เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1604 พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว
ควับ! ควับ!
ฮั่วจูเซวี่ยพร้อมด้วยลูกสมุนกว่าสี่สิบคนอาศัยอุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุที่เป็นหมวกครอบศีรษะและปีกโลหะบินกลับมาถึงเรือเหาะรุ่งอรุณได้อย่างปลอดภัยในที่สุด
โชคดีที่พวกเขาพกพาอุปกรณ์เหล่านี้ติดตัวไปด้วย มิเช่นนั้นแล้ว คงถูกแรงกดอากาศที่ภายนอกบดขยี้ร่างกายจนเหลวแหลกเป็นแน่แท้
“นายท่านได้โปรดให้โอกาสข้าน้อยอีกสักครั้ง ข้าน้อยจะถล่มเรือเหาะลำนั้นเอง”
ฮั่วจูเซวี่ยอับอายขายหน้าจากความพ่ายแพ้ย่อยยับ พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเจ็บใจ “เรือเหาะลำนั้นติดตั้งอาวุธแปลกประหลาด ข้าน้อยไม่ทันระวังตัวจึงถูกลอบโจมตี… ข้าน้อยรับรองว่าไม่มีครั้งต่อไปแน่นอน”
“ไม่ต้องหรอก เราอย่าไปให้ความสนใจเลย”
ฮั่วเจี้ยนป๋อปฏิเสธโดยทันที
เพราะสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าต่างหากที่สำคัญที่สุด
เขาจ้องมองไปที่หลิงไท่ซือและกล่าวว่า “พี่หลิง สั่งให้คนของเจ้าวางอาวุธซะเถอะ จากนั้นก็ฆ่าตัวตายซะ ส่วนเรื่องราวต่อจากนี้ เดี๋ยวข้าจะจัดการศพของเจ้าให้เอง”
พูดจบ ฮั่วเจี้ยนป๋อก็โยนกุญแจมือดับดาราจำนวนมากออกมากองไว้บนพื้นดาดฟ้าเรือด้านตรงข้าม
นี่คืออุปกรณ์พันธนาการสำหรับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์
หลิงไท่ซือออกคำสั่งให้ผู้ติดตามของตนเองวางอาวุธลง หลังจากนั้น พวกเขาก็เดินเข้าไปนำกุญแจมือเหล่านั้นมาใส่เข้ากับข้อมือของตนเอง
“หวังว่าเจ้าจะรักษาสัญญา”
หลิงไท่ซือหลับตาลง นี่คือครั้งแรกที่เขาได้ลิ้มรสความสิ้นหวังจากการถูกควบคุมโดยผู้อื่น “ข้าเพียงอยากตายอย่างรวดเร็วเท่านั้น”
“ฮ่า ๆๆ…”
เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผน ฮั่วเจี้ยนป๋อผู้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ก็ยิ้มออกมาอย่างอารมณ์ดี “ผู้อาวุโสฟ่าน เชิญท่านลงมือได้ตามใจชอบ”
“ว่าไงนะ?”
หลิงไท่ซือเบิกตาโต พยายามดิ้นรนด้วยความโกรธแค้น “แต่เจ้าสัญญาแล้ว เจ้า…”
ฮั่วเจี้ยนป๋อหัวเราะเยาะตอบว่า “พี่หลิง เจ้านี่มันช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน ที่ผู้อาวุโสฟ่านยอมมาช่วยเหลือข้าในครั้งนี้ ก็เพราะข้ารับปากว่าจะมอบตัวน้องสาวของเจ้าให้เป็นของขวัญแก่เขา แล้วเช่นนี้ข้าจะปล่อยตัวหลิงหลิงไปได้อย่างไร ฮ่า ๆๆ”
บัดนี้ หลิงไท่ซือสวมใส่กุญแจมือดับดารา พลังในร่างกายจึงถูกปิดผนึก เขาถูกกลุ่มคนจากตระกูลฮั่วรุมทำร้ายจนต้องลงไปนอนกองอยู่บนพื้น
“เคี๊ยก เคี๊ยก เคี๊ยก…”
เสียงหัวเราะของฟ่านหรู่เมิ่งฟังดูน่าขนลุกราวกับเสียงนกเค้าแมวยามราตรี มันยกมือขึ้นอีกครั้งและยื่นมือเข้าไปหาหลิงหลิงพร้อมกับกล่าวว่า “ได้ยินมานานแล้วว่าคุณหนูตระกูลหลิงมีความงามไม่เป็นรองผู้ใด ในที่สุด วันนี้ข้าก็จะได้สิ่งที่ตนเองต้องการเสียที…”
คำพูดยังไม่ทันขาดหาย
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดก็ดังขึ้นบนดาดฟ้าเรือ
และแทบจะในเวลาเดียวกันนั้นเอง…
โพละ!
ศีรษะของฟ่านหรู่เมิ่งก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
ความเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันครั้งนี้ทำให้ผู้คนตั้งตัวไม่ทัน
ฟิ้ว!
เสียงประหลาดดังขึ้นเป็นครั้งที่สอง
พรึ่บ!
ขาทั้งสองข้างของฮั่วเจี้ยนป๋อพลันระเบิดเป็นม่านหมอกเลือด
แล้วร่างของใครบางคนก็เคลื่อนไหวด้วยความเร็วราวกับสายฟ้าฟาดคว้าคอเสื้อของฮั่วเจี้ยนป๋อและกระชากตัวเขาไปควบคุมตัวเอาไว้
“อุ๊วะฮ่า ๆๆ อย่าขยับนะเฟ้ย!”
บุคคลที่จับตัวฮั่วเจี้ยนป๋อระเบิดเสียงคำราม “พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว”
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ยังคงทำให้ผู้คนตั้งตัวไม่ทันอยู่ดี
ฮั่วจูเซวี่ยเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
เพราะเขาจำได้ดีว่าผู้ที่กำลังจับตัวฮั่วเจี้ยนป๋ออยู่ก็คือลูกน้องคนสนิทของตนเองนามว่าฮั่วเยวียนหลง และฮั่วเยวียนหลงก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่สามารถหลบหนีกลับมายังเรือเหาะรุ่งอรุณได้อย่างปลอดภัยนั่นเอง
ฮั่วจูเซวี่ยคำรามด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ฮั่วเยวียนหลง เจ้าทำอะไรของเจ้าไม่ทราบ?”
ฮั่วเยวียนหลงแสยะยิ้มอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
“ขอโทษที พอดีข้าเป็นตำรวจปลอมตัวมา”
ฮั่วเยวียนหลงกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์
ตำรวจคืออะไร?
ฮั่วจูเซวี่ยได้แต่คิดด้วยความสงสัย
“สามหาว! หากเจ้าไม่อยากตาย…”
ฮั่วจูเซวี่ยใบหน้ากระตุก ต้องการพูดอะไรบางอย่างเพื่อระบายความโกรธแค้น
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดดังขึ้น
ทันใดนั้น ศีรษะของฮั่วจูเซวี่ยก็มีอันต้องระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือดไปอีกคน
“มีผู้ใดอยากจะตายอีกบ้าง?”
ฮั่วเยวียนหลงยิ้มยิงฟัน อวดฟันขาววับ
ทุกคนตัวสั่นเทา
ขณะนี้ แม้แต่คนปัญญาอ่อนก็ยังดูออกว่าความตายของปีศาจผู้อาวุโสฟ่านหรู่เมิ่งและคุณชายฮั่วเจี้ยนป๋อที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น ต่างก็เป็นฝีมือการโจมตีของฮั่วเยวียนหลงทั้งสิ้น
“เจ้าไม่ใช่ฮั่วเยวียนหลง เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้ากล้าดีอย่างไร…”
หนึ่งในองครักษ์ของตระกูลฮั่วระเบิดเสียงคำรามออกมา
ฟิ้ว!
ลำแสงปราณกระบี่คงกระพันคือคำตอบที่เขาได้รับกลับไป
ศีรษะระเบิดโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ
ผู้ขัดขืนต้องตาย
“ฮ่า ๆๆ อ่อนแอถึงเพียงนี้ กลับอวดดีกันเหลือเกิน”
ฮั่วเยวียนหลงแสยะยิ้มอย่างชั่วร้าย ก่อนจะปลดปล่อยลำแสงกระบี่ออกมาอย่างต่อเนื่อง
ปัง! ปัง! ปัง!
เพียงพริบตาเดียว บรรดาลูกสมุนของฮั่วจูเซวี่ยซึ่งยังไม่มีบทพูดเลยสักประโยคเดียวก็ต้องลงไปนอนทอดร่างกลายเป็นศพไร้หัวกันอย่างถ้วนหน้า
บุรุษหนุ่มผู้นี้คือใครกันแน่?
แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน
ก่อนหน้านี้ก็เป็นการลงมือของเด็กหนุ่มเช่นกัน
หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยว่าอานุภาพของเครื่องยิงระเบิด Type 69 เมื่อนำมายิงในภาวะสุญญากาศนั้นกลับมีประสิทธิภาพในการทำลายล้างรุนแรงยิ่งกว่าการยิงบนพื้นดินเสียอีก
เพราะมันทำให้เรือเหาะของฮั่วจูเซวี่ยระเบิดไปทั้งลำ
ดังนั้น หลินเป่ยเฉินจึงเกิดความคิดบรรเจิด สั่งให้พวกของหมิงเสว่เฟิงนำเรือเหาะหยางเว่ยถอนกำลังออกไปก่อน หลังจากนั้น เขาจึงใช้แอปเมจิก คาเมร่าปลอมตัวเป็นลูกสมุนของฮั่วจูเซวี่ยแฝงตัวกลับมายังเรือเหาะรุ่งอรุณ
ในระหว่างที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มคนนั้น หลินเป่ยเฉินก็แอบใช้โทรศัพท์มือถือสแกนข้อมูลของกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหน้า
ในจำนวนกำลังคนของกลุ่มโจรสลัดปีศาจนั้น ฟ่านหรู่เมิ่งคือผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 ซึ่งถือเป็นคู่ต่อสู้ที่มีความแข็งแกร่งสูงสุดชนิดที่หลินเป่ยเฉินยังไม่เคยพบเจอมาก่อน ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงถือคติที่ว่าอยากทำลายซ่องโจรก็ต้องจับหัวหน้าโจรให้ได้ก่อน อยากจะยึดดินแดนก็ต้องจับตัวกษัตริย์ให้ได้ก่อน อยากด่าคนก็ต้องด่าแม่ก่อน ด้วยเหตุนี้ หลินเป่ยเฉินจึงใช้ลูกกระสุนจากปืน AWM ระเบิดศีรษะฟ่านหรู่เมิ่งทิ้งไปก่อน
ต่อมาจึงทำให้ฮั่วเจี้ยนป๋อได้รับบาดเจ็บสาหัสและจับเป็นตัวประกัน
ส่วนลูกสมุนจากตระกูลฮั่วที่เหลืออยู่ เมื่อฆ่าได้เขาก็ต้องฆ่า เพราะไม่มีเหตุผลที่จะปล่อยให้กลุ่มคนเหล่านี้มีชีวิตอยู่รอดต่อไป
หลินเป่ยเฉินกำลังตื่นเต้นไม่ใช่น้อย
เพราะนี่คือครั้งแรกที่เขาลงมือต่อสู้ในสภาพแวดล้อมที่คล้ายคลึงกับห้วงอวกาศ