่มีปัญหาในการเคลื่อนไหวใด ๆ
หลินเป่ยเฉินลองกดฝ่ามือลงไปบนพื้นดิน
พื้นดินยุบตัวลงไปอย่างง่ายดาย
รอยฝ่ามือปรากฏขึ้นบนพื้นดินอย่างชัดเจน รายละเอียดทุกอย่างประทับเด่นหรา ไม่ว่าจะเป็นลายนิ้วมือหรือร่องรอยของรูขุมขนก็ตาม
หลินเป่ยเฉินลองทำเช่นนี้กับพื้นหินแกร่ง
และก็ได้ผลลัพธ์ไม่ต่างกัน
พลังเช่นนี้…
หลินเป่ยเฉินรีบล้มเลิกความคิดของตนเองทันที
หากเขาไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้ มีหวังได้กลายเป็นตัวประหลาดผู้บ้าคลั่งแน่ ๆ
แต่ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน?
ทำไมเขาถึงรู้สึกลิงโลดเช่นนี้?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าหากตนเองได้เผชิญหน้ากับหัวหน้าฝูงสุนัขอสูรวายุอีกครั้ง เขาก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้โดยไม่ต้องใช้ความช่วยเหลือจากโทรศัพท์มือถืออีกแล้ว
เฮ้อ น่าหมั่นไส้จริง ๆ แข็งแกร่งขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวอีกแล้วสินะเรา!
หลินเป่ยเฉินคิด