เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1611 เตรียมตัวต่อสู้
ตอนที่ 1,611 เตรียมตัวต่อสู้
อสูรดาราไม่มีชุดเกราะห่อหุ้มร่างกาย แต่กลับสามารถอยู่รอดได้ในชั้นบรรยากาศด้านนอก มิหนำซ้ำ การเคลื่อนที่ของมันยังรวดเร็วจนน่าตกใจ…
อย่าบอกนะว่ามันมีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรจักรพรรดิ?
“อสูรดาราเป็นสิ่งมีชีวิตที่หากินอยู่ตามอุกกาบาต มันเป็นอสูรที่ไม่ค่อยฉลาดเฉลียวสักเท่าไหร่ แต่นั่นก็แลกมาด้วยร่างกายที่แข็งแรงมหาศาล พวกมันจึงสามารถอยู่รอดได้ในชั้นบรรยากาศด้านนอก แม้จะมีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรทั่วไปเท่านั้น… และอสูรดาราก็ถือเป็นหนึ่งในอสูรชื่อดังของเผ่าพันธุ์อสูรอีกด้วยเจ้าค่ะ”
หลิงหลิงสวมใส่ชุดเครื่องแบบพร้อมรบปรากฏตัวขึ้นแทรกกลางระหว่างนักพรตหญิงชินกับหลินเป่ยเฉินและนางก็โน้มตัวมากระซิบข้างหูของเด็กหนุ่ม
อ้อ เป็นพวกอสูรชั้นปลายแถวสินะ
งั้นก็คงไม่น่าเป็นกังวลสักเท่าไหร่
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
“แต่เผ่าพันธุ์อสูรในอาณาจักรหลิวเยวียนเป็นพันธมิตรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ และอสูรดาราก็เป็นสัตว์เลี้ยงของสำนักอสูรสิงโต ซึ่งสำนักอสูรสิงโตนั้นก็ทำงานอยู่ภายใต้อำนาจของกลุ่มอสูรสงคราม อันเป็นกลุ่มอสูรที่ดุดันป่าเถื่อนกระหายการทำสงครามมากที่สุดเจ้าค่ะ”
ระดับความรอบรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ ของหลิงหลิงแทบไม่ต่างไปจากนักพรตหญิงชิน มิหนำซ้ำ นางยังรู้ข้อมูลบางอย่างที่เกี่ยวกับอาณาจักรหลิวเยวียนลึกซึ้งมากกว่านักพรตหญิงชินอีกด้วย
“พวกเราเตรียมตัวต่อสู้”
หลิงไท่ซือประกาศคำสั่ง
ม่านพลังบนเรือเหาะรุ่งอรุณถูกเปิดใช้งานเต็มอัตรา
“พวกมนุษย์ผู้ต่ำต้อย จงยอมมอบตัวแต่โดยดี”
พลัน ‘เสียง’ หนึ่งดังกังวานขึ้นมาจากด้านหน้า
ภาวะสุญญากาศไม่สามารถขนส่งคลื่นเสียงได้ แต่นี่เป็นคลื่นเสียงที่ถูกส่งผ่านกระแสจิตดังเข้ามาในหูของผู้คนในเวลาเดียวกัน
“เป็นพวกอสูรสิงโตทองคำ”
หลิงไท่ซือสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
ในเวลาเดียวกันนี้ หลินเป่ยเฉินก็มองเห็นแล้วว่าบนแผ่นหลังของอสูรดารานั้นมีร่างกายที่ใหญ่ยักษ์กำยำยืนอยู่ด้วยร่างหนึ่ง
มันเป็นร่างของมนุษย์ที่สูงมากกว่าคนทั่วไปสามเท่า แม้ตัวจะเป็นคนแต่หัวเป็นสิงโต มันเปลือยกายท่อนบนอวดมัดกล้ามบึกบึน ช่วงล่างสวมใส่ชุดเกราะทองคำ รอบลำคอห้อยสายสร้อยทองคำที่น่าจะเป็นอุปกรณ์วิเศษบางอย่าง…
ด้านหลังของมันผู้นี้ยังมีลูกสมุนมนุษย์หัวสิงโตยืนอยู่อีกสี่ตัว
ลูกสมุนทั้งสี่แต่งกายไม่ต่างไปจากผู้เป็นหัวหน้าใหญ่ และแต่ละตัวก็ปลดปล่อยพลังกดดันคุกคามออกมาน่าหวาดกลัว
หลินเป่ยเฉินสังเกตเห็นว่าร่างกายของอสูรดารามีลักษณะพิเศษอยู่หนึ่งประการคือ ผิวหนังของมันจะปลดปล่อยคลื่นพลังออกมาต้านทานกับชั้นบรรยากาศ ทำให้เผ่าพันธุ์อสูรสิงโตที่ยืนอยู่บนแผ่นหลังของมันนั้นไม่จำเป็นต้องสวมใส่อุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุเพื่อป้องกันร่างกายเลยแม้แต่ชิ้นเดียว…
นับว่าอสูรดาราเป็นสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจยิ่งนัก
คิดไปคิดมาหลินเป่ยเฉินก็ชักอยากจะลองจับมาขี่หลังดูซะแล้วสิ
“นั่นคือจินอู๋ซู หัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสี่ของมัน… ตัวของจินอู๋ซูนั้นมีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 และองครักษ์ทั้งสี่ของมันก็มีพลังอยู่ในขั้นจอมอสูรศักดิ์สิทธิ์ระดับ 5 เจ้าค่ะ”
หลิงหลิงบอกข้อมูลอย่างหายใจหายคอแทบไม่ทัน
นางเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาเล็กน้อย
เด็กสาวคิดไม่ถึงเลยว่ากำลังเสริมจากตระกูลของตนเองยังมาไม่ถึง แต่พวกศัตรูกลับมาถึงแล้ว
“หันหัวเรือ เร่งความเร็วหลบหนีเดี๋ยวนี้”
เมื่อค้นพบว่าศัตรูที่แท้จริงเป็นผู้ใด หลิงไท่ซือก็รีบปรับเปลี่ยนกลยุทธ์โดยทันที เขาตัดสินใจที่จะไม่เผชิญหน้าและเร่งความเร็วเรือเหาะรุ่งอรุณเพื่อหลบหนีศัตรู
เพราะถึงอย่างไรอสูรดาราก็มีความเร็วไม่เท่าเรือเหาะอยู่แล้ว
แต่ความพยายามทั้งหมดกลับล้มเหลว
เนื่องจากทิศทางที่เรือเหาะรุ่งอรุณกำลังจะมุ่งหน้าไปนั้น ได้ปรากฏอสูรดาราอีกหลายตัวค่อย ๆ โผล่ออกมาจากความมืดมิด
เรือเหาะรุ่งอรุณถูกล้อมไว้หมดแล้ว
ร่างที่ยืนอยู่บนแผ่นหลังของอสูรดาราเหล่านั้นปลดปล่อยพลังปราณสีม่วงออกมาอย่างชัดเจน
เป็นสมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจ
ช่างมากันรวดเร็วเหลือเกิน
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
“ผู้ใดสังหารเพื่อนร่วมเผ่าพันธุ์ของข้า? มันต้องตาย”
เสียงที่ถูกส่งผ่านกระแสจิตดังก้องกังวานในหัวของผู้คน สัมผัสได้ถึงเจ้าของเสียงที่เป็นปีศาจจิตอำมหิต ดวงตาแดงก่ำด้วยความวิปริตกระหายเลือด
หลิงไท่ซือหัวใจตกวูบลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เขาส่งข้อความขอความช่วยเหลือไปแล้ว เหตุไฉนกำลังเสริมจากตะกูลหลิงจึงยังมาไม่ถึงอีก?
บัดนี้ เรือเหาะรุ่งอรุณถูกเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรปิดล้อมไว้หมดแล้ว
ไม่มีหนทางหลบหนี
ไม่มีวิธีถอยหลังกลับ
ทำได้อย่างเดียวคือต่อสู้เท่านั้น
หลิงไท่ซือชำเลืองมองมาที่หลินเป่ยเฉิน
เขารู้สึกโชคดีกับการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของตนเอง
หากเรือเหาะรุ่งอรุณยังพอมีความหวังที่จะอยู่รอดอยู่บ้าง ผู้ที่จะเป็นความหวังนั้นก็คงต้องเป็นหลินเป่ยเฉิน
แต่หลินเป่ยเฉินกำลังแอบสบถคำหยาบอยู่ในใจ
เชี่ยเอ๊ย!
รู้งี้ไม่น่ามาด้วยก็ดีหรอก
ก็ไหนหลิงไท่ซือบอกว่าติดต่อขอกำลังเสริมมาจากตระกูลหลิงแล้วไม่ใช่หรือไง?
“เราคือผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็ก… หลิงไท่ซือ หากเจ้ายินยอมมอบตัวแต่โดยดี วันนี้เจ้าจะไม่ต้องตาย”
อีก ‘เสียง’ หนึ่งดังขึ้นจากด้านขวามือ ทิศทางของเสียงนั้นดังออกมาจากแผ่นหลังของอสูรดาราตัวหนึ่งที่มีพลังปราณสีม่วงปลดปล่อยออกมาอย่างหนาแน่น “เจ้าไม่ได้โชคดีอีกต่อไป กำลังเสริมจากตระกูลหลิงถูกพวกเราฆ่าตายหมดสิ้นแล้ว”
นี่คือประโยคที่ทำให้ผู้คนบนเรือเหาะรุ่งอรุณรู้สึกเย็นเฉียบไปทั้งร่างกาย
หลิงไท่ซือตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย “ปีศาจกับมนุษย์อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้ ต่อให้กำลังเสริมจากตระกูลหลิงถูกฆ่าตายหมดสิ้น ข้าก็จะไม่ยอมมอบตัวกับพวกเจ้าเด็ดขาด”
“งั้นก็ตายซะเถอะ”
ผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กระเบิดเสียงคำรามด้วยความดุดัน
อสูรดาราเคลื่อนกายเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
“คุณชายอวี้เหวิน ครั้งนี้คงต้องรบกวนท่านแล้ว”
หลิงไท่ซือยิ้มออกมาด้วยความขมขื่น
หลินเป่ยเฉินตอบว่า “ไม่มีปัญหา นี่เป็นการตัดสินใจของข้าเอง”
ในภาวะวิกฤต หลินเป่ยเฉินตั้งสมาธิเต็มที่
หลิงไท่ซือมอบโล่ทองคำให้แก่หลิงหลิงพร้อมกับกำชับว่า “หากเจ้าสบโอกาสจงรีบหนีไปซะ หากหนีไม่รอด เจ้าก็ใช้วิชาแผนภูมิจิตสวรรค์ร่วมกับโล่บานนี้ มันจะช่วยทำให้เจ้าจากไปโดยไม่ต้องรับความเจ็บปวด”
หลิงหลิงรับโล่ทองคำไปถือด้วยใบหน้าซีดขาว แต่นางก็ยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “พี่ใหญ่ ข้าจะไม่ทำให้ท่านลำบากใจเด็ดขาด”
หลิงไท่ซือลูบศีรษะน้องสาว ยิ้มแย้มและพยักหน้า
“พวกเราเตรียมตัวสู้”
เขาหันกลับไปตะโกนปลุกใจผู้ติดตามของตนเอง “ผู้คนของคฤหาสน์ตระกูลหลิงไม่เคยมีจิตใจที่ขลาดเขลา วันนี้ ต่อให้พวกเราต้องตาย พวกเราก็จะไม่ขอตกไปอยู่ในกำมือของพวกปีศาจเด็ดขาด… พี่น้องทุกท่าน มีผู้ใดอยากติดตามข้าออกไปต่อสู้จนตัวตายบ้าง?”
“พวกเราสู้!”
“พวกเราสู้!”
“พวกเราสู้!”
กลุ่มองครักษ์ กะลาสีเรือและนักเล่นแร่แปรธาตุบนเรือเหาะรุ่งอรุณระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความตื่นเต้น ร่างกายปลดปล่อยพลังปราณออกมาอย่างรุนแรง
หลินเป่ยเฉินเปิดตัวแชร์สัญญาณไวไฟเป็นครั้งแรก
และเชื่อมต่อพลังกับผู้คนรอบตัวที่เชื่อมั่นในตัวเขา
ยกเว้นแต่เพียงหวังจงกับเจ้าจักจั่นทองคำเท่านั้น
หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็แบ่ง ‘อุปกรณ์’ ที่พกติดตัวมาให้แก่คนอื่น ๆ
นักพรตหญิงชินได้รับปืนอินทรีหิมะ
อากวงได้รับปืนไรเฟิล M24 ซึ่งอานุภาพในการทำลายล้างเป็นรองก็แต่เพียงปืน AWM เท่านั้น
ส่วนเจ้าเสือเสี่ยวหูได้ปืนกลมืออูซี่
นอกจากนี้ ทั้งสามยังได้รับระเบิดมือ ระเบิดเพลิงและระเบิดควันพิษไปอีกคนละลูกสำหรับใช้ในยามฉุกเฉิน
โชคดีที่ทุกคนเคยเข้าไปฝึกฝนวิธีใช้งานอาวุธเหล่านี้ในเกม Lost Castle มาก่อน เพราะฉะนั้น นักพรตหญิงชิน อากวงและเสี่ยวหูจึงคุ้นเคยกับอาวุธเหล่านี้เป็นอย่างดี