เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1645 โลหิตพิสุทธิ์
ตอนที่ 1,645 โลหิตพิสุทธิ์
สามารถจินตนาการได้เลยว่านานมาแล้ว สงครามได้เคยอุบัติขึ้นในเมืองตงหยาง
กาลเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายพันปี กลิ่นไอการฆ่าฟันและการต่อสู้ที่ดุเดือดได้กระจายหายไปหมดสิ้น
แต่ร่องรอยยังคงเหลืออยู่
ความหวังของหลินเป่ยเฉินที่จะเข้ามาหาสมบัติของมีค่าในเมืองนี้ต้องพังทลาย
เพราะในเมืองตงหยาง ไม่มีสิ่งใดเลยนอกจากซากปรักหักพัง
ไม่มีทองคำ ไม่มีเงิน ไม่มีอัญมณี ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์
ไม่มีแม้แต่โครงกระดูกคนตาย
หลินเป่ยเฉินใช้แอปไป่ตู้ แมปกดค้นหาคำว่าโลหิตพิสุทธิ์
“หืม? ในเมืองตงหยางมีอยู่ด้วยแฮะ”
เมื่อเห็นพิกัดเป้าหมายอยู่บนหน้าจอแผนที่ เด็กหนุ่มก็ยิ้มร่าด้วยความดีใจ ก่อนจะรีบขี่มอเตอร์ไซค์นำลูกสมุนออกเดินทางทันที
เส้นทางที่ปรากฏบนแผนที่ไม่มีอันตรายคอยขัดขวาง
ดังนั้น เด็กหนุ่มจึงสามารถบิดคันเร่งโดยใช้ความเร็วเต็มพิกัด
ในที่สุด เด็กหนุ่มก็เข้าไปถึงใจกลางเมือง
สิ่งที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเขาคือหลุมลึกขนาดใหญ่ ลักษณะเหมือนเป็นหลุมจากการตกของอุกกาบาต หลินเป่ยเฉินลงจากมอเตอร์ไซค์เดินเข้าไปยืนก้มมองด้านในหลุมลึกนั้น เขามองไม่เห็นเลยว่าหลุมนี้ลึกมากมายเพียงใด แต่หลุมยักษ์แห่งนี้จะมีหมอกขาวลอยขึ้นมาตลอดเวลา
โครงกระดูกผีทั้งเก้าตัวแสดงอากัปกิริยาร้อนรน
พวกมันอยู่ไม่สุข เหมือนหวาดกลัวอะไรบางอย่างที่ซ่อนอยู่ในหลุมยักษ์นั้น จนพวกมันไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้
“พวกเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่แหละ”
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งใช้ความคิดเล็กน้อย ก็ออกคำสั่งต่อลูกสมุนของตนเอง หลังจากนั้น เด็กหนุ่มก็กระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์บิดคันเร่งเเล่นไปตามเส้นทางข้างหลุมยักษ์ทะลุกลุ่มหมอกขาวในอากาศ
ทำไมเขาถึงต้องขี่มอเตอร์ไซค์?
ก็เพราะว่ามันเร็วมากกว่าการวิ่ง
และการขี่มอเตอร์ไซค์ของเขาก็ทำให้พวกโครงกระดูกผีทั้งเก้าเคารพเลื่อมใสหลินเป่ยเฉินเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านนักรบ”
“ท่านผู้แข็งแกร่ง”
“เขาคือพี่ใหญ่ของพวกเรา”
บรรดาโครงกระดูกผีหันไปสื่อสารกันผ่านทางพลังจิต
ในสถานการณ์นี้ พวกมันพบเหตุผลที่จะติดตามเป็นทาสรับใช้หลินเป่ยเฉินมากกว่าเพื่อหวัง ‘กระดูก’ แล้ว
สมาชิกเผ่าพันธุ์ปีศาจมักบูชาผู้แข็งแกร่งและผู้กล้าหาญเสมอ
…
แว้น!
เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ดังกระหึ่ม
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจขี่มอเตอร์ไซค์ลงไปในหลุมยักษ์นั้น
เด็กหนุ่มคิดไม่ถึงเลยว่าพื้นที่ด้านในหลุมยักษ์กลับมีขนาดกว้างใหญ่คล้ายสนามฟุตบอล
หมอกขาวในอากาศหายไปแล้ว
เมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้า หลินเป่ยเฉินก็ต้องเบิกตาโตขึ้นมาทันที
โครงกระดูกสีขาวกองทับถมสูงเป็นภูเขาขนาดใหญ่
แม้ว่าเขาจะลงมาสู่ก้นหลุมยักษ์ แต่อากาศกลับปลอดโปร่ง สิ่งที่น่ากลัวเพียงอย่างเดียวในพื้นที่นี้ ก็คือภูเขาจากกองกระดูกมนุษย์นี่เอง…
หลินเป่ยเฉินเดินไปหยุดยืนอยู่หน้ากองภูเขาโครงกระดูกและเงยหน้ามองขึ้นไป
เขามองไม่เห็นด้านบน
โครงกระดูกมีหลากหลายขนาดและรูปทรง เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่โครงกระดูกของสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เดียว ดังนั้นโครงกระดูกจึงมีหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูกสีทองคำ โครงกระดูกสีเงิน โครงกระดูกสีม่วง โครงกระดูกสีแดง โครงกระดูกสีขาว… สีสันที่แตกต่างกันเหล่านี้ทำให้พวกมันแทบไม่ต่างไปจากแปลงดอกไม้ที่สวยงาม…
หลินเป่ยเฉินเกือบจะตกอยู่ในมนต์สะกด
เขาสะบัดหัวกะโหลกสีม่วงของตนเองและพิจารณารายละเอียดต่อไป
โครงกระดูกหลากหลายสีสันเหล่านี้ปลดปล่อยม่านพลังออกมาปิดกั้นหมอกขาว ทำให้พื้นที่ก้นหลุมสะอาดปลอดโปร่ง
เมื่อดูจากข้อมูลในแอปไป่ตู้ แมป...
“โลหิตพิสุทธิ์อยู่ด้านบนกองกระดูกนี่เอง…”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจออกมา
เขาเก็บโทรศัพท์ อยากจะปีนขึ้นไปบนกองกระดูกเหล่านี้
แต่ปีนด้วยมือด้วยเท้ามันลำบากมากเกินไป
ในเมื่อแอปไป่ตู้ แมปไม่ได้แจ้งเตือนว่าพื้นที่นี้มีอันตราย เพราะฉะนั้น เขาจึงไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกแล้ว
แว้นนน!
หลินเป่ยเฉินบิดคันเร่งนำมอเตอร์ไซค์ไต่ขึ้นไปบนกองภูเขาโครงกระดูก
หลังจากนั้นไม่นาน
เขาก็นำมอเตอร์ไซค์ขึ้นไปจอดอยู่ด้านบนสุดของภูเขาโครงกระดูก
“ให้ตายเถอะ”
หลินเป่ยเฉินจอดรถและสูดหายใจลึก
ภูเขาโครงกระดูกมีความสูงเท่ากับตึกหกชั้น และสิ่งที่กำลังรองรับน้ำหนักตัวทั้งของเขาและมอเตอร์ไซค์อยู่นั้นก็ไม่ใช่พื้นดินหินผา แต่เป็นหัวกะโหลกขนาดใหญ่ยักษ์ของสิ่งมีชีวิตไม่ทราบสายพันธุ์
“อย่างกับพวกหัวกะโหลกมังกรเลยแฮะ”
หลินเป่ยเฉินอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
แค่หัวกะโหลกก็ใหญ่แล้ว
โครงกระดูกเจ้าของหัวกระโหลกหัวนี้อาจจะมีขนาดใหญ่โตเท่ากับตึกหลายชั้นก็เป็นได้
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินตกใจมากที่สุดกลับเป็นร่างของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหัวกะโหลกยักษ์หัวนี้
เขาเป็นชายวัยกลางคนร่างกายกำยำ ใบหน้าขาวสะอาด หลับตาสนิท สองมือวางอยู่บนหัวเข่า อิริยาบถกำลังพักผ่อน
รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากร่างของชายวัยกลางคน
กระบี่เงินจำนวนหนึ่งถูกปักลงสู่หัวกะโหลกยักษ์ล้อมรอบกายชายวัยกลางคนผู้นี้
คนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ใช่เป็นหนึ่งในสมาชิกคณะเดินทางสำรวจสุสานที่เข้ามาพร้อมกับเขาหรือไม่?
ไม่ใช่
ต้องไม่ใช่แน่ ๆ
เพราะพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของชายวัยกลางคนสูงล้ำกว่าขั้นจอมเทพจักรพรรดิ
และชุดเกราะที่สวมใส่นั้น… ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นชุดเกราะโบราณ
ชายวัยกลางคนผู้นี้ต้องเป็นยอดฝีมือจากยุคล่มสลายอย่างแน่นอน
หลินเป่ยเฉินยืนนิ่งใช้ความคิด
หากเป็นเช่นนี้ ชายผู้นี้ก็น่าจะมีอายุหลายพันปีแล้วน่ะสิ
เขาจะแข็งแกร่งขนาดไหนกันนะ?
ว่าแต่ตายแล้วจริง ๆ ใช่ไหมหว่า?
หลินเป่ยเฉินเพ่งตาสำรวจด้วยความระมัดระวัง
ปรากฏว่าถึงร่างกายชายวัยกลางคนจะยังปลดปล่อยพลังกดดันคุกคามออกมา แต่เขาก็ไม่มีลมหายใจอีกแล้ว
พิกัดของโลหิตพิสุทธิ์ที่แอปไป่ตู้ แมปนำทางพามาหา ก็คือร่างกายของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงผู้นี้เอง
หรือว่า…
หลินเป่ยเฉินเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยทันที
คนผู้นี้ตายมาหลายพันปีแล้ว
แต่ยามที่ยังมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเขามีพลังสูงส่งมากเกินไป เมื่อตายไปแล้ว ศพจึงยังไม่เน่าเปื่อย
และภูเขาโครงกระดูกแห่งนี้ก็คงเป็นผลงานการสังหารก่อนตายของเขานั่นเอง
หลินเป่ยเฉินอดตกตะลึงไม่ได้
เขารีบกระโดดลงจากมอเตอร์ไซค์และเดินเข้าไปหยุดยืนห่างจากร่างของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงประมาณสิบก้าว
เมื่อได้เห็นในระยะใกล้ เด็กหนุ่มก็ยิ่งได้รับรู้ถึงความน่ากลัวของคนผู้นี้
ร่างกายกำยำมีสง่าราศี
ชุดเกราะสีแดงดูน่าเกรงขาม
“ข้าพเจ้าหลินเป่ยเฉินทายาทจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ ขอคารวะท่านผู้อาวุโส”
หลินเป่ยเฉินยุติการแปลงโฉมจากแอปเมจิก คาเมร่า ก่อนจะประสานมือคำนับศพของชายวัยกลางคนด้วยความนอบน้อม
เขากำลังจะมาดูดพลังจากอีกฝ่าย จึงสมควรให้ความเคารพไปโดยปริยาย
คนตายไปแล้ว แต่ความน่าเกรงขามยังคงอยู่
ดูอย่างต้วนอี้ องค์ชายแห่งต้าหลี่จากนิยายเรื่องแปดเทพอสูรมังกรฟ้านั่นปะไร กว่าจะได้ม้วนผ้าแพรที่เป็นคัมภีร์วิชาท่าเท้าท่องคลื่นมาครอบครอง เขาก็ยังต้องโขกศีรษะคำนับรูปปั้นพี่นางฟ้าตั้งหลายร้อยครั้ง
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็ค่อย ๆ ก้าวเดินออกไปข้างหน้า เตรียมพร้อมที่จะดูดซับมวลพลังโลหิตพิสุทธิ์ออกมาจากศพของอีกฝ่าย
แต่ทันใดนั้นเอง…
พรึบ!
ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงพลันลืมตาขึ้นมา
แววตาของเขาเป็นประกายดุร้ายยิ่ง!