เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1584 ความเงียบงันของเผ่าพันธุ์มนุษย์
ตอนที่ 1,584 ความเงียบงันของเผ่าพันธุ์มนุษย์
อวี้เหวินซิวเซียนเฝ้ามองผงขาวปลิวหายไปในท้องฟ้า สีหน้าเหม่อลอยไร้ความคิด
สุดท้าย เขาก็ค่อย ๆ หมุนตัวเดินจากไป
การประลองคู่แรกจบลงแล้ว
ความพ่ายแพ้ของหวังซือเฉานอกจากจะทำให้ขวัญกำลังใจของฝ่ายมนุษย์สั่นคลอน นี่ยังเป็นการยืนยันความเชื่อที่ว่ามนุษยชาติกำลังเข้าสู่ยุคมืดโดยสมบูรณ์อีกด้วย
สถานที่มากมายซึ่งติดตั้งหน้าจอถ่ายทอดสดอยู่ในขณะนี้ เมื่อร่างของชายชราผู้มีความแข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งของเมืองชิงอวี้สลายกลายเป็นฝุ่นผงไป เสียงร้องไห้โฮก็ดังระงมทั่วทั้งตัวเมืองแล้ว
ความเศร้าปกคลุมในบรรยากาศ
ความหมดหวังครอบคลุมความรู้สึก
แต่ไหนแต่ไรมา ความเกลียดชังระหว่างมนุษย์กับปีศาจคือสิ่งที่ไม่มีทางยุติลงได้
บัดนี้ เมื่อเผ่าพันธุ์ปีศาจครอบครองความยิ่งใหญ่ในเมืองชิงอวี้ ก็ได้เวลาที่พวกมันจะทวงแค้นกับสิ่งที่เผ่าพันธุ์มนุษย์เคยกระทำต่อบรรพบุรุษของพวกมันเอาไว้อย่างสาสม
ฆาตกรรม ข่มขืน ทรมาน ฆ่ายกครัว
ทุกหนทุกแห่งเต็มไปด้วยการฆ่าฟัน
หวังซือเฉาเคยเป็นความหวังของผู้คนภายในเมืองชิงอวี้ แต่บัดนี้ เมื่อชายชราตายแล้ว ในขณะที่ชาวบ้านธรรมดาร่ำไห้ กลุ่มผู้ฝึกยุทธ์ก็สูญเสียกำลังใจที่จะสู้ต่อไป
บนยอดเขาเซินปี๋เงียบสงัด
หลิวอู่เหยียนและคนอื่น ๆ ยืนแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ สูญเสียความสามารถในการพูดคุยไปชั่วขณะ
แม้แต่บรรดาผู้คนที่ก่อนหน้านี้มีกิริยาผ่อนคลายก็ยังอดหันมองหน้ากันด้วยความเคร่งเครียดไม่ได้ ความรู้สึกอันตรายเกาะกินหัวใจชัดเจน
ในทางกลับกัน ฝ่ายเผ่าพันธุ์ปีศาจส่งเสียงร้องตะโกนด้วยความสะใจ
เสียงหัวเราะสะใจของพวกมันดังกังวานไปทั่วเขาอวิ๋นเจวี่ยน
ปีศาจหลายตัวถึงกับน้ำตาไหลออกมาอย่างมีความสุข
“นายท่านอวี้เหวินซิวเซียนจงเจริญ!”
“นายท่านอวี้เหวินซิวเซียนจงเจริญ!”
บรรดาปีศาจต่างก็ร้องตะโกนเรียกชื่ออวี้เหวินซิวเซียนด้วยความบ้าคลั่ง
การต่อสู้ครั้งนี้คือจุดกำเนิดของผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานแห่งเผ่าพันธุ์ปีศาจคนใหม่
เมื่อมีอวี้เหวินซิวเซียนเป็นแม่ทัพใหญ่ พวกมันก็ไม่ต้องหวาดกลัวผู้ใดอีกแล้ว
พวกมันจะได้รับการคุ้มครอง พวกมันจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ใต้แสงตะวันได้อย่างภาคภูมิใจ พวกมันไม่จำเป็นต้องหลบซ่อนอยู่แยกจากครอบครัว พวกมันไม่ต้องเผชิญโศกนาฏกรรมของการที่บ้านช่องพังพินาศ ครอบครัวแตกสลายอีกต่อไป
แม้แต่ราชาอสูรวาฬก็ยังสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงที่กำลังเกิดขึ้น
ตัวมันเองและหวังซือเฉาคือผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานจากเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์มนุษย์ในเมืองชิงอวี้ หลายปีที่ผ่านมาก็เคยทดสอบฝีมือกันไม่ใช่น้อย
แต่บัดนี้ หวังซือเฉากลับกลายเป็นเพียงฝุ่นผงไปแล้ว!
เมื่อนึกถึงหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบเมื่อวานนี้ ราชาอสูรวาฬก็รู้สึกติดค้างบางอย่างอยู่ในหัวใจ
มันกับหวังซือเฉาต่างก็เป็นนักเล่นหมากรุกตัวยง
เคยเป็นผู้ควบคุมหมากบนกระดาน
แต่บัดนี้ ราชาอสูรวาฬรู้ดีว่าตนเองกลับต้องจำยอมเป็นหมากให้ผู้อื่นควบคุมเสียแล้ว
“การประลองคู่ที่สอง…”
ราชาอสูรวาฬเปล่งเสียงกังวานไปทั่วแผ่นฟ้า “ตามกฎการประลอง ครั้งนี้เผ่าพันธุ์ปีศาจต้องเป็นฝ่ายส่งตัวแทนออกมาก่อน”
วูบ!
ลำแสงสีม่วงพุ่งผ่านอากาศและทิ้งตัวลงมายืนอยู่บนเวทีประลอง
เป็นองครักษ์ปีศาจฉิงอี้
ปีศาจหนุ่มตัวนี้เป็นองครักษ์ข้างกายอวี้เหวินซิวเซียน มันมีรูปร่างสูงใหญ่ ใบหน้าหล่อเหลา เส้นผมและดวงตาเป็นสีม่วงเข้มเช่นเดียวกับสีของชุดเกราะ ดาบมังกรไฟเล่มหนึ่งสะพายอยู่บนแผ่นหลัง มือซ้ายถือหมวกเหล็ก มือขวาหมุนวนโคจรพลัง แล้วเปลวไฟสีม่วงเข้มก็ลุกโชนทั่วร่างกำยำที่ยืนอยู่กลางเวทีประลองนั้น
“ข้าพเจ้าฉิงอี้ ตัวแทนจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ”
ฉิงอี้แสยะยิ้ม เส้นผมปลิวไสวไปตามสายลมขณะกล่าวว่า “มีผู้ใดกล้าหาญมากพอที่จะออกมาต่อสู้กับข้าบ้างหรือไม่?”
เสียงที่เย็นชาดังกังวานไปทั่วเขาอวิ๋นเจวี่ยนและส่งเสียงสะท้อนกึกก้องอยู่นานสองนาน
บนยอดเขาเซินปี๋ ขวัญกำลังใจของฝ่ายมนุษย์ล่มสลายแทบหมดสิ้น
บัดนี้ จึงไม่มีผู้ใดกล้าลงสู่เวทีประลอง
แม้แต่บรรดาหัวหน้าสำนักใหญ่ก็ยังลังเลใจ
“เดี๋ยวข้าออกไปเอง”
หลิวอู่เหยียนรู้ดีว่าตนเองจะปล่อยให้ขวัญกำลังใจของฝ่ายมนุษย์ตกต่ำไปมากกว่านี้ไม่ได้ มิเช่นนั้น พวกเขาอาจไม่มีทางกอบกู้สถานการณ์กลับคืนมาได้อีกเลย
ชายชรากำลังจะเดินออกไปจากกลุ่มคน
“ช้าก่อน”
ประมุขพรรควารีพิฆาตไป๋ลู่ซือพลันส่งเสียงแทรกขึ้นมา “ท่านผู้เฒ่า ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถอะ”
ไป๋ลู่ซือมีใบหน้าอ่อนเยาว์ราวกับเป็นหญิงสาววัยยี่สิบปีเศษ นางมีใบหน้าสวยงาม กิริยาท่าทางอ่อนหวาน สวมใส่ชุดเกราะสีเงินแวววาว บนชุดเกราะแกะสลักเป็นลวดลายนกกระยางเหินหาวบนท้องฟ้า
ไป๋ลู่ซือถูกจัดอันดับให้เป็นผู้แข็งแกร่งลำดับที่สามแห่งเมืองชิงอวี้ เป็นรองก็แต่เพียงพวกของหวังซือเฉาและหลิวอู่เหยียนเท่านั้น และนางก็ยังเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ขอบเขตพลังจอมเทพตอนปลายได้อีกด้วย
หลิวอู่เหยียนขมวดคิ้วสอบถามกลับไปด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ท่านมั่นใจหรือ? เจ้าสำนักไป๋”
ไป๋ลู่ซือยิ้มแย้มอย่างอ่อนหวาน พลางกล่าวตอบกลับไปเสียงเรียบว่า “ในการประลองที่มีชีวิตเป็นเดิมพันเช่นนี้ ยังมีผู้คนที่สามารถมั่นใจได้ด้วยหรือเจ้าคะ?”
หลิวอู่เหยียนมีสีหน้าลังเลเหมือนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
ไป๋ลู่ซือชิงกล่าวออกมาเสียก่อนว่า “ท่านเจ้าสำนักหลิว ท่านคือผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับสองของเมืองชิงอวี้ ตราบใดที่ท่านยังไม่ออกไปต่อสู้ ไม่ว่าพวกเราพ่ายแพ้หรือชนะ พวกเราก็ยังคงมีความหวังอยู่เสมอ หากท่าน… เอาเป็นว่าให้ข้าออกไปสู้ก่อนเถอะ เชิญท่านรับชมการประลองให้สนุก ข้ารับปากว่าการประลองของข้านั้นจะทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต้องภูมิใจ”
หลิวอู่เหยียนพยักหน้าอย่างช้า ๆ และกล่าวว่า “เจ้าสำนักไป๋ ระวังตัวด้วย”
ไป๋ลู่ซือผงกศีรษะเล็กน้อย ใบหน้าที่สวยงามของนางยังคงสงบเยือกเย็นเช่นเดิม
หญิงสาวเหลียวมองไปยังกลุ่มลูกศิษย์ของตนเอง สุดท้าย สายตาของนางก็ไปจับจ้องอยู่ที่เด็กสาวผู้มีรอยสักมังกรหลงหน่า “หากข้าไม่กลับมา พวกเจ้าจงรู้เอาไว้ว่าตำแหน่งประมุขพรรคคนใหม่ได้ตกเป็นของหลงหน่าแล้ว”
“รับทราบเจ้าค่ะ ท่านประมุข”
กลุ่มลูกศิษย์ของไป๋ลู่ซือพร้อมใจกันรับคำสั่งด้วยความเศร้าโศก
วูบ!
พลัน ร่างของนางเปลี่ยนเป็นลำแสงสีขาวพุ่งออกไปในอากาศ
ไป๋ลู่ซือทิ้งตัวลงไปยืนอยู่กลางเวทีประลองด้วยความสง่างาม
“ข้าพเจ้าไป๋ลู่ซือ ประมุขพรรควารีพิฆาต วันนี้จะมาปราบปีศาจให้ทุกท่านได้รับชม”
เมื่อเท้าสัมผัสพื้นเวที ไป๋ลู่ซือก็โคจรพลังปราณเต็มอัตรา คลื่นพลังสีขาวห่อหุ้มร่างกายหลอมรวมกับชุดเกราะ แม้แต่ใบหน้าของนางก็มีหมวกเหล็กครอบคลุมขึ้นมาแล้ว บัดนี้ ยามที่ไป๋ลู่ซืออยู่ในชุดเกราะสีเงินรัดรูป นางจึงดูมีเสน่ห์มากกว่าเดิมหลายเท่า
นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนพลังปราณจำแลงให้เป็นพลังปราณแท้จริง
ไป๋ลู่ซือเป็นผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพตอนปลาย แม้จะยังขึ้นไม่ถึงขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างหวังซือเฉา แต่พลังปราณในร่างกายก็หนาแน่นมากมายมหาศาล
ในเวลาเดียวกันนี้ ประมุขพรรควารีพิฆาตผู้มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 8 ก็ได้เปลี่ยนกระบี่ที่อยู่ในมือของตนเอง
เป็นกระบี่นกกระยางเล่มหนึ่ง
กระบี่ถูกฟันออกไป
ทันใดนั้น
ฉิงอี้พลันสวมใส่หมวกเหล็กสีม่วงทันที
เมื่อหมวกเหล็กครอบคลุมศีรษะ เปลวไฟสีม่วงก็ลุกโชนสว่างไสว
“คิดจะมาปราบปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
ฉิงอี้หัวเราะเหยียดหยามด้วยเสียงเย็นชา “งั้นวันนี้… ข้าก็จะมาฆ่ามนุษย์ให้ดู”
วูบ!
ดาบมังกรไฟในมือฉิงอี้ถูกฟันออกมาเช่นกัน
ลำแสงสีม่วงพุ่งผ่านอากาศ
เคร้ง!
ได้ยินเสียงอาวุธสองชนิดปะทะกัน
ไป๋ลู่ซือรีบล่าถอยกลับไปราวกับนกกระยางผู้คล่องแคล่ว
ดวงตาสีม่วงเข้มของฉิงอี้เป็นประกายวาวโรจน์ รีบใช้กระบวนท่าการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนเองออกมาโดยไม่ลังเล “กระบวนท่าเก้าดับสูญ!”
ดาบมังกรไฟในมือถูกตวัดฟาดฟันด้วยความดุดัน
ทุกครั้งที่ดาบถูกตวัด มันจะแฝงความเกลียดชังเผ่าพันธุ์มนุษย์อยู่หลายส่วน
ทุกครั้งที่ดาบถูกตวัด ฉิงอี้จะมองเห็นใบหน้าของบิดามารดาและพี่น้องของมันที่ถูกมนุษย์ไล่ล่าจับตัวไปทรมานและฆ่าทิ้งด้วยความโหดร้ายทารุณ
มันรอคอยโอกาสแก้แค้นมาทั้งชีวิต มันรอคอยโอกาสมานานมากเกินไป
จนกระทั่งบัดนี้ มันก็ได้มายืนอยู่บนเวทีแห่งนี้แล้ว
“ตายซะเถอะ!”
ฉิงอี้ระเบิดเสียงคำรามออกมาราวกับราชสีห์ผู้บ้าคลั่ง
“กระยางขาวเหยียบย่ำ ผืนน้ำศักดิ์สิทธิ์ไร้เขตแดน”
ไป๋ลู่ซือรู้สึกได้ถึงจิตสังหารที่คุกคามเข้ามา จึงใช้กระบวนท่าลับสุดยอดของพรรควารีพิฆาตออกมาโดยทันที เงากระบี่ครอบคลุมผืนฟ้าราวกับนกกระยางโผบิน รอบตัวของนกกระยางมีคลื่นน้ำล้อมรอบเป็นอุโมงค์มหึมา… และในเวลาเดียวกันนี้ คมกระบี่ก็กำลังจะทะลวงสู่หน้าอกของฉิงอี้
สวบ!
คมกระบี่แทงทะลุผ่านเนื้อหนัง
กระบี่นกกระยางสามารถแทงทะลุร่างกายของฉิงอี้ได้แล้วจริง ๆ
ไป๋ลู่ซือยิ้มกว้างด้วยความดีใจ
แต่ทันใดนั้น ลำคอของนางก็เกิดความรู้สึกร้อนวูบพุ่งผ่าน
เป็นการเคลื่อนตัวผ่านของคมดาบมังกรไฟ
พละกำลังสลายหายไปสิ้นจากร่างกายของไป๋ลู่ซือ
ชุดเกราะที่สวมใส่หลุดออกกระจัดกระจายอย่างควบคุมไม่ได้
สิ่งที่ไป๋ลู่ซือสามารถมองเห็นได้ในขณะนี้ มีเพียงแววตาโกรธแค้นของฉิงอี้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น
ฉิงอี้ค่อย ๆ ยื่นมือออกมา ประทับฝ่ามือลงบนกลางศีรษะของไป๋ลู่ซือ ใช้นิ้วมือทั้งห้าจับเส้นผมของนางเอาไว้
จากนั้นก็ลงมืออย่างนุ่มนวล
แล้วศีรษะของไป๋ลู่ซือก็หลุดออกไปจากบ่า
การตวัดดาบครั้งที่เก้าคือการตวัดดาบเพื่อตัดศีรษะของไป๋ลู่ซือ แม้แต่การที่ตนเองจะถูกกระบี่นกกระยางทิ่มแทง ก็ล้วนแต่อยู่ในการคาดเดาของฉิงอี้ทั้งสิ้น
ตัวมันเองก็ได้รับบาดเจ็บ
แต่ก็สามารถสังหารเจ้าสำนักของฝ่ายมนุษย์ผู้หนึ่งได้สำเร็จ
เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าหรือไม่?
ย่อมเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า!
อีกอย่าง ฝ่ายปีศาจก็สามารถเก็บชัยชนะได้อีกครั้ง
“ฮ่า ๆๆ…”
ฉิงอี้ยกศีรษะของไป๋ลู่ซือชูขึ้นสูง พูดพร้อมกับยิ้มกว้าง “ท่านพ่อ ท่านแม่ พี่สาว น้องสาว พวกท่านคงดูอยู่จากบนฟ้าใช่หรือไม่? ข้าแก้แค้นให้แก่พวกท่านแล้ว”
มันระเบิดเสียงหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง จากนั้นจึงนั่งคุกเข่าลงและร้องไห้ออกมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้
โลกทั้งใบตกอยู่ในความเงียบงัน!
เผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในความเงียบงัน!!