เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1610 อสูรดารา
ตอนที่ 1,610 อสูรดารา
“แม้ว่าขอบเขตพลังของเราจะอยู่แค่ขั้นจอมเทพระดับ 5 แต่ความแข็งแกร่งของผิวหนังก็ไม่ได้แพ้พวกจอมเทพศักดิ์สิทธิ์แล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความตื่นเต้น
เด็กหนุ่มมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าหากตนเองไม่ได้เผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์มากกว่าระดับ 5 ก็คงไม่มีการโจมตีใดสามารถระคายผิวของเขาได้อีกแล้ว
นี่คือความรู้สึกของผู้แข็งแกร่ง
หลินเป่ยเฉินสวมใส่เสื้อคลุมอาบน้ำและกลับเข้าสู่ห้องพัก
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เขาก็ต้องขอบคุณหวังจงจริง ๆ ที่เลือกหยิบคัมภีร์เคลื่อนย้ายกระแสปราณขึ้นมาจากแผงขายของแบกะดินข้างถนน ใครเลยจะไปคิดว่ามันจะเป็นวิชาที่มีประโยชน์ถึงขนาดนี้…
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าตนเองโชคดีเหลือเกิน
เด็กหนุ่มอารมณ์ดี จากนั้นกดเข้าไปในเกม Happy Farm และนำผลหัวใจมังกรบางส่วนออกมารับประทานด้วยความเอร็ดอร่อย
ครืน!
เรือเหาะรุ่งอรุณเคลื่อนผ่านจุดทิ้งสมอจุดที่สามสิบเอ็ด ก่อนที่เรือเหาะจะลอยลำอย่างมั่นคงอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินเปลี่ยนกลับมาสวมใส่เสื้อผ้าชุดลำลองและเดินขึ้นไปสู่ชั้นดาดฟ้าเรือ
“ตอนนี้เราก็อยู่ในขั้นจอมเทพระดับ 5 แล้ว ร่างกายน่าจะแข็งแกร่งพอสำหรับการดูดซับพลังจากชั้นบรรยากาศด้านนอก... ว่าแต่มันจะเป็นอันตรายหรือเปล่านะ?”
หลินเป่ยเฉินเดินมาหยุดยืนที่กราบเรือและพูดกับตนเองอย่างใช้ความคิด
สำหรับเขาแล้ว นี่คือคำถามที่ไร้คำตอบ
“ไม่เป็นอันตรายหรอก แค่ดูดซับคลื่นพลังจากภายนอกเข้ามาหลอมรวมกับพลังปราณของตนเองก็พอแล้ว”
เสียงของนักพรตหญิงชินพลันดังขึ้นข้างหูของหลินเป่ยเฉิน
“ชั้นบรรยากาศด้านนอกเต็มไปด้วยคลื่นพลัง คลื่นพลังเหล่านั้นมีหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นในลักษณะของกระแสเม็ดทรายที่ไหลเวียนอยู่ตามดินแดนต่าง ๆ หรือมวลพลังที่ไร้รูปทรง แม้ว่ากระแสพลังเหล่านี้จะแบ่งแยกออกเป็นระดับสูงกับระดับต่ำ แต่ไม่ว่าเป็นระดับใด ก็สามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งให้แก่เจ้าได้ทั้งสิ้น”
นักพรตหญิงชินสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีดำดูดีมีสง่าราศี ผมสีเงินของนางรวบไว้ทางด้านหลังอย่างหลวม ๆ ดูเหมือนว่านางเพิ่งจะอาบน้ำมาไม่นาน กลิ่นกายจึงหอมฟุ้งเตะจมูกมากกว่าปกติ
ทุกท่วงท่าการเคลื่อนไหวของนักพรตหญิงชินช่างสง่างามยากหาคำอธิบาย
แม้เดินทางมาสู่ภพภูมิดาราจักร นักพรตหญิงชินก็ยังคงเป็นหนึ่งในยอดหญิงงามที่ไม่เป็นสองรองผู้ใด
“มวลพลังในเส้นทางดาราจักรไม่ต่างไปจากพลังปราณภายในร่างกายของมนุษย์ ยิ่งดูดซับมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความแข็งแกร่งมากเท่านั้น”
“บัดนี้ เจ้าอยู่ในขั้นพลังจอมเทพระดับ 5 สามารถปลดผนึกพลังปราณที่แท้จริงได้แล้ว ขั้นต่อไปก็คือการพิจารณาเข้าร่วมการฝึกวิชาตามรูปแบบสายเลือด ยิ่งเจ้าเลือกสายเลือดที่เหมาะกับตนเองได้มากเท่าไหร่ มันก็จะยิ่งมีประโยชน์ต่อเจ้าในอนาคตมากเท่านั้น”
นักพรตหญิงชินเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่เคียงข้างหลินเป่ยเฉิน
คำพูดของนางล้วนมาจากการทำความเข้าใจการฝึกวิชาของผู้คนในภพภูมินี้โดยละเอียด
เพราะในช่วงเวลาที่ผ่านมา นักพรตหญิงชินทำการค้นคว้าข้อมูลไม่ใช่น้อย
หลินเป่ยเฉินเข้าใจขึ้นมาโดยทันที
เขารีบนำโทรศัพท์มือถือออกมาและปรับระดับการทำงานแอปพลิเคชันของคัมภีร์ที่อวี้เหวินซิวเซียนมอบไว้ให้ หลังจากนั้น การดูดซับพลังจากชั้นบรรยากาศด้านนอกก็เริ่มต้นขึ้น
“แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือ เจ้าตัดสินใจได้แล้วหรือไม่ว่าจะฝึกวิชาตามสายเลือดใด?”
นักพรตหญิงชินถามออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลินเป่ยเฉินส่ายหน้าตอบกลับไปว่า “ข้ายังไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เลยขอรับ… ไม่ทราบว่าพี่ชินพอจะมีคำแนะนำบ้างหรือไม่?”
นักพรตหญิงชินเม้มริมฝีปากเล็กน้อย ก่อนจะสูดหายใจลึกและเกี่ยวปอยผมไปทัดไว้หลังใบหู ตอบว่า “ข้าลองค้นคว้าข้อมูลเกี่ยวกับยี่สิบสี่สายเลือดเหล่านั้น แต่ก็มีความเข้าใจเพียงเล็กน้อย สำหรับเจ้าในกลุ่มยี่สิบสี่สายเลือดหลัก เจ้าเหมาะสมที่จะฝึกวิชาตามสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ เช่นเดียวกับสายเลือดผู้แปรธาตุ นอกจากนี้ ในร่างกายของเจ้ายังมีสายเลือดปีศาจ และเจ้าก็ยังสามารถดูดกลืนพลังได้จากความสามารถของมู่ซินเยว่อีกด้วย เพราะฉะนั้น การฝึกฝนตามรูปแบบสายเลือดปีศาจหรือสายเลือดผู้กลืนกินก็ไม่น่าจะเกิดปัญหาใดเช่นกัน”
นักพรตหญิงชินแจกแจงถึงข้อดีและข้อเสียของการฝึกวิชาตามสายเลือดต่าง ๆ ให้หลินเป่ยเฉินรับฟัง
แม้ข้อมูลเหล่านี้จะเป็นการศึกษาในระยะสั้น แต่นักพรตหญิงชินก็ยังคงสามารถวิเคราะห์ได้อย่างแม่นยำเสมอ
หลินเป่ยเฉินต้องยอมรับจริง ๆ ว่านักพรตหญิงชินมีทักษะการเรียนรู้เป็นเลิศในใต้หล้า
ตัวนางเองก็ตัดสินใจได้แล้วว่าจะฝึกฝนวิชาตามรูปแบบสายเลือดผู้เยียวยา
“ตัวเจ้ามีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ไม่เหมือนผู้อื่น เมื่อเลือกรูปแบบสายเลือดหลักได้แล้ว เจ้าก็ยังสามารถเลือกฝึกวิชาในรูปแบบสายเลือดรองได้อีกด้วย และตามทฤษฎีนั้น เจ้าสามารถฝึกฝนวิชาตามรูปแบบสายเลือดได้ถึงสามชนิด แต่นั่นคือสิ่งที่มีความเป็นไปได้น้อยมาก เพราะไม่น่าจะมีผู้ใดสามารถต้านรับพลังเหล่านั้นไหว”
นักพรตหญิงชินมองหน้าหลินเป่ยเฉินและกล่าวต่อไป “แต่ต้องอย่าลืมว่าเจ้ามีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ ข้อมูลที่ข้าสามารถรวบรวมมาได้เกี่ยวกับสายเลือดของเจ้ายังมีน้อยมากเกินไป เพราะฉะนั้น ข้าจึงไม่สามารถรับปากได้ว่าเจ้าจะสามารถฝึกฝนวิชาในรูปแบบหลากหลายสายเลือดได้จริงหรือไม่”
ฮื่อ นักพรตหญิงชินเป็นห่วงเขาจริง ๆ ด้วย
ข้าจะพยายามให้เต็มที่เพื่อท่านนะขอรับ
หลินเป่ยเฉินคิดด้วยความซาบซึ้งใจ
“ว่าแต่บัดนี้พี่ชินอยู่ในขั้นไหนแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามออกมาด้วยความสงสัย
นักพรตหญิงชินตอบว่า “จอมเทพระดับ 7”
เชี่ย!
ทำไมเลื่อนขั้นพลังเร็วจังวะ
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความพิศวงและรู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
เขามีแอปพลิเคชันในโทรศัพท์มือถือคอยช่วยเหลืออยู่ตลอดเวลา แต่กลับสามารถเลื่อนขึ้นมาได้เพียงขั้นจอมเทพระดับ 5 เท่านั้น
แต่นักพรตหญิงชินเพียงมีตัวช่วยเป็นภารกิจจากแอปพลิเคชัน Keep นางก็สามารถเลื่อนขึ้นสู่ขั้นจอมเทพระดับ 7 ได้แล้วหรือ?
“เจ้าอย่าได้กดดันตนเองมากเกินไปเลย”
เมื่อนักพรตหญิงชินเห็นสีหน้าของหลินเป่ยเฉิน นางก็รู้ทันทีว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“เหตุผลที่เจ้าเลื่อนขั้นพลังได้เชื่องช้าก็เป็นเพราะสายเลือดของเจ้า สำหรับการเลื่อนขั้นพลังของเจ้านั้น เจ้าจะต้องใช้มวลพลังมากกว่าผู้คนทั่วไป แต่ทุกครั้งที่เจ้าสามารถเลื่อนขั้นพลังได้สำเร็จ เจ้าก็จะมีความแข็งแกร่งมากกว่าผู้คนในขอบเขตพลังเดียวกันมากถึงสองเท่า และหากข้าเข้าใจไม่ผิด บัดนี้ เจ้าก็น่าจะมีความแข็งแกร่งไม่ด้อยไปกว่าจอมเทพระดับ 6 แม้ไม่ต้องใช้ปราณกระบี่คงกระพัน เจ้าก็สามารถเอาชนะพวกจอมเทพตอนปลายได้โดยไม่มีปัญหา”
หลินเป่ยเฉินได้ยินดังนั้นก็แอบยิ้มอยู่ในใจ
นี่เท่ากับว่าเขาแข็งแกร่งเทียบเท่ากับพวกจอมเทพตอนปลายแล้วสินะ?
นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดี
แต่ในระหว่างที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นี้ อยู่ดี ๆ เสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังก้องกังวานไปทั่วเรือเหาะรุ่งอรุณ
“มีวัตถุปริศนากำลังเคลื่อนเข้ามาใกล้ขอรับ”
“ไม่สิ มันคืออสูรดารา พวกเราระวังตัว รีบเปิดม่านพลังคุ้มกัน เร็วเข้า…”
“พวกเราเตรียมตัวต่อสู้”
บรรดาองครักษ์ตระกูลหลิงร้องตะโกนด้วยเสียงเคร่งเครียด ราวกับว่ากำลังเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่สุดแสนจะน่ากลัว และเพียงไม่นาน ม่านพลังสำหรับป้องกันเรือเหาะรุ่งอรุณก็ถูกเปิดใช้งานเต็มอัตรา
หลิงไท่ซือได้รับการแจ้งเตือนก็มาปรากฏตัวบนดาดฟ้าเรือเหาะเช่นกัน
สีหน้าของเขาเคร่งเครียดเป็นอย่างยิ่ง
เห็นได้ชัดว่านี่คือปัญหาใหญ่
หลินเป่ยเฉินจ้องมองออกไปยังห้วงอวกาศด้านหน้า แล้วเขาก็พบเจอกับสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวหนึ่งที่มีหน้าตาน่าเกลียดน่ากลัวราวกับอสูรจากใต้ทะเลลึกกำลังลอยตัวอยู่ห่างออกไปไม่ไกล
อสูรดารา?
สิ่งที่ดูเหมือนสัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้คืออสูรดาราอย่างนั้นหรือ?