เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1617 คำถามที่ไม่อยากตอบ
ตอนที่ 1,617 คำถามที่ไม่อยากตอบ
เมื่อความคิดดำเนินมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็กำลังจะนำโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อเปิดเกม Lost Castle
นำทุกคนเข้าไปหลบอยู่ในโลกแห่งเกมก่อนดีกว่า
จังหวะนั้น…
“ข้าบอกว่าจะไม่สังหารเจ้า แต่เจ้ากลับเปิดฉากโจมตีข้าก่อน”
ดวงตาของปีศาจหญิงเฉาคงเป็นประกายวาวโรจน์ด้วยความโกรธแค้น “เผ่าพันธุ์มนุษย์ควรถูกฆ่าตายไปให้หมด… โทษทัณฑ์ของพวกเจ้าคือความตายสถานเดียว!”
นางกระแทกฝ่ามือออกมาข้างหน้าอีกครั้ง
คลื่นพลังรูปทรงฝ่ามือพุ่งเข้ามาอย่างไม่มีสิ่งกีดขวาง
“ฝากไว้ก่อนเถอะ…”
หลินเป่ยเฉินกำลังจะออกคำสั่งพาทุกคนหลบเข้าไปอยู่ในเกม Lost Castle
แต่ทันใดนั้น…
“ปีศาจสาว มือของเจ้ายาวเกินไปแล้ว”
เสียงคำรามของชายผู้หนึ่งดังขึ้น
ตู้ม!
ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างกระแทกเรือเหาะรุ่งอรุณอย่างรุนแรง ส่งผลให้เรือเหาะสั่นสะเทือนไปทั้งลำ
แล้วมือที่หยาบกร้านข้างหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
มือหยาบกร้านข้างนั้นพลันกระแทกเข้าใส่คลื่นพลังรูปทรงฝ่ามือสีม่วงอย่างรุนแรง
พรึ่บ!
คลื่นพลังรูปทรงฝ่ามือสีม่วงแตกสลายกลายเป็นผุยผง
กำปั้นของมือที่หยาบกร้านข้างนั้นมีคลื่นพลังสีม่วงไหลเวียนอยู่ระหว่างซอกนิ้ว
หลินเป่ยเฉินรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่ามวลพลังกดดันสลายหายไป
ร่างกายที่สูงใหญ่บึกบึนของใครบางคนยืนหยัดอยู่เบื้องหน้าเขา ไม่ต่างไปจากกำแพงเหล็กที่ปลอดภัยที่สุดในโลก คลื่นพลังจากปีศาจหญิงเฉาคงไม่สามารถคุกคามหลินเป่ยเฉินได้อีกแล้ว
ใครอีกล่ะเนี่ย?
จังหวะนั้น เด็กหนุ่มก็ตั้งสติได้และพาพวกของนักพรตหญิงชินถอยหลังออกมาตั้งหลัก
เขายุติแผนการที่จะพาทุกคนเข้าไปหลบอยู่ในเกม Lost Castle ลงก่อนชั่วคราว
เพราะว่าหวังจงกับจักจั่นทองคำเข้าไปไม่ได้
หากไม่ใช่ตัวเลือกสุดท้ายจริง ๆ หลินเป่ยเฉินก็ไม่อยากทิ้งใครไว้ข้างหลัง
“ท่านผู้คุมสภา”
หลิงไท่ซืออุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
“ท่านผู้คุมสภามาแล้ว”
“ประเสริฐ… พวกเราปลอดภัยแล้ว”
กลุ่มองครักษ์ นักเล่นแร่แปรธาตุและกะลาสีเรือของตระกูลหลิงที่ยังมีชีวิตอยู่รอดมาจนถึงขณะนี้ต่างก็ส่งเสียงโห่ร้องออกมาด้วยความดีใจสุดขีด
บุรุษร่างกำยำที่เพิ่งปรากฏกายขึ้นมาผู้นี้ คือผู้ที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหมือนตายแล้วเกิดใหม่
หลินเป่ยเฉินเองก็ได้มีเวลาพักหายใจเช่นกัน
ท่านผู้คุมสภา?
เท่าที่เขาจำได้ อาณาจักรหลิวเยวียนมีระบบการปกครองโดยการก่อตั้งสภาขึ้นมาจากกลุ่มตระกูลใหญ่
และผู้คุมสภาก็มีได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น
นี่คือตำแหน่งที่มีเกียรติยศสูงสุดสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์
ผู้ที่ได้ครอบครองตำแหน่งจำเป็นต้องมีความแข็งแกร่งมากที่สุด
อย่างน้อยก็มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เสียงการระเบิดเกิดขึ้นอีกสามครั้งซ้อน
ทุกคนมองเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านผู้คุมสภากำลังต่อสู้อยู่กับปีศาจหญิงเฉาคงสามกระบวนท่า
พลังทำลายล้างหนักหน่วงรุนแรง
แต่ด้วยความที่พื้นที่ต่อสู้คือดาดฟ้าเรือเหาะรุ่งอรุณ ทั้งสองฝ่ายจึงไม่สามารถระเบิดพลังออกมาได้เต็มที่ แต่ถึงกระนั้น แรงระเบิดก็ทำให้ดาดฟ้าเรือเหาะรุ่งอรุณเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาแล้ว
แต่นี่ไม่เหมือนการต่อสู้ที่หมายมั่นเอาชีวิต
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่านี่เป็นการทักทายระหว่างสหายเก่าต่างหาก
เมื่อการต่อสู้สามกระบวนท่าจบลง ทุกอย่างก็หยุดนิ่ง
ปีศาจหญิงเฉาคงลอยตัวถอยห่างออกไปจากเรือเหาะรุ่งอรุณหลายร้อยวา มือข้างหนึ่งยังคงหิ้วผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็กจากสำนักอัสนีมืดห้อยต่องแต่งอยู่กลางอากาศ
นางไม่สนใจที่จะต่อสู้อีกแล้ว
เพราะปีศาจหญิงเฉาคงหันมาจ้องมองหลินเป่ยเฉินด้วยความโกรธแค้น ก่อนที่นางจะถอนสายตากลับไปพร้อมกับกล่าวว่า “เฟิงเสี่ยวไป๋ เจ้าถึงกับทิ้งเมืองหลันจี๋ซิงออกมาเพียงลำพัง ฮ่า ๆๆ แสดงว่าเรือเหาะรุ่งอรุณลำนี้ คงมีความสำคัญต่อพวกเจ้ามากสินะ?”
“ฮ่า ๆๆ บัดนี้ องค์หญิงไข่มุกขาวได้มาถึงเมืองหลันจี๋ซิงแล้ว องค์ชายจากดินแดนเกิงจินก็อยู่ที่นั่นด้วย แล้วข้ายังมีอันใดให้เป็นกังวลอีก? ว่าแต่เจ้าเถอะ เฉาคง เจ้าทิ้งกองทัพของตนเองเพื่อเดินทางมาที่นี่ กว่าเจ้าจะกลับไปอีกครั้ง กองทัพของเจ้าก็คงพ่ายแพ้หมดสิ้นแล้วกระมัง”
เสียงของท่านผู้คุมสภาดังกังวานไปทั่วชั้นบรรยากาศอันกว้างใหญ่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
“หืม? ช่างบังเอิญเสียจริง? เพราะองค์หญิงของพวกข้าก็เพิ่งกลับมาเช่นกัน แล้วองค์หญิงของพวกเจ้าจะไปมีค่าอันใด”
ปีศาจหญิงเฉาคงตอบกลับมาด้วยสีหน้าเย็นชา
แต่ในหัวใจที่แท้จริงต่างฝ่ายต่างก็ตื่นตระหนกไม่น้อย
เพราะพวกเขารับทราบแล้วว่าสถานการณ์ภายในอาณาจักรหลิวเยวียนคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
“เฟิงเสี่ยวไป๋ ไว้พบกันใหม่อีกครั้งในสนามรบ”
ปีศาจหญิงเฉาคงระเบิดเสียงหัวเราะ ก่อนจะหายตัววับไปในความมืดพร้อมกับผู้เฒ่าปีศาจกำปั้นเหล็ก
ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมปีศาจจักรพรรดิสามารถเดินทางผ่านชั้นบรรยากาศได้โดยไม่ต้องใช้ตัวช่วยใด ๆ
ลมหายใจต่อมา พลังกดดันบนเรือเหาะรุ่งอรุณก็สลายตัวลงโดยสมบูรณ์
ทุกคนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
พวกเขาไม่เคยเฉียดใกล้ความตายมากถึงเพียงนี้มาก่อน
หลิงไท่ซือรีบก้าวเดินออกไปข้างหน้า คุกเข่าลงข้างเดียวและประสานมือทำความเคารพด้วยความตื่นเต้น “ข้าน้อยหลิงไท่ซือจากตระกูลหลิง ขอทำความเคารพท่านผู้คุมสภาขอรับ”
“ทำตัวตามสบายเถอะ อย่าได้มากพิธีไปเลย”
เฟิงเสี่ยวไป๋พูดออกมาในที่สุด
หลินเป่ยเฉินอาศัยจังหวะนี้พิจารณาใบหน้าของอีกฝ่ายโดยละเอียด
เฟิงเสี่ยวไป๋เป็นชายวัยกลางคนที่มีผิวเข้มกร้านแดด จมูกโด่ง ริมฝีปากบาง คิ้วหนา ตาโตเป็นประกายสดใสราวกับดวงดาวบนท้องนภา
หากจะให้หลินเป่ยเฉินหาคำจำกัดความสำหรับชายวัยกลางคนผู้นี้ ลักษณะของเฟิงเสี่ยวไป๋ก็จะเป็นจอมยุทธ์เจ้าสำนักผู้แข็งแกร่งและรักในความยุติธรรม ซึ่งสามารถพบเห็นได้ในนิยายกำลังภายในทั่วไป
เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในสภาขุนนางแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนกลับมีบุคลิกเป็นเช่นนี้เอง
หลินเป่ยเฉินอดประหลาดใจไม่ได้จริง ๆ
ภาพลักษณ์ของชายวัยกลางคนแตกต่างจากสิ่งที่หลินเป่ยเฉินคาดคิดมากมายหลายเท่า
จังหวะนั้น เฟิงเสี่ยวไป๋ก็หันหน้ามองมาที่เขาพอดี
“ท่านคงเป็นหลินเป่ยเฉินแล้วกระมัง?”
ในแววตามีความเคลือบแคลงสงสัยอยู่ไม่น้อย
หลินเป่ยเฉินหยุดชะงัก นี่แสดงว่าอีกฝ่ายคงได้ยินชื่อเสียงของเขามาบ้าง หลินเป่ยเฉินจึงรีบประสานมือคำนับด้วยความนอบน้อมพร้อมกับตอบรับว่า “ผู้ต่ำต้อยขอคารวะท่านผู้คุมสภา ขอบคุณที่ช่วยชีวิตข้าน้อยเอาไว้ขอรับ”
เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
นี่เขายังไปไม่ถึงไหนเลยด้วยซ้ำ แล้วผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนเคยได้ยินชื่อเสียงของเขาได้อย่างไร?
ปรากฏว่าผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมจักรพรรดิของทั้งเผ่าพันธุ์มนุษย์และเผ่าพันธุ์ปีศาจต่างก็รู้จักหลินเป่ยเฉินหมดสิ้น
ตอนแรกหลินเป่ยเฉินก็ยังงุนงงอยู่พอสมควร แต่คิดไปคิดมา เขาก็เดาเอาว่าเรื่องนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับหลิงเฉินแน่นอน
เฟิงเสี่ยวไป๋พลันยิ้มแย้มอย่างใจดี ผงกศีรษะและหัวเราะเล็กน้อย ก่อนกล่าวว่า “ประเสริฐ ประเสริฐจริง ๆ ท่านสามารถรับฝ่ามือของเฉาคงได้ถึงสามส่วน ในกลุ่มผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ของอาณาจักรหลิวเยวียน ไม่มีผู้ใดแข็งแกร่งถึงเพียงนี้อีกแล้ว”
หลิงไท่ซือผู้ยืนอยู่ด้านข้างพลันเบิกตาโตด้วยความเหลือเชื่อ
การที่ท่านผู้คุมสภาจะเอ่ยปากชื่นชมใครสักคนนั้น นั่นต้องเป็นบุคคลที่มีความพิเศษจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินถูกยกย่องให้เป็นผู้ฝึกยุทธ์รุ่นใหม่ที่แข็งแกร่งที่สุดในอาณาจักรหลิวเยวียนเชียวหรือ!
นี่คือตำแหน่งที่ยิ่งใหญ่นัก
หลินเป่ยเฉินมีความเหมาะสมจริงหรือไม่?
แต่เมื่อหลิงไท่ซือนึกถึงการแสดงฝีมือของหลินเป่ยเฉินก่อนหน้านี้… ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีผู้ใดสามารถแข่งขันกับเด็กหนุ่มได้แล้วจริง ๆ
เฟิงเสี่ยวไป๋หันหน้ากลับไปจ้องมองยังท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป
“นั่นมันเรือเหาะหยางเว่ยของท่านข้าหลวงใหญ่เหยียนอวี้หลงไม่ใช่หรือ ไม่ทราบว่ามันมาอยู่ในมือของน้องหลินได้อย่างไร?”
ชายวัยกลางคนถามอีกครั้ง
หลิงไท่ซือกับหลินเป่ยเฉินต่างก็สะดุ้งโหยงเมื่อได้ยินคำถามข้อนี้
หลิงไท่ซือสะดุ้งเพราะได้ยินท่านผู้คุมสภาเรียกหาหลินเป่ยเฉินเป็น ‘น้องหลิน’ เพราะเท่าที่เขาจำความได้ เฟิงเสี่ยวไป๋ไม่เคยเรียกขานผู้ใดอย่างสนิทสนมถึงขั้นนี้มาก่อน
แต่เหตุผลที่หลินเป่ยเฉินสะดุ้งนั้นเป็นเพราะว่า…
เขาแทบไม่รู้จักเฟิงเสี่ยวไป๋เลย
หลินเป่ยเฉินจะตอบตามความจริงดีไหมว่า ที่เรือเหาะหยางเว่ยมาอยู่กับเขาได้นั้น ก็เป็นเพราะว่าเขาฆ่าเหยียนอวี้หลงตายไปแล้ว
แต่หากตอบออกไปเช่นนั้นจริง ๆ ท่านผู้คุมสภาจะลงโทษเขาถึงตายหรือไม่?