เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1575 การประลองระหว่างยอดฝีมือ
ตอนที่ 1,575 การประลองระหว่างยอดฝีมือ
ก้อนเมฆเคลื่อนผ่านท้องฟ้า
การต่อสู้ยุติลงแล้ว
กองทัพปีศาจที่บุกยึดเมืองของมนุษย์ต่างก็นำธงของตนเองขึ้นไปอยู่บนยอดเสา และเหล่าปีศาจที่เคยหลบซ่อนตัวก็ปรากฏกายออกมาทุกหนทุกแห่ง
จำนวนปีศาจที่ปรากฏตัวออกมามีมากมายยิ่งกว่าดอกเห็ด
ฝ่ายมนุษย์ต้องประหลาดใจเป็นอย่างยิ่งในจำนวนอันมากมายมหาศาลของเผ่าพันธุ์ปีศาจ
โดยเฉพาะในเมืองชิงอวี้
ไม่ว่าจะเป็นชายชราขาเป๋ที่ขายน้ำเต้าหู้อยู่บริเวณทางแยก หรือเด็กรับใช้ในโรงเตี๊ยมประจำเมือง ไปจนถึงผู้ดูแลความปลอดภัยของหอนางโลม แม้กระทั่งชายร่างอ้วนผู้เป็นเจ้าของร้านตัดเสื้อ คู่หูฝาแฝดในร้านขายบะหมี่… กระทั่งเด็กส่งจดหมายที่ทำงานเพื่อแลกอาหาร...
ปรากฏว่าผู้คนเหล่านี้ต่างก็เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจปลอมตัวมา
พวกมันหลบซ่อนตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์มาช้านาน
และด้วยความที่กลัวว่าหากความจริงถูกเปิดเผย ตนเองจะถูกไล่ฆ่า บรรดาปีศาจจึงต้องปลอมตัวเป็นมนุษย์อย่างไม่มีทางเลือกอื่น
แต่บัดนี้ พวกมันไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกแล้ว
พวกมันไม่ต้องปลอมตัว พวกมันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างภาคภูมิใจ
ในทางกลับกัน สถานะของเผ่าพันธุ์มนุษย์กลับต่ำต้อยลงเรื่อย ๆ
โดยเฉพาะผู้ที่ถูกจับตัวไปกักขังอยู่บนภูเขาอวิ๋นเจวี่ยน
ภูเขาขนาดใหญ่แห่งนี้มีประชากรมากกว่าหนึ่งล้านคน และหากการนับผู้คนที่อยู่ในเมืองโดยรอบภูเขาด้วย จำนวนประชากรก็ไม่ต่ำกว่าสิบล้านคนแล้ว
ปัจจุบัน มนุษย์เหล่านั้นต่างก็ถูกจับตัวเป็นเชลย พวกเขาถูกขับไล่ออกจากที่อยู่อาศัยและถูกนำตัวมาคุมขังไว้ ณ ลานจัตุรัสใหญ่ประจำเมือง โดยที่มีกลุ่มปีศาจและสำนักอสูรเฝ้าควบคุมอย่างเข้มงวด
มนุษย์ทุกคนตกอยู่ภายใต้ความหวาดกลัว
พวกเขาล้วนกลัวว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะมาฆ่าล้างแค้นเผ่าพันธุ์มนุษย์และตนเองก็จะต้องตกตายโดยไร้หนทางต่อสู้
ณ ใจกลางเขตภูเขาอวิ๋นเจวี่ยน ตึกใหญ่ของสำนักเฉาเทียนที่พังถล่มลงไปก็ได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่
คฤหาสน์ศิลาหลังหนึ่งถูกก่อสร้างขึ้นมาด้วยพลังเวทมนตร์ ก้อนหินที่นำมาใช้ก่อสร้างเป็นคฤหาสน์นั้น ต่างก็ถูกนำมาจากตัวภูเขาอวิ๋นเจวี่ยนทั้งสิ้น
คฤหาสน์ศิลาหลังนี้มีหน้าตาที่เรียบง่าย แต่กลับดูสวยงามอย่างน่าประหลาด
“กราบเรียนนายน้อย กลุ่มผู้อาวุโสและลูกศิษย์ระดับสูงของทั้งสิบเอ็ดสำนักใหญ่ต่างก็ถูกจับตัวและสะกดจุดพลังปราณเรียบร้อยแล้ว บัดนี้ พวกเขากำลังถูกคุมตัวอยู่ในถ้ำถล่มฟ้าและมีราชาอสูรวาฬคอยเฝ้าระวังอยู่ขอรับ”
ปีศาจหนุ่มตนหนึ่งสวมใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬนั่งคุกเข่าข้างเดียวรายงานด้วยน้ำเสียงแสดงความเคารพ
