เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1576 โปรดระมัดระวังคำพูด
ตอนที่ 1,576 โปรดระมัดระวังคำพูด
การประลองระหว่างยอดฝีมือของทั้งสองฝ่าย?
หลิวอู่เหยียนคิดไม่ถึงเลยว่าอวี้เหวินซิวเซียนจะยื่นข้อเสนอที่ยุติธรรมออกมาเช่นนี้
แต่แล้วชายชราก็ได้เข้าใจเจตนาของปีศาจหนุ่ม
นี่คือการฆ่าคนและผลาญกำลังใจ
เมื่อฝ่ายมนุษย์พ่ายแพ้ในการประลอง นี่ก็นับเป็นการพ่ายแพ้ของมวลมนุษยชาติอย่างเป็นทางการ
“เจ้าจะถ่ายทอดสดการประลองครั้งนี้ด้วยใช่หรือไม่?”
หลิวอู่เหยียนถามออกมาอย่างใช้ความคิด
อวี้เหวินซิวเซียนพยักหน้า
คันฉ่องปีศาจ กระจกปฐมธาตุ และกระจกผิวจันทรา ล้วนเป็นวัตถุเล่นแร่แปรธาตุสามชนิดที่สามารถใช้ถ่ายทอดสดได้ทั่วทุกดินแดน และการประลองระหว่างยอดฝีมือในครั้งนี้ ก็จะต้องได้รับการถ่ายทอดสดไปอย่างกว้างขวางแน่นอน
ไม่ว่ามองจากแง่มุมใด นี่ก็เป็นคำท้าที่ยุติธรรมต่อทั้งสองฝ่าย
หลิวอู่เหยียนคิดไม่ออกเลยว่าจะมีวิธีการแก้ปัญหาใดเหมาะสมมากไปกว่านี้อีกแล้ว
เผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองชิงอวี้มีแต่ต้องลุกขึ้นสู้เท่านั้น
“ท่านเจ้าสำนักหลิว ได้โปรดคิดดูให้ดีก่อน”
หลินเป่ยเฉินดึงหลิวอู่เหยียนมาหลบอยู่ด้านข้าง ก่อนจ้องมองไปที่อวี้เหวินซิวเซียนและกล่าวว่า “ซิวเอ๋อร์ ข้ามีสหายบางส่วน…”
เด็กหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ อวี้เหวินซิวเซียนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อยและกล่าวว่า “เจ้ากำลังพูดถึงแม่นางชิน คุณชายเจี้ยนอวี่ ท่านประมุขหวังจง แม่นางหลงหน่า อากวงและเสี่ยวหูใช่หรือไม่? วางใจเถอะ ทุกคนยังปลอดภัยดี แค่ถูกปิดกั้นพลังยุทธ์เท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงักไปเล็กน้อย
ไอ้หมอนี่สืบข้อมูลมาดีขนาดนี้เชียวหรือ?
ท่าทางคงทำการบ้านมาไม่ใช่น้อย
“น้องหลินอยากให้ข้าปล่อยทุกคนไปใช่หรือไม่?”
อวี้เหวินซิวเซียนถามพร้อมกับยิ้มกว้าง
“ใช่แล้ว”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า “ซิวเอ๋อร์ นี่เป็นโอกาสดีที่สุดของเจ้า รีบปล่อยสหายของข้าซะ บางทีข้าอาจจะเมตตาเจ้าบ้าง”
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงยิ้มแย้มอย่างสบายใจ
“ข้ารู้ว่าเจ้ามั่นใจในความแข็งแกร่งของตนเอง แต่บอกตามตรง ข้ารู้เกี่ยวกับการแสดงพลังของเจ้าบนยอดเขาเจียนล่ายทั้งหมดแล้ว ข้ารู้จักกระบวนท่าที่เจ้าใช้ออกมา มันคือวิชาปราณกระบี่สลายวิญญาณ วิชาปราณกระบี่วชิระมนตรา วิชาปราณกระบี่สุริยันสาดแสง ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นเคล็ดวิชาที่ผู้คนในเมืองชิงอวี้ไม่สามารถฝึกฝนได้ ดังนั้น ข้าจึงอยากรู้นักว่าเจ้าเป็นใครมาจากไหนกันแน่…”
ปีศาจหนุ่มจ้องมองมาที่หลินเป่ยเฉิน ดวงตาสีม่วงเป็นประกายด้วยความสงสัยไม่ปิดบัง
หลินเป่ยเฉินตอบกลับไปว่า “ยิ่งเจ้ารู้มากเท่าไหร่ เจ้าก็ยิ่งตายไวมากเท่านั้น”
อวี้เหวินซิวเซียนหัวเราะในลำคอ “มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าควรรู้เอาไว้”
“เรื่องอันใด?”
หลินเป่ยเฉินสอบถาม
รอยยิ้มหายวับไปจากใบหน้าอวี้เหวินซิวเซียนทันที ปีศาจหนุ่มเน้นย้ำทีละคำว่า “ปีศาจเหยียนซานที่ตายด้วยน้ำมือของเจ้า เป็นท่านลุงของข้าเอง”
หลินเป่ยเฉินได้แต่สบถคำหยาบอยู่ในใจ
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยสหายของเจ้าไปง่าย ๆ อย่างนั้นหรือ?”
ดวงตาสีม่วงของอวี้เหวินซิวเซียนเป็นประกายเย็นชาอำมหิต จ้องมองใบหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและกล่าวว่า “แล้วไงล่ะ?”
อวี้เหวินซิวเซียนกลับมาฉีกยิ้มอีกครั้งและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “การตอบรับของเจ้า… ช่างไร้ยางอายอย่างที่ข้าคิดจริง ๆ ด้วย เอาเถอะ ข้าสัญญาว่าจะปล่อยตัวสหายของเจ้าไป”
หลินเป่ยเฉินเลิกคิ้วขึ้นสูงด้วยความตกตะลึง
ยังคง… มีบางอย่างไม่น่าวางใจ
อวี้เหวินซิวเซียนกล่าวต่อไปว่า
“ไม่เพียงแต่ข้าจะปล่อยตัวพวกเขาเท่านั้น แต่ข้าจะปลดผนึกพลังยุทธ์ของพวกเขาอีกด้วย ข้าจะให้เวลาเจ้าได้ไปใช้ชีวิตอยู่กับพวกเขาสามวันภายในถ้ำถล่มฟ้า เจ้าจงคัดเลือกมาเถอะว่าผู้ใดจะเป็นตัวแทนเข้าร่วมการประลองบ้าง… รับรองว่านี่จะเป็นการประลองอย่างยุติธรรมที่สุด”
หลินเป่ยเฉินและพรรคพวกหันมองหน้ากัน
พวกเขาต้องยอมรับเลยว่าอวี้เหวินซิวเซียนเป็นบุคคลที่มีจิตใจห้าวหาญเด็ดเดี่ยว ควรค่าต่อการยอมรับนับถือ แม้จะเป็นสายลับจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ก็สมแล้วที่เคยถูกยกย่องให้เป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของฝ่ายมนุษย์
“เจ้าไม่กลัวหรือว่าพวกเราจะแอบหลบหนีไป?”
หลิวอู่เหยียนถามด้วยความสงสัย
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มเล็กน้อย ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “การประลองครั้งนี้คือโอกาสสุดท้ายของเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากพวกท่านที่อ้างตนว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนมหาแผ่นดินกลับขี้ขลาดเกินกว่าที่จะเข้าร่วมการประลอง ก็นับว่าน่าเวทนาเกินไปแล้ว…”
กล่าวมาถึงตรงนี้ น้ำเสียงของปีศาจหนุ่มก็เย็นชามากขึ้นหลายเท่า “บัดนี้ เมืองชิงอวี้อยู่ภายใต้การควบคุมของข้า หมู่บ้านทุกแห่งที่อยู่ในรัศมีรอบภูเขาอวิ๋นเจวี่ยนล้วนอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า ชีวิตของมนุษย์กว่าสิบแปดล้านคนอยู่ภายใต้การควบคุมของข้า และหากมีผู้คนในถ้ำถล่มฟ้าลอบหลบหนีออกไปแม้แต่เพียงผู้เดียว ข้าก็จะฆ่าชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เหล่านั้นให้หมด… หากท่านไม่เชื่อจะลองดูก็ได้ คิดว่าเผ่าพันธุ์ปีศาจจะไม่กล้ากระทำเรื่องราวเช่นนั้นหรือ?”
ขาดคำ สีหน้าของอวี้เหวินซิวเซียนก็แปรเปลี่ยนไป
ก่อนหน้านี้ ปีศาจหนุ่มพูดจาด้วยน้ำเสียงชวนฟัง กิริยาท่าทางสงบสุขุม แต่บัดนี้ เขากลับแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากร่างกาย ไม่ต่างไปจากปีศาจกระหายเลือดตนหนึ่ง
หลิวอู่เหยียนไม่สงสัยเลยว่าอวี้เหวินซิวเซียนย่อมสามารถกระทำเรื่องราวเช่นนั้นได้จริง ๆ
เพราะในอดีตที่ผ่านมา เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้เคยกระทำเรื่องราวโหดร้ายอำมหิตกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเอาไว้ไม่น้อย
“ตกลง ข้าขอรับคำท้า”
หลิวอู่เหยียนตัดสินใจขั้นสุดท้าย
อวี้เหวินซิวเซียนผงกศีรษะอย่างแช่มช้า “หากเป็นเช่นนั้น ก็คงต้องขอเชิญตัวท่านเจ้าสำนักหลิวเข้าไปอยู่ในถ้ำถล่มฟ้า”
“ช้าก่อน ข้ามีเรื่องอยากจะถาม”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงแทรกขึ้นมา “หากฝ่ายมนุษย์พ่ายแพ้ล่ะ?”
หลิวอู่เหยียนและคนอื่น ๆ หันมองมาที่เด็กหนุ่ม
หลินเป่ยเฉินกล่าวว่า “พวกท่านจะมองข้าทำไม? มีความเป็นไปได้นะที่พวกเราจะพ่ายแพ้ หากเราชนะ พวกปีศาจก็จะปล่อยตัวทุกคนและยอมถอนกำลังออกไปจากเมืองชิงอวี้ แต่หากพวกเราแพ้ล่ะจะเกิดอะไรขึ้น?”
อวี้เหวินซิวเซียนยิ้มเล็กน้อยก่อนให้คำตอบว่า “หากพวกเจ้าพ่ายแพ้ ก็แค่ต้องยอมศิโรราบต่อข้าเท่านั้น แล้วข้าจะเปลี่ยนมนุษย์ทุกคน ให้กลายเป็นสมาชิกของเผ่าปีศาจ”
“ไม่มีปัญหา”
หลิวอู่เหยียนยอมรับข้อตกลงแต่โดยดี
เขาทราบดีว่าชะตากรรมของเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองชิงอวี้ไม่สามารถล่าถอยได้อีกต่อไปแล้ว
…
หลังจากนั้น
ภายใต้การนำทางของปีศาจเสี่ยวอู๋ พวกของหลิวอู่เหยียนกับหลินเป่ยเฉินก็ถูกพาตัวมายังสถานที่ซึ่งเรียกว่าถ้ำถล่มฟ้า
ถ้ำถล่มฟ้าคือถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ยักษ์
ข่าวลือเล่าขานว่าเมื่อสามร้อยปีที่แล้ว ได้มีอุกกาบาตขนาดใหญ่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทำให้พื้นที่ในบริเวณนี้ได้รับความเสียหายย่อยยับ อุกาบาตลูกนั้นทำให้พื้นดินถล่มตัวกลายเป็นโพรงถ้ำขนาดใหญ่
ภายหลัง สำนักเฉาเทียนได้ดัดแปลงสถานที่นี้นำมาทำเป็นคุกใต้ดิน เพื่อใช้จองจำเผ่าพันธุ์ปีศาจและมนุษย์ที่ถูกตีตราว่าเป็นนักโทษคดีร้ายแรง
สภาพภายในถ้ำใต้ดินมีแสงสว่างเพียงริบหรี่
เมื่อรับฟังดูให้ดี ก็จะได้ยินเสียงกระแสลมไหลผ่านอยู่ในอากาศและนั่นก็คือเสียงลมหายใจที่น่าขนลุกของอะไรบางอย่าง
“เป็นลมหายใจของราชาอสูรวาฬ”
หลิวอู่เหยียนกระซิบข้างหูหลินเป่ยเฉิน
ในเมืองชิงอวี้ ผู้ที่บรรลุขั้นพลังจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายมนุษย์คือหวังซือเฉา
ส่วนฝ่ายอสูรที่บรรลุขั้นจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ก็คือราชาอสูรวาฬผู้นี้เอง…
บัดนี้ หวังซือเฉาถูกควบคุมตัวในสภาพได้รับบาดเจ็บสาหัส ราชาอสูรวาฬจึงกลายเป็นผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทาน
เมื่อมียอดฝีมือระดับนี้อยู่ใต้การบังคับบัญชา จึงไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าเพราะเหตุใดอวี้เหวินซิวเซียนจึงได้มีความมั่นใจนัก
“ตามข้ามา”
ปีศาจเสี่ยวอู๋เดินนำทางเข้าไปในถ้ำใต้ดิน
ในไม่ช้า พวกเขาก็เดินเข้ามาถึงอุโมงค์ใต้ดินขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่กักตัวของผู้คนจากสิบเอ็ดสำนักประจำเมืองชิงอวี้
ผู้คนจำนวนนับร้อยมีสภาพที่ชวนสลดหดหู่ใจ
บางคนได้รับบาดเจ็บ บางคนร่างกายพิกลพิการ
“นายน้อย นายน้อยถูกจับตัวมาได้อย่างไร?”
หวังจงรีบวิ่งแหวกฝูงคนเข้ามาเกาะต้นขาหลินเป่ยเฉินก่อนร่ำร้องครวญครางอย่างน่าเวทนา “ฮื่อออ นายน้อยของหวังจง บ่าวอุตส่าห์รอคอยให้นายน้อยเข้ามาช่วยเหลือ…”
เพียะ!
หลินเป่ยเฉินตบศีรษะท่านประมุขแห่งคฤหาสน์เซินซุยคนใหม่เสียงดังสนั่นหู ก่อนจะกวาดสายตามองรอบตัว และในไม่ช้าก็พบเข้ากับร่างของนักพรตหญิงชิน
นางสวมใส่ชุดเกราะขนาดพอดีตัวสีดำขลับ เส้นผมสีเงินยวงเปล่งประกายในความืดมิด ยิ่งทำให้หญิงสาวดูมีความน่าเกรงขามมากขึ้น และบรรยากาศรอบตัวก็มีความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาอย่างน่าประหลาด…
“ที่รักจ๋า”
หลินเป่ยเฉินร้องเรียกออกไปด้วยความตื่นเต้น
แต่ว่า…
“หยุดนะ”
“อย่าเข้ามาใกล้”
“ถอยกลับไปซะ”
กลุ่มชายฉกรรจ์สิบกว่าคนก้าวออกมาข้างหน้าและยืนเรียงตัวเป็นกำแพงมนุษย์ขวางกั้นหลินเป่ยเฉินไม่ให้เข้าไปหานักพรตหญิงชิน
“เจ้าหนู โปรดระมัดระวังคำพูดของเจ้า กล้าดีอย่างไรถึงคิดลวนลามแม่นางชิน?”
บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาแต่งกายภูมิฐานผู้หนึ่ง แม้ขณะนี้จะถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจจับตัวมาเป็นเชลย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าสถานะของเขาคงสูงส่งไม่ใช่น้อย เพราะรอบกายมีลิ่วล้อติดตามไม่ต่ำกว่าสิบคน