เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1624 เขากล้าดีอย่างไร
ตอนที่ 1,624 เขากล้าดีอย่างไร
แม้แต่อี้ซูหนานก็ยังต้องชื่นชมในความงามของนักพรตหญิงชิน
หากในโลกนี้มีบุรุษหนุ่มรูปงามที่พร้อมชักกระบี่ออกมาเพื่อปกป้องนางเช่นที่หลินเป่ยเฉินปกป้องนักพรตหญิงชิน อี้ซูหนานจะเป็นอย่างไร?
อี้ซูหนานย่อมยินดีร้องไห้เพื่อเขา หัวเราะเพื่อเขาและจะอยู่เคียงข้างเขาไปตลอดชีวิต
อี้ซูหนานจะไม่มีทางแยกจากเขาไปเด็ดขาด
หลินเป่ยเฉินเดินหายเข้าไปในห้องพักของตนเองครู่ใหญ่ ก่อนจะกลับออกมาพร้อมด้วยโต๊ะหนึ่งตัวและเก้าอี้อีกสองตัว เด็กหนุ่มนำโต๊ะและเก้าอี้มาตั้งอยู่ที่โถงทางเดินหน้าห้องพัก เก้าอี้ตัวหนึ่งสำหรับตนเอง เก้าอี้อีกตัวสำหรับนักพรตหญิงชิน และบนโต๊ะก็วางไว้ด้วยกระบี่ทองคำเล่มหนึ่ง
เช่นเดียวกับกระถางธูปที่มีธูปปักอยู่หนึ่งดอก
ฮั่วหานซานบอกไว้แค่ก้านธูปเดียว เขาก็เตรียมไว้ก้านธูปเดียวจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินรอคอยด้วยความอดทน
รอคอยการมาถึงของกลุ่มคนตระกูลฮั่ว
ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!
โลหิตไหลทะลักออกมาจากบาดแผลของฮั่วหานซานราวน้ำตก พวกมันรวมตัวเป็นแอ่งเลือดขนาดใหญ่บนพื้นหน้าประตูห้อง
โถงทางเดินที่วุ่นวายชุลมุนอยู่เมื่อสักครู่พลันเงียบสงบลง
ตึก! ตึก! ตึก!
ได้ยินเสียงฝีเท้าผู้คนก้าวเดินเข้ามา
คนกลุ่มแรกที่มาถึงคือผู้รักษาความปลอดภัยประจำโรงเตี๊ยมต้าเฟิง
อิ๋นซานเปียวผู้ดูแลประจำชั้นที่สามสิบสาม รีบวิ่งเข้ามาตามโถงทางเดินด้วยความตื่นตระหนกและเมื่อพบเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาก็แทบเป็นลมหมดสติไปทันที
ฮั่วหานซานและเจิ้นหรู่อี้ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ที่ทางกองทัพส่งมาดูแลคุณชายฮั่วต่างก็ถูกกระบี่ปักติดอยู่บนประตูห้องพักไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกาย ส่วนองครักษ์อีกคนอย่างหวงไหเว่ยก็ได้แต่ยืนพิงกำแพงใบหน้าขาวซีด…
นี่ถือเป็นเรื่องใหญ่หลวงแล้ว
“นี่มัน…”
อิ๋นซานเปียวพยายามฝืนยิ้มขณะหันไปมองหน้าหลินเป่ยเฉิน “คุณชายหลิน เหตุไฉนจึงต้องเกรี้ยวกราดถึงเพียงนี้ ใจเย็นก่อนดีไหมขอรับ มีอะไรก็ค่อย ๆ พูดค่อย ๆ คุยกัน… พวกเรารีบนำตัวคุณชายฮั่วลงมาก่อน”
กลุ่มผู้ดูแลความปลอดภัยของโรงเตี๊ยมต้าเฟิงที่อยู่ด้านหลังกำลังจะก้าวเท้าออกมาข้างหน้า
วูบ!
ทันใดนั้น ลำแสงกระบี่สาดประกายวูบ
มือของผู้ดูแลคนหนึ่งที่กำลังจะยื่นเข้าไปช่วยเหลือฮั่วหานซานลงมาจากประตูพลันถูกลำแสงกระบี่ฟันเข้าใส่จนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ต้องรีบล่าถอยออกมาทันที
“ใครขยับ… ตาย”
หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าเย็นชาและอำมหิต
อิ๋นซานเปียวหัวใจเต้นรัวเร็ว ไม่สามารถฝืนยิ้มได้อีกต่อไป “คุณชายหลิน นี่เป็นเรื่องราวใดกันแน่ พวกเราสามารถ…”
“ไม่ได้”
หลินเป่ยเฉินปฏิเสธโดยไม่ต้องคิด “ท่านรู้จักข้าหรือไม่?”
“ย่อมรู้จักขอรับ ย่อมรู้จัก ผู้ต่ำต้อยเคยได้ยินชื่อเสียงอันเกรียงไกรของคุณชายมาแล้ว คุณชายสังหารปีศาจระดับสูงไปถึงสามตน สังหารพวกเผ่าพันธุ์อสูรระดับสูงไปอีกสิบเอ็ดตัวและองครักษ์ของทั้งสองเผ่าพันธุ์อีกสามสิบกว่าชีวิต ในจำนวนศัตรูที่คุณชายสังหารทิ้งไปนั้น ถึงกับมีหัวหน้าฝูงอสูรสิงโตทองคำจินอู๋ซูและสี่องครักษ์ของมันรวมอยู่ด้วย…”
อิ๋นซานเปียวพยายามคลี่คลายสถานการณ์ด้วยน้ำเสียงอันนอบน้อม
“ในเมื่อท่านรู้จักข้า ท่านก็คงทราบดีว่าข้ามีความแข็งแกร่งเพียงใด แล้วท่านยังอยากจะขวางทางข้าอีกหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยกขาขึ้นมานั่งชันเข่าข้างหนึ่งและวางแขนไว้บนหัวเข่าของตนเอง “ใครก็ตามที่คิดช่วยเหลือฮั่วหานซานก็จะถือเป็นศัตรูของข้าโดยทันที และข้าก็ไม่เคยมีความเมตตาต่อศัตรูอยู่แล้ว…”
สีหน้าของอิ๋นซานเปียวแข็งค้างไปในพริบตา
หลินเป่ยเฉินจ้องมองผู้ดูแลและกล่าวต่อไปว่า “หากท่านไม่เชื่อ จะลองดูก็ได้ เดี๋ยวจะหาว่าข้าไม่เตือน”
อิ๋นซานเปียวรู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วไขสันหลัง แม้แต่หัวสมองก็ไม่ต่างไปจากกำลังแช่อยู่ในลำธารน้ำแข็ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาสบสายตากับหลินเป่ยเฉิน สายตาของเด็กหนุ่มก็ไม่ต่างไปจากคมกระบี่ที่ทิ่มแทงหัวใจผู้คน ทำให้ผู้คนหายใจลำบากขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“พวกเราถอยไปซะ ถอยออกไปก่อน”
อิ๋นซานเปียวโบกมือออกคำสั่งต่อผู้ติดตามด้วยความตื่นตระหนก
จังหวะนั้น เจ้าหน้าที่สาวอี้ซูหนานอดไม่ได้ต้องแอบไปกระซิบข้างหูนักพรตหญิงชินว่า “แม่นางชิน คงมีท่านเพียงผู้เดียวที่สามารถเกลี้ยกล่อมคุณชายหลินได้ หากเรื่องราวดำเนินเช่นนี้ต่อไป รับรองว่าคุณชายหลินต้องเดือดร้อนใหญ่หลวงแน่นอน”
นักพรตหญิงชินหันกลับมามองหน้าอี้ซูหนานผู้ที่กำลังตื่นตระหนก และถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “เจ้ามีบุรุษที่เจ้ารักหรือไม่?”
อี้ซูหนานหยุดชะงัก นึกถึงหวานใจในวัยเยาว์ขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว สองแก้มของนางกลายเป็นสีแดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อย “ย่อมต้องมี”
นางไม่ทราบเลยว่าเหตุไฉนนักพรตหญิงชินจึงได้ถามคำถามนี้ออกมา
ทันใดนั้น รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนักพรตหญิงชิน ก่อนที่นางจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “งั้นข้าจะบอกเรื่องราวสองประการให้เจ้ารู้”
“ประการแรก ในเมื่อเจ้าเลือกแล้ว เจ้าก็ต้องรักษาบุรุษผู้นั้นเอาไว้ให้ดี”
นักพรตหญิงชินหยุดชะงักเล็กน้อยเพื่อจ้องมองเข้ามาในดวงตาของอี้ซูหนาน “ประการที่สอง เมื่อบุรุษที่เจ้ารักชักกระบี่ออกมาเพื่อปกป้องเจ้า เจ้าก็ต้องคอยสนับสนุนเขาแทนที่จะขัดขวาง เพราะนี่คือความภาคภูมิใจและศักดิ์ศรีของบุรุษ”
บัดนี้ อี้ซูหนานยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยความตกตะลึง
แม้ว่านางจะเป็นสตรีเพศเช่นกัน แต่อี้ซูหนานก็รู้สึกว่าตนเองหลงเสน่ห์ของนักพรตหญิงชินเข้าให้เสียแล้ว
เพล้ง!
ทันใดนั้น หน้าต่างที่อยู่สุดโถงทางเดินพลันแตกกระจาย
มันไม่สมควรแตกกระจายได้เพราะเป็นหน้าต่างที่สร้างม่านพลังปิดกั้นอย่างหนาแน่น
ร่างของคนผู้หนึ่งทิ้งตัวลงมายืนอยู่ในโถงทางเดิน
ฮั่วหานซานผู้ถูกกระบี่เสียบติดอยู่กับบานประตูห้องพักเงยหน้าขึ้นและเมื่อพบเห็นผู้มาใหม่ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายระยิบระยับด้วยความดีใจ
เป็นพี่ชายของเขาเอง ฮั่วหานช่วน
“หานซาน...”
ฮั่วหานช่วนสวมใส่ชุดเกราะสีเลือดหมู ผ้าคลุมสีเดียวกันปลิวไสวอยู่ทางด้านหลัง เช่นเดียวกับเส้นผมสีแดงที่แผ่สยาย ร่างกายของเขาปลดปล่อยพลังกดดันคุกคามผู้คน เห็นได้ชัดว่าฮั่วหานช่วนมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 แล้ว
เป็นพลังกดดันที่แฝงด้วยความโกรธแค้นเกรี้ยวกราดอยู่หลายส่วน
หวงไหเว่ย อี้ซูหนานและคนอื่น ๆ รู้สึกหายใจไม่ออกขึ้นมาทันที ราวกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่ยักษ์กำลังสุมทับอยู่บนหน้าอก
เมื่อฮั่วหานช่วนปรากฏตัวและพบเห็นสภาพของฮั่วหานซานที่ถูกกระบี่ปักติดอยู่บนประตู เขาก็ระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเคียดแค้นว่า “หลินเป่ยเฉิน เจ้ากล้าดีอย่างไรมาทำร้ายน้องชายของข้า ข้าจะทำให้เจ้า…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ฟิ้ว!
เสียงที่แปลกประหลาดก็ดังขึ้น
แล้วศีรษะของฮั่วหานช่วนก็ระเบิดกระจายไปทันที
โลหิตสาดกระเซ็นราวกับเป็นดอกไม้ไฟสีแดงสดที่ระเบิดตัวบนท้องฟ้ายามราตรี
คลื่นพลังกดดันคุกคามผู้คนสลายตัวลงไปอย่างรวดเร็ว
ตุบ!
ศพไร้ศีรษะล้มลงบนพื้นทางเดิน
“เฮอะ เป็นแค่ตัวประกอบ ทำเปิดตัวยิ่งใหญ่ไปได้”
หลินเป่ยเฉินยกปลายกระบอกปืน AWM ขึ้นเป่า รู้สึกร้อนปากเล็กน้อย พลังปราณปีศาจของฟ่านหรู่เมิ่งที่เก็บอยู่ในแขนซ้ายของเขานั้นถูกใช้งานออกไปหมดสิ้น แต่โชคดีที่ก่อนหน้านั้น หลินเป่ยเฉินได้ถ่ายเทพลังบรรจุเป็นลูกกระสุนเอาไว้เรียบร้อย ด้วยเหตุนี้ ปืน AWM ของเขาจึงยังมีลูกกระสุนหลงเหลืออยู่อีกหกนัด
และปืนทุกกระบอกของเขาก็มีกระสุนบรรจุพร้อมสำหรับการใช้งานเช่นกัน
แม้เป็นกระสุนชุดสุดท้าย แต่เพียงเท่านี้ก็น่าจะพอแล้ว
ฮั่วหานซานเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
หัวใจเกาะกุมด้วยความตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
ท่านพี่ตายแล้ว!
พี่ชายของเขาเป็นผู้ที่ฝึกสายเลือดผู้แปรธาตุ มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 6 และเป็นนักรบชั้นแนวหน้าของกองทัพชิงเหยียน แต่เพียงเผชิญหน้ากับหลินเป่ยเฉิน ยังไม่ทันได้พูดจบประโยคด้วยซ้ำ ศีรษะก็ต้องระเบิดกระจายไปเสียแล้ว
เขากล้าดีอย่างไร?
หลินเป่ยเฉินคิดว่าตนเองยิ่งใหญ่มาจากไหน?
หรือว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ที่มีปัญหาทางสมองจริง ๆ?
ร่างกายที่ถูกปักติดอยู่บนประตูของฮั่วหานซานพลันสั่นระริกขึ้นมาแล้ว!!