มันมีนามว่าฉิงอี้ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเป็นสีม่วงเข้ม เขาได้รับยกย่องให้เป็นหนึ่งในยอดอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจ และบัดนี้ มันก็ติดตามทำหน้าที่เป็นองครักษ์ส่วนตัวของอวี้เหวินซิวเซียน
ฉิงอี้เป็นปีศาจหนุ่มที่มีจิตใจห้าวหาญ
สำหรับผู้ที่มีพรสวรรค์เช่นนี้ สำหรับผู้ที่มีความสามารถเช่นนี้ มีผู้ใดบ้างไม่อยากได้ตัวฉิงอี้ไปร่วมงานด้วย?
แต่ฉิงอี้ก็ไม่เคยสนใจผู้ใด ตลอดเวลาที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรหลิวเยวียน มันไม่เคยเห็นผู้ใดอยู่ในสายตามาก่อน
แต่บัดนี้ ฉิงอี้กำลังคุกเข่าข้างเดียวอยู่เบื้องหน้าอวี้เหวินซิวเซียนและจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความเคารพเทิดทูน
ฉิงอี้ยังจำได้ดีถึงความรู้สึกตื่นเต้นของตนเองยามที่ได้รับรู้ว่ายอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเมืองชิงอวี้นั้น แท้จริงแล้วกลับมีตัวตนเป็นปีศาจเช่นเดียวกับมัน
“ได้ข่าวจากสำนักกระบี่เหินฟ้าบ้างหรือไม่?”
อวี้เหวินซิวเซียนหันหน้ากลับมาอย่างช้า ๆ “ลุกขึ้นเถอะ ไม่ต้องคุกเข่าแล้ว”
บุรุษหนุ่มมีร่างกายสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา ดวงตาเป็นประกายยามที่ยิ้มออกมา แต่สีหน้าบอกชัดถึงความเหนื่อยล้าเล็กน้อย อวี้เหวินซิวเซียนต้องยกมือนวดขมับตนเองไปด้วยระหว่างกล่าววาจา
เห็นได้ชัดว่าหลายวันที่ผ่านมา มีเรื่องให้อวี้เหวินซิวเซียนต้องจัดการมากมายไม่รู้จบ
แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อเหลาของเขาลดน้อยลง
ฉิงอี้ลุกขึ้นยืนรายงานด้วยรอยยิ้ม “นายน้อยไม่ต้องเป็นกังวลขอรับ เราจับตัวผู้อาวุโสระดับสูงและลูกศิษย์ของสำนักกระบี่เหินฟ้ามาได้เกือบหมดแล้ว บัดนี้ ท่านเหยียนซานพร้อมด้วยผู้ช่วยจากสำนักอสูรกำลังรับมืออยู่กับหลิวอู่เหยียนและเมื่อมีเผ่าพันธุ์สุนัขอสูรวายุคอยช่วยเหลืออยู่อีกแรง ต่อให้หลิวอู่เหยียนมีร่างกายอยู่ในขั้นที่สมบูรณ์พร้อมที่สุด ก็ไม่ใช่คู่มือของพวกเราอย่างแน่นอน ข้าน้อยเดาเอาว่าขณะนี้หลิวอู่เหยียนและพรรคพวกคงได้รับบาดเจ็บสาหัส กว่าจะเดินทางกลับไปถึงสำนักของตนก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อย…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
“รายงานนายน้อย…”
เสียงที่เร่งรีบดังขึ้น ปีศาจหนุ่มตนหนึ่งผู้สวมใส่ชุดเกราะของทหารยามพลันทิ้งตัวลงมาจากกลางอากาศและรายงานว่า “เกิดเหตุด่วนที่สำนักกระบี่เหินฟ้าขอรับ”
มันยื่นกระจกวิเศษออกมาส่งมอบด้วยสองมือ
อวี้เหวินซิวเซียนหัวใจกระตุกวูบ สังหรณ์ได้ถึงความอัปมงคลบางอย่าง เขารับกระจกวิเศษบานนั้นมาถือในมือและโคจรพลังปราณปีศาจลงไป ตัวอักษรจำนวนมากและภาพเคลื่อนไหวจำนวนหนึ่งปรากฏขึ้นมาในกระจก แววตาของอวี้เหวินซิวเซียนเคร่งเครียดขึ้นทันที บุรุษหนุ่มไม่พูดอะไรอยู่นานสองนานทีเดียว
“นายน้อย มีอะไรหรือขอรับ?”
