เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1646 ภาพอดีต
ตอนที่ 1,646 ภาพอดีต
เชี่ย แกล้งตายเหรอวะเนี่ย?
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ
สายตาของชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงราวกับจะมองทะลุไปถึงหัวใจตับไตไส้พุงของหลินเป่ยเฉิน ถึงกระนั้น ร่างกายของชายวัยกลางคนก็ยังคงแข็งค้าง เส้นผมไม่กระดิกแม้แต่เส้นเดียวและยังคงไม่มีลมหายใจเล็ดลอดออกมา
“หนึ่งกระบี่ในใต้หล้า กลืนวิญญาณผลาญผู้คน กาลเวลาเวียนวน พลังคนพ้นเทพเซียน”
เสียงกระซิบแผ่วเบาดังออกมาจากปากของชายวัยกลางคน
แล้วกระบี่เงินที่ปักอยู่รอบกายของเขาก็สั่นไหว
ลำแสงสีขาวระเบิดเจิดจ้าออกมาจากตัวกระบี่
ภูเขาโครงกระดูกสั่นสะเทือน
มวลอากาศปั่นป่วน ได้ยินเหมือนเสียงวิญญาณร้องไห้คร่ำครวญ เช่นเดียวกับเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้นนับไม่ถ้วน
หมอกขาวที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่นอกเขตภูเขาโครงกระดูกเกิดความปั่นป่วนโกลาหล
ไม่ต่างจากหม้อน้ำที่กำลังเดือดปุด
หลินเป่ยเฉินเองก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาไม่น้อย
ในลมหายใจต่อมา เขารู้สึกเพียงแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างกลายเป็นภาพพร่ามัว สภาพแวดล้อมรอบกายแปรเปลี่ยนไป เสียงแห่งการฆ่าฟันดังกระหึ่ม
หลินเป่ยเฉินเหมือนย้อนผ่านกาลเวลาสู่ครั้งอดีตโบราณกาล
เมืองร้างย้อนคืนกลับสู่สภาพของเมืองที่เจริญรุ่งเรือง ไม่ต่างจากฉากที่เห็นในภาพยนตร์
เป็นเมืองตงหยาง!
และผู้ที่ยืนอยู่บนกำแพงเมืองก็คือชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดง ข้างกายเขายืนเรียงรายด้วยเผ่าพันธุ์มนุษย์ในชุดนักรบจำนวนนับไม่ถ้วน สีหน้าของทุกคนเคร่งเครียด รอคอยการมาถึงของกองทัพศัตรู…
แล้วความเปลี่ยนแปลงก็บังเกิดขึ้น
บนท้องฟ้าเหนือเมืองตงหยาง รอยแตกร้าวสีม่วงพลันปรากฏ
ไม่สิ
นั่นไม่ใช่รอยแตกร้าว
แต่เป็นดวงตาขนาดใหญ่ต่างหาก
หลินเป่ยเฉินไม่เคยพบเห็นดวงตาขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อน
เขาจินตนาการไม่ออกเลยว่าสิ่งมีชีวิตชนิดใดกันนะที่จะมีดวงตาใหญ่โตถึงเพียงนี้
เป็นดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคลื่นพลังกดดัน
ทันใดนั้น กองทัพปีศาจและอสุรกายจำนวนนับไม่ถ้วนก็บุกโจมตีเมืองตงหยาง
“พวกเราสู้…”
“ต่อให้ต้องตาย พวกเราก็ต้องปกป้องเมืองตงหยางให้จงได้”
“ฆ่ามัน”
นักรบเผ่าพันธุ์มนุษย์บนกำแพงเมืองแผดเสียงคำราม
พวกเขามีความกล้าหาญ ไม่ยอมหลบหนี
ม่านพลังคุ้มครองกำแพงเมืองถูกเปิดการใช้งาน
สงครามอุบัติขึ้น
นี่คือสงครามที่น่าเศร้า
ปีศาจจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นมาหลากหลายเผ่าพันธุ์ พวกมันมีเปลวไฟสีม่วงลุกโชนทั่วร่างกาย จำนวนกองทัพปีศาจถาโถมเข้ามามืดฟ้ามัวดินราวกับสายน้ำไหล
แต่อย่างไรก็ตาม ชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงและผู้ติดตามของเขาก็ไม่เคยหลบหนี พวกเขายืนหยัดปักหลักต่อสู้อยู่กับกองทัพปีศาจด้วยความกล้าหาญ
ณ บริเวณหน้ากำแพงเมือง ซากศพของเผ่าพันธุ์อสูรกองทับถมเป็นภูเขาขนาดใหญ่
แต่ฝ่ายมนุษย์ก็ต้องสูญเสียกำลังพลไปไม่น้อยเช่นกัน
ทว่า ขวัญกำลังใจของทุกคนยังแข็งแกร่ง
ทันใดนั้น ประตูเมืองก็ถูกพังทลาย
ความโกลาหลเกิดขึ้นทันที ส่งผลให้บรรดานักรบที่ประจำการอยู่บนกำแพงเมืองเกิดความตื่นตระหนกสุดขีด
“พวกปีศาจทองคำมันบุกเข้ามาแล้ว”
ใครบางคนร้องตะโกนออกมา
หลังจากนั้น กลุ่มคนที่สวมใส่ชุดเกราะทองคำก็ปรากฏกายขึ้นมา พวกมันมีลักษณะเหมือนกับมนุษย์ทุกประการ แต่ในมือถือดาบขนาดใหญ่ กลุ่มมนุษย์ในชุดเกราะทองคำปีนป่ายขึ้นไปบนกำแพงเมืองและสังหารเหล่านักรบที่ประจำการอยู่บนนั้นตกตายดั่งใบไม้ร่วง
ยอดฝีมือหลายท่านไม่ทันตั้งตัวรับการโจมตี กระบี่จึงหลุดออกไปจากมืออย่างง่ายดาย…
ม่านพลังคุ้มครองกำแพงเมืองถูกสลายลงไป
กองทัพปีศาจสามารถบุกเข้ามาได้โดยสะดวก
พลัน วิหคยักษ์ตัวหนึ่งก็ปรากฏกายขึ้นบนท้องฟ้า แล้วมันก็เหยียบเท้าลงไปบนประตูหินของเมืองตงหยาง
“ที่แท้ก็เป็นรอยเท้าของนกตัวนี้ ไม่ใช่รอยมืออย่างที่เราเข้าใจ…”
หลินเป่ยเฉินหัวใจกระตุกวูบ
นี่คือร่องรอยที่เขาพบเห็นบนประตูเมืองก่อนหน้านี้
ภาพที่หลินเป่ยเฉินกำลังเห็นอยู่นี้ คือภาพสงครามในยุคล่มสลายครั้งที่สองใช่หรือไม่?
เมืองตงหยางแตกแล้ว
กองทัพปีศาจหลั่งไหลเข้ามา
ชาวเมืองถูกฆ่าตายนับไม่ถ้วน โลหิตไหลนองเป็นสายน้ำ
เกิดการต่อสู้ขึ้นทุกหนทุกแห่งในเมืองตงหยาง
แม้จะมีกลุ่มนักรบคอยคุ้มครอง แต่ชาวเมืองก็ต้องเสียชีวิตไปเป็นจำนวนมหาศาล
มนุษย์ในยุคสมัยนี้มีร่างกายที่อ่อนแอยิ่งนัก
แต่กลุ่มนักรบและนายทหารก็ไม่เคยถอยหนี
“ฆ่ามัน ฆ่าพวกมันให้หมด”
“หากเมืองตงหยางถูกตีแตก เมืองซูฉวนก็ไม่รอดเช่นกัน”
“กองทัพตงหยาง ขอสู้จนตัวตาย”
“ข้ามีนามว่าฉางหยาง บัดนี้ ขอต่อสู้เพื่อแก้แค้นให้แก่บิดาของข้า ฮ่า ๆๆ”
ท่ามกลางเสียงร้องตะโกนและการฆ่าฟัน เหล่ายอดฝีมือของเผ่าพันธุ์มนุษย์ก็พยายามต้านทานกองทัพปีศาจอย่างสุดกำลัง เห็นได้ชัดว่าชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีแดงคือผู้ที่มีพลังสูงสุดในเมืองแห่งนี้
ในยุคสมัยแห่งการล่มสลายครั้งที่สอง มนุษย์เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตเผ่าพันธุ์เล็ก ๆ เท่านั้น
โดยเฉพาะในยุคสมัยแห่งสงคราม เผ่าพันธุ์มนุษย์มีดินแดนสำหรับอยู่อาศัยเพียงสองแห่งเท่านั้น หนึ่งคือเมืองตงหยาง สองคือเมืองซูฉวน จำนวนประชากรคงลดลงไปเก้าจากสิบส่วน และในห้วงเวลาแห่งวิกฤตเช่นนี้ สตรีและเด็กน้อยก็คือความหวังแห่งอนาคตของพวกเขา
“ปีศาจทองคำกับพวกเราเป็นพันธมิตรกันมาช้านาน พวกเราอุตส่าห์ยึดถือพวกเจ้าเป็นพี่น้อง ไม่สำนึกบุญคุณยังไม่เป็นไร แต่ถึงกับมาทรยศกันเช่นนี้ นับว่าให้อภัยไม่ได้อีกแล้ว”
นักรบผู้เป็นชายชราหนวดขาวผมขาวลอยