เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1609 พลังเสริมที่ถูกปลดผนึก
ตอนที่ 1,609 พลังเสริมที่ถูกปลดผนึก
เมื่องานเลี้ยงยุติลง หลินเป่ยเฉินและพรรคพวกก็ถูกส่งมายังห้องชมดาว ซึ่งเป็นห้องรับรองแขกชั่วคราวบนเรือเหาะรุ่งอรุณ
“นี่มันโลกใบใหม่ชัด ๆ”
หลินเป่ยเฉินจ้องมองท้องฟ้ามืดมิดที่เต็มไปด้วยดวงดารานอกหน้าต่าง ก่อนจะพึมพำออกมาโดยไม่รู้ตัว
สำหรับโลกแห่งผู้ฝึกยุทธ์ที่พัฒนาอารยธรรมมาได้ไกลถึงขั้นนี้ มันแทบจะไม่น้อยหน้าวงการวิทยาศาสตร์ในโลกมนุษย์ใบเก่าของเขาด้วยซ้ำ เรือเหาะลำนี้ก็ไม่ต่างไปจากยานอวกาศ อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุที่เป็นชุดเครื่องแบบสวมใส่สำหรับกะลาสีเรือ ก็เปรียบได้ดั่งชุดนักบินอวกาศนั่นเอง
แล้วไหนจะจุดทิ้งสมอนั่นอีก
นั่นคือสิ่งที่แม้แต่โลกวิทยาศาสตร์ก็ยังกระทำไม่ได้ด้วยซ้ำ
หลินเป่ยเฉินเดินไปทิ้งตัวนอนบนเตียง ปล่อยให้โทรศัพท์มือถือฝึกฝนวิชาต่าง ๆ ต่อไป
ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ พลังปราณของจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 3 จากเหยียนอวี้หลงซึ่งเก็บอยู่ในแขนซ้ายของหลินเป่ยเฉินถูกใช้ออกไปเป็นจำนวนมาก และพลังที่หลงเหลืออยู่ก็ยังคงถูกวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณเปลี่ยนถ่ายให้กลายเป็นความแข็งแกร่งของผิวกายเขาแทน…
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าขั้นพลังของตนเองแข็งแกร่งมากขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเลื่อนระดับขึ้นมาอยู่ในขอบเขตจอมเทพระดับ 5 พลังปราณจำแลงในร่างกายของเขาแปลงกลายเป็นพลังปราณแท้จริงและอัตราการหลอมรวมพลังจากวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณก็เพิ่มความรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
แต่เมื่ออ่านรายละเอียดของคัมภีร์เคลื่อนย้ายกระแสปราณแล้ว แม้ว่าบัดนี้หลินเป่ยเฉินจะมีผิวหนังที่แข็งแกร่งจนน่าตกใจ แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่บรรลุขั้นแรกของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณเลยด้วยซ้ำ
“ตลอดเวลาก่อนหน้านี้ เราใช้พลังปราณของมนุษย์มาโดยตลอด บางทีถ้านำพลังปราณปีศาจกับพลังปราณอสูรมาหลอมรวมเข้าด้วยกัน มันก็คงน่าสนใจอยู่ไม่น้อย…”
หลินเป่ยเฉินพยายามควบคุมกระแสปราณที่แตกต่างกันทั้งสองฝ่ายในมือซ้าย ให้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นความแข็งแรงของผิวหนัง
ปรากฏว่าสามารถทำได้สำเร็จ
หลินเป่ยเฉินรู้สึกอย่างชัดเจนว่าผิวหนังของตนเองแข็งแกร่งมากขึ้น
“ร่างกายของเราแข็งแกร่งมากขึ้น แม้แต่ขนตาก็ใช้แทงคนตายได้แล้วมั้งเนี่ย”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกแข็งแกร่งอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
แต่การอ่านตำรามักจะน่าเบื่อเสมอ
โดยไม่ทันรู้ตัว เด็กหนุ่มก็เผลอหลับไปเสียแล้ว
…
การเดินทางด้วยเรือเหาะน่าเบื่อยิ่งกว่าการเดินทางด้วยเครื่องบินหลายเท่า
ทิวทัศน์ที่สวยงามนอกหน้าต่างคือสิ่งที่หายาก ภาพด้านนอกมีแต่เพียงท้องฟ้ามืดมิดกับกลุ่มดาวระยิบระยับ ตอนแรกอาจจะมองดูสวยงาม แต่เมื่อมองดูไปนาน ๆ เข้า …ก็จะให้ความรู้สึกโดดเดี่ยวและวังเวงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด
เรือเหาะรุ่งอรุณเดินทางผ่านจุดทิ้งสมอหลายสิบครั้ง
เดินทางผ่านเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่
หลินเป่ยเฉินอดสงสัยขึ้นมาไม่ได้ว่าใช้เรือเหาะยังต้องเดินทางนานขนาดนี้ แล้วพวกที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิซึ่งสามารถเดินทางโดยไม่ต้องใช้เรือเหาะนั้นจะสามารถเดินทางได้เร็วมากกว่ากันหรือไม่?
เพียงพริบตาเดียว เวลาก็ผ่านไปถึงสามวัน
แม้ตลอดเส้นทางจะถูกซุ่มโจมตีและมีกลุ่มโจรสลัดดักปล้นอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องให้หลินเป่ยเฉินออกมาแสดงฝีมือ เนื่องจากหลิงไท่ซือสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้ด้วยตนเอง
‘ติ๊ง!’
เสียงแจ้งเตือนจากแอปพลิเคชันดังขึ้น
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาดู
ปรากฏว่าเป็นเสียงแจ้งเตือนจากแอปวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณ
เขาเปิดดูด้วยความสงสัยและกดเข้าไปภายในตัวแอป
‘ท่านสามารถบรรลุขั้นที่หนึ่งของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้สำเร็จแล้ว ไม่ทราบว่าต้องการปลดผนึกการใช้งานพลังเสริมเลยหรือไม่?’
ปลดผนึกการใช้งานพลังเสริม?
หลินเป่ยเฉินดวงตาลุกวาวเป็นประกาย
เดิมที วิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณถือเป็นวิชาสำหรับการเสริมสร้างความแข็งแกร่งของร่างกายอยู่แล้ว และสิ่งที่เรียกว่า ‘พลังเสริม’ นั้น ก็น่าจะเป็นสิ่งที่ไม่ธรรมดาแน่ ๆ
หลินเป่ยเฉินเลือกปลดผนึกพลังเสริมนั้นโดยไม่ลังเล
‘การปลดผลึกพลังเสริมจะทำให้ท่านมีมวลกล้ามเนื้อ ผิวหนัง เส้นเลือด กระดูก และอวัยวะส่วนต่าง ๆ แข็งแกร่งมากขึ้น ท่านสามารถเลือกได้ว่าจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่อวัยวะชนิดใดบ้างจากตัวเลือกดังต่อไปนี้…’
หลังจากนั้น หน้าจอก็ปรากฏข้อความขึ้นมาให้เขากดเลือก
หลินเป่ยเฉินลังเลเล็กน้อย สุดท้ายก็เลือกเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่ผิวหนัง
เพราะถึงอย่างไรผิวหนังก็คือสิ่งที่อยู่ชั้นนอกสุดของร่างกาย เมื่อผิวหนังมีความแข็งแกร่ง มันก็ช่วยปกป้องร่างกายของเขาได้ไม่ต่างจากสวมชุดเกราะ
ในชั่วขณะที่กดดำเนินการใช้พลังเสริม หลินเป่ยเฉินรู้สึกเพียงแต่ว่ามีคลื่นพลังกระแสหนึ่งปรากฏขึ้นมาในร่างกายของตนเอง มันเป็นคลื่นพลังที่ถูกดูดออกมาจากมือซ้ายของเขาและเปลี่ยนเป็นกระแสร้อนอุ่นปกคลุมไปทั่วชั้นผิวหนังตลอดตัว
การปลดผนึกพลังเสริมเสร็จสมบูรณ์
เด็กหนุ่มรู้สึกเหมือนร่างกายกำลังแช่อยู่ในอ่างน้ำร้อน
แต่มันเป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้นเพียงวูบเดียว
คลื่นความร้อนก็จางหายไป
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนสำรวจดูผิวหนังของตนเอง แต่ดูเหมือนจะไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนแปลง นอกจากเวลาลูบมือลงไปบนแขนของตนเองนั้น ก็จะมีคราบสีขาวลอกติดออกมา ในลักษณะเหมือนงูที่กำลังลอกคราบ
หลินเป่ยเฉินรีบเดินเข้าไปในห้องน้ำและนอนแช่น้ำอุ่นเพื่อทำความสะอาดร่างกาย
ผิวหนังทุกส่วนของเขาลอกคราบออกมาหมดสิ้น
“เก็บเอาไว้ก่อนดีกว่า เผื่อเอามาตัดเย็บเป็นชุดหนังได้”
หลินเป่ยเฉินนำผิวหนังที่ลอกออกมานั้นเก็บเข้าไปในพื้นที่ฝากไฟล์ของแอปสวิ่นเล่ย
เขาก้มหน้าลง
มองดูผิวหนังที่ขาวเนียนของตนเองชุ่มชื่นไม่ต่างจากผิวของเด็กทารก และหากจะพิจารณาดูให้ดี ผิวหนังของเขาก็ยังสะท้อนประกายระยิบระยับเล็กน้อยอีกด้วย
“ผิวหนังก็ดูนุ่มนวลเต่งตึงดีนี่หว่า แล้วมันจะรับการโจมตีได้จริงเหรอวะเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินเริ่มคิดด้วยความสงสัย
หลังจากนั้น เขาก็นำกระบี่เล่มหนึ่งออกมาจากแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์และกรีดลงไปบนแขนของตนเอง
เปรี๊ยะ!
รอยแตกร้าวปรากฏขึ้นบนตัวกระบี่ทันที
“เชี่ย!”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
เพราะกระบี่เล่มนี้คือกระบี่แนบสวรรค์ของผู้อาวุโสชิวเทียนจิงจากสำนักกระบี่เหินฟ้า นับเป็นกระบี่ชื่อดังประจำเมืองชิงอวี้ คมกระบี่มีความคมไม่เป็นสองรองผู้ใด ต่อให้ตกไปอยู่ในมือของเด็กสามขวบก็ยังสามารถผ่าแท่งทองคำได้อย่างง่ายดาย
แต่มันกลับเกิดรอยแตกร้าวเมื่อกระทบถูกผิวหนังของเขาเนี่ยนะ?
หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่อยากเชื่อ
เขาลองใช้กระบี่กรีดไปที่ใบหน้าอันหล่อเหลาของตนเอง
เปรี๊ยะ!
แล้วกระบี่แนบสวรรค์ก็หักสะบั้น
ผิวหนังของเขาแข็งแกร่งมากขึ้นจริง ๆ ด้วย!!
หลินเป่ยเฉินทดลองด้วยความสนุกสนานอยู่อีกหลายครั้ง
เขาถึงกับใช้กระบี่ทิ่มตาตนเอง แน่นอนว่ากระบี่ถึงกับแตกหักเป็นหลายส่วน
ยิ่งไปกว่านั้น เด็กหนุ่มพบว่าแม้แต่เส้นผมของเขาก็สามารถสร้างรอยแตกร้าวให้เกิดขึ้นบนตัวกระบี่ได้เช่นกัน
“นี่เรายังเป็นคนอยู่หรือเปล่าวะ?”
หลินเป่ยเฉินมองเศษกระบี่ที่กองอยู่ตรงหน้าด้วยความมหัศจรรย์ใจ
พลังเสริมที่ถูกปลดผนึกเมื่อสามารถบรรลุขั้นแรกของวิชาเคลื่อนย้ายกระแสปราณได้นั้นคือสิ่งที่วิเศษมากจริง ๆ