ฉิงอี้สังเกตถึงความผิดปกติ
อวี้เหวินซิวเซียนยื่นส่งกระจกวิเศษบานนั้นไปให้
ฉิงอี้อ่านข้อมูล หัวคิ้วขมวดมุ่น “เป็นไปได้อย่างไร ผู้ใดคือหลินเป่ยเฉิน แม้กระทั่งท่านเหยียนซาน...”
กล่าวมาถึงตรงนี้ ฉิงอี้ก็พูดอะไรไม่ออกอีกแล้ว
ปีศาจทุกตัวในเมืองชิงอวี้ ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักท่านเหยียนซาน
เพราะว่าท่านเหยียนซานอุทิศตนคอยปกป้องเผ่าพันธุ์ปีศาจในเมืองชิงอวี้เป็นระยะเวลายาวนานหลายร้อยปี คอยช่วยเหลือเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ให้สามารถแฝงตัวอยู่ร่วมกับมนุษย์ได้โดยไม่ถูกสงสัย และนั่นก็นำมาสู่ความสำเร็จของเผ่าพันธุ์ปีศาจในวันนี้
สำหรับปีศาจจำนวนมาก ท่านเหยียนซานเปรียบเสมือนบิดาผู้สูงส่ง คอยกางปีกปกป้องลมฝนและสร้างปีศาจธรรมดาให้กลายเป็นยอดฝีมือจำนวนนับไม่ถ้วน
อย่างเช่นตัวของฉิงอี้เอง มันก็ถูกค้นพบและได้รับการสั่งสอนวิชาจากท่านเหยียนซานเช่นกัน
เพราะฉะนั้น นี่จึงเป็นเรื่องยากต่อการยอมรับว่าในโมงยามแห่งความรุ่งเรืองของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ท่านเหยียนซานกลับต้องเสียชีวิตอยู่ในสำนักกระบี่เหินฟ้าเสียแล้ว
“ข้าจะไปฆ่าหลินเป่ยเฉิน”
ฉิงอี้คำรามในลำคอ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น
อวี้เหวินซิวเซียนเพียงตบไหล่ฉิงอี้แผ่วเบาและกล่าวว่า “ดำเนินการตามแผนเดิมต่อไป เตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการประลอง ข้าเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องมาที่ภูเขาอวิ๋นเจวี่ยนในอีกไม่ช้า หากเจ้าอยากแก้แค้น รอถึงตอนนั้นก็ยังไม่สาย”
“รับทราบขอรับ นายน้อย”
ฉิงอี้พยายามสะกดความโกรธแค้นในจิตใจ รีบประสานมือคำนับผู้เป็นเจ้านายและถอยหลังกลับออกไปทันที
มันทราบดีว่าสำหรับข่าวร้ายเช่นนี้ นายน้อยต้องรู้สึกเศร้าเสียใจมากกว่าตัวมันเองหลายเท่า
เพราะในขณะที่ตัวมันเองเคารพท่านเหยียนซานเสมือนบิดาบุญธรรม แต่สำหรับนายน้อยอวี้เหวินซิวเซียนนั้น ท่านเหยียนซานคือผู้ที่มีความเกี่ยวข้องทางสายเลือดโดยตรง
เมื่อเห็นฉิงอี้ล่าถอยออกไปพร้อมกับทหารยามจนลับสายตา อวี้เหวินซิวเซียนจึงได้ถอนหายใจออกมายาวแรง
เขาคิดอยู่แล้วว่าเด็กหนุ่มที่ชื่อหลินเป่ยเฉินคงรับมือได้ไม่ง่าย สัญชาตญาณบอกอวี้เหวินซิวเซียนมาตั้งแต่ต้นว่าเด็กหนุ่มผู้นี้คือภัยคุกคามใหญ่หลวงของเผ่าพันธุ์ปีศาจและจะต้องรีบหาทางกำจัดให้ได้โดยเร็วที่สุด…
เพียงแต่อวี้เหวินซิวเซียนคิดไม่ถึงเลยว่าหลินเป่ยเฉินจะมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้
ช่างน่าประหลาดใจจริง ๆ
เมื่อดูภาพที่ปรากฏขึ้นบนกระจกวิเศษ อวี้เหวินซิวเซียนก็ต้องยอมรับเลยว่าเด็กหนุ่มผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะเป็นยอดฝีมือแห่งอาณาจักรหลิวเยวียน ไม่ใช่แต่เพียงภายในเมืองชิงอวี้เท่านั้น
“นับเป็นคู่ต่อสู้ที่ประเสริฐนัก”
อวี้เหวินซิวเซียนนวดขมับตนเองขณะก้าวเท้าออกมาจากคฤหาสน์ศิลา กวาดสายตามองรอบตัว และกล่าวออกมาอย่างแช่มช้าว่า “หากเลือกได้ ข้าก็หวังว่าพวกเราสามารถเป็นพันธมิตรกัน”
ทันใดนั้น หัวใจของเขากระตุกวูบ
“เสี่ยวอู๋ ข้ามีบางอย่างให้เจ้าทำ”
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวออกมาช้า ๆ
“นายน้อยได้โปรดมอบคำสั่ง”
ปีศาจหนุ่มร่างผอมเพรียวเดินออกมาจากเงามืดของคฤหาสน์ศิลา
มันสวมใส่ชุดเกราะสีดำทมิฬ มือข้างหนึ่งถือหมวกเหล็ก ก้มลงคุกเข่าข้างเดียวเบื้องหน้าอวี้เหวินซิวเซียน ดวงตาสีม่วงเป็นประกายระยิบระยับ เสี่ยวอู๋ก้มหน้าต่ำ แสดงออกถึงความเคารพสูงสุด
…
ไม่นานต่อมา
หลินเป่ยเฉินและพรรคพวกก็มาถึงเขตภูเขาอวิ๋นเจวี่ยนแล้ว
พวกเขาแอบเข้ามาอย่างเงียบงัน
แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเพียงเหยียบเท้าเข้าสู่บริเวณเนินเขาเท่านั้น ปีศาจหนุ่มในชุดเกราะสีดำทมิฬก็ปรากฏกายขึ้นขวางทาง
“กราบเรียนท่านผู้กล้าทุกท่าน ผู้ต่ำต้อยได้รับคำสั่งจากนายน้อยให้มารอต้อนรับทุกท่านอยู่ที่นี่นานแล้ว”
ปีศาจหนุ่มตัวนี้มีร่างกายผอมเพรียว ใบหน้าหล่อเหลา ผิวออกเป็นสีม่วงเล็กน้อย
และทรงผมของปีศาจตัวนี้ก็ค่อนข้างแปลกประหลาด ศีรษะซีกขวามีเส้นผมสีม่วงยาวสลวยปรกหัวไหล่ ส่วนศีรษะซีกซ้ายโกนผมเกรียนติดหนังศีรษะ มองเห็นสัญลักษณ์แปลกประหลาดที่อยู่บนศีรษะ หากมองให้ดีก็จะพบว่านั่นคือรอยสักที่เป็นรูปใบหน้าของอวี้เหวินซิวเซียนนั่นเอง
เห็นได้ชัดว่าปีศาจหนุ่มผู้นี้มีความคลั่งไคล้ต่ออวี้เหวินซิวเซียนเป็นอย่างสูง
ปีศาจหนุ่มตัวนี้ย่อมต้องเป็นเสี่ยวอู๋
องครักษ์ข้างกายอวี้เหวินซิวเซียนลำดับที่ห้า
“อวี้เหวินซิวเซียนส่งเจ้ามาอย่างนั้นหรือ?”
หลิวอู่เหยียนยกมือขึ้นถอดหมวกปีกกว้างลงจากศีรษะและสอบถามว่า “เขารู้ว่าพวกเรากำลังมาใช่หรือไม่?”
เสี่ยวอู๋กวาดสายตามองกลุ่มผู้มาเยือนโดยไม่ลังเล และเมื่อจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยจิตสังหารผสมความเกลียดชังไม่ปิดบัง หลังจากนั้น มันจึงถอนสายตากลับมาตอบว่า “นอกจากนายน้อยจะทราบว่าพวกท่านต้องมาที่นี่แล้ว นายน้อยยังทราบอีกด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นในสำนักกระบี่เหินฟ้า เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้… เมืองชิงอวี้ก็คงไม่สามารถรอดพ้นจากหายนะได้อีกแล้ว”
“เหลวไหล”
หลินเป่ยเฉินหัวเราะในลำคอเหยียดหยาม
เสี่ยวอู๋พยายามสะกดกลั้นความโกรธแค้นในหัวใจ ไม่ให้ตนเองเผลอชักกระบี่ออกมาสังหารฆาตกรผู้ฆ่าท่านเหยียนซาน ก่อนกล่าวว่า “นายน้อยเชิญพวกท่านเข้าไปเป็นแขกพิเศษในคฤหาสน์ขอรับ”
“เฮอะ อวี้เหวินซิวเซียนคิดว่าตนเองวิเศษมาจากที่ใด?” ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนหัวเราะเยาะ “ไหน ๆ เจ้าก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว อย่าได้คิดหนีก็แล้วกัน หากยังไม่อยากตาย ก็จงรีบพาพวกข้าไปยังสถานที่คุมขังมนุษย์ซะ มิฉะนั้น อย่าหาว่าพวกข้ากระทำรุนแรงมากเกินไป…”
ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนกล่าวด้วยความมั่นใจ
เพราะถึงอย่างไร เขาก็มีหลินเป่ยเฉินอยู่ข้างกาย
ดวงตาของเสี่ยวอู๋พลันเป็นประกายด้วยความขบขัน สอบถามกลับมาว่า “ท่านคิดว่าข้ากลัวตายหรือ?”
ผู้อาวุโสอวี้อู๋เฉียนหยุดชะงัก
ฮึ่ย น่ารำคาญจริง ๆ
แต่ชายวัยกลางคนสามารถบอกได้เลยว่าปีศาจหนุ่มตัวนี้ไม่กลัวตายจริง ๆ
เผ่าพันธุ์ปีศาจจำนวนมากเป็นบุคคลเสียสติ
มีความคิดแตกต่างจากคนทั่วไป
“อะไรกัน? ท่านเจ้าสำนักกระบี่เหินฟ้า ผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของเมืองชิงอวี้ ไม่กล้ารับคำเชิญของนายน้อยข้าเสียแล้วหรือ?”
เสี่ยวอู๋กล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามเย้ยหยัน “นายน้อยอุตส่าห์ตั้งใจเชิญทุกท่านเข้าไปเป็นแขกพิเศษในคฤหาสน์แท้ๆ หากนายน้อยตั้งใจจะทำอันตรายพวกท่านจริง ป่านนี้พวกท่านคงไม่มีทางได้ยืนอยู่เช่นนี้อีกแล้ว ฮ่า ๆๆ…”
หลิวอู่เหยียนขมวดคิ้ว นิ่งเงียบ
“ท่านอาจารย์อย่าได้ถูกหลอกลวง”
เซียวปิงเดินเข้ามายืนขวางหน้า กล่าวว่า “นี่ย่อมเป็นกับดักอย่างแน่นอน”
หลินเป่ยเฉินกล่าวแทรกขึ้นว่า “แต่ข้าว่าท่านเจ้าสำนักหลิวควรไปตามคำเชิญนะขอรับ”
เซียวปิงหันกลับมาถามด้วยความสงสัย “พี่ใหญ่หมายความว่าอย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละ”
เซียวปิงขมวดคิ้วด้วยความมึนงงสงสัย
หลิวอู่เหยียนนิ่งเงียบใช้ความคิดอยู่สักครู่ สุดท้ายก็พยักหน้า ตอบรับว่า “ประเสริฐ พวกเราคงต้องรับคำเชิญแล้ว”
ไม่เพียงแต่อวี้เหวินซิวเซียนจะรู้ว่าพวกเขามาที่นี่ แต่อีกฝ่ายกลับรู้ถึงสถานที่และเส้นทางที่แน่นอน นี่แปลว่าอวี้เหวินซิวเซียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง หากจะนำกองทัพปีศาจมาปิดล้อมก็ทำได้ แต่นี่เพียงส่งองครักษ์มาตัวเดียวเท่านั้น…
หลิวอู่เหยียนเคยพบเจอเรื่องราวต่าง ๆ มามากมาย
เมื่อวิเคราะห์สถานการณ์ในปัจจุบัน เขาก็ตัดสินใจลองเดิมพันครั้งสำคัญ
มาดูกันเถอะว่าอวี้เหวินซิวเซียนจะพูดว่าอย่างไรบ้าง
หลังจากนั้น ค่อยคิดหาหนทางแก้ไขกันทีหลังก็ยังไม่สาย
บางทีนี่อาจเป็นเรื่องดีสำหรับฝ่ายมนุษย์ก็เป็นได้
“ถ้าอย่างนั้นเชิญตามข้าน้อยมา”
เสี่ยวอู๋หมุนตัวเดินนำทาง
หลังจากนั้น
ทุกคนก็มาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้าคฤหาสน์ศิลาหลังใหญ่
ที่ทำการใหญ่ของสำนักเฉาเทียนเดิมถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดี สภาพแวดล้อมรอบบริเวณยังคงเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง เห็นแล้วชวนให้หดหู่ใจเป็นอย่างยิ่ง
“นายน้อยรอพวกท่านอยู่ด้านใน”
เสี่ยวอู๋กล่าวเสียงแผ่วเบา “เชิญเข้าไปได้ขอรับ”
หลิวอู่เหยียนสะกดกลั้นความโกรธแค้นและเดินเข้าสู่ภายในคฤหาสน์พร้อมกับหลินเป่ยเฉินและคนอื่น ๆ
พื้นที่ด้านในคฤหาสน์ตกแต่งอย่างเรียบง่าย เสียงฝีเท้าของผู้มาเยือนดังกึกก้องในโถงทางเดินอันว่างเปล่า พื้นผิวราบเรียบ ผนังศิลาสีดำดูดซับแสงสว่าง ทำให้บรรยากาศมืดมัวชวนหมดหวัง
ลึกเข้าไปด้านในห้องโถงใหญ่ แผนที่ของอาณาจักรหลิวเยวียนลอยตัวอยู่ในอากาศ
ด้านล่างแผนที่ อวี้เหวินซิวเซียนยืนอยู่เพียงลำพัง
เขาสวมใส่ชุดเกราะสีม่วงอ่อนประดับสัญลักษณ์ประจำเผ่าพันธุ์ปีศาจ เส้นผมกลายเป็นสีม่วงเข้ม ร่างกายสูงใหญ่คล้ายกับปลดปล่อยรัศมีสีม่วงออกมาจาง ๆ อวี้เหวินซิวเซียนยืนเอามือไขว้หลัง หนักแน่นมั่นคงราวกับภูผาพันปี ทำให้ผู้คนรู้สึกเกรงขามขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“ท่านเจ้าสำนักหลิว น้องหลิน พวกเราได้พบกันอีกแล้ว”
รอยยิ้มพิมพ์ใจประดับบนใบหน้าของอวี้เหวินซิวเซียน ไม่ต่างจากมิตรสหายได้กลับมาพบเจอกันอีกครั้ง หลังพลัดพรากจากกันไปนานแสนนาน
หลิวอู่เหยียนไม่ทราบเลยว่าตนเองควรทำสีหน้าเช่นใด
แม้เขาจะรู้ว่าบุรุษหนุ่มที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคนนี้จะเป็นผู้ทรยศต่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ แต่ชายชราก็ยังต้องยอมรับในความสามารถของอีกฝ่ายอยู่ดี
ทำไมยอดฝีมือเช่นนี้ต้องกลายเป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจด้วยนะ?
“อวี้เหวินซิวเซียน อาจารย์ของเจ้าอยู่ที่ใด?”
หลิวอู่เหยียนถามขึ้นเป็นคำแรก
“อาจารย์ของข้า… กำลังพักผ่อนอยู่ในถ้ำถล่มฟ้าและยังมีชีวิตอยู่ดีขอรับ”
อวี้เหวินซิวเซียนตอบ
หวังซือเฉาผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ยังมีชีวิตอยู่อีกหรือ?
นี่นับว่าเป็นข่าวดีสำหรับพวกเขาแล้ว
ตราบใดที่ยังมีชีวิตอยู่ เผ่าพันธุ์มนุษย์ก็ยังมีโอกาสแก้แค้นเสมอ
“แล้วบรรดายอดฝีมือคนอื่น ๆ ที่ถูกเจ้าจับตัวมาล่ะ…” ชายชราถามอีกครั้ง
อวี้เหวินซิวเซียนตอบโดยไม่ปิดบังว่า “ล้วนถูกคุมตัวอยู่ในถ้ำถล่มฟ้าเป็นการชั่วคราว พวกเขาต่างก็กำลังเตรียมตัวเพื่อเข้าร่วมการประลองระหว่างยอดฝีมือ”
“การประลองอันใด?”
หลิวอู่เหยียนเบิกตาโตด้วยความสงสัย
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มเล็กน้อย ก่อนอธิบายว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์ชอบอ้างตัวว่าตนเองเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า แต่หากพวกเราเผ่าพันธุ์ปีศาจฆ่าล้างบางพวกท่านจนหมดสิ้น มันก็คงเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีมากเกินไป เพราะฉะนั้น ข้าจึงได้จัดการประลองระหว่างยอดฝีมือขึ้นมาขอรับ”
ดวงตาของหลิวอู่เหยียนเป็นประกายวาวโรจน์
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวต่อไปด้วยสีหน้าที่มั่นอกมั่นใจว่า “อีกสามวันหลังจากนี้ ข้าจะมอบโอกาสให้พวกท่านได้ออกมาต่อสู้อย่างยุติธรรม สำนักยุทธ์ทั้งสิบเอ็ดแห่งจะต้องส่งตัวแทนออกมาต่อสู้กับเผ่าพันธุ์ปีศาจของข้า และหากพวกท่านสามารถเอาชนะการประลองครั้งนี้ได้สำเร็จ ข้าก็จะปลดปล่อยผู้ที่ถูกจับกุมตัวมาทั้งหมด นอกจากนี้ ข้าก็ขอรับปากว่าจะนำกองทัพปีศาจออกไปจากเมืองชิงอวี้อีกด้วย… ท่านเจ้าสำนักหลิว ไม่ทราบว่าท่านกล้ารับคำท้าหรือไม่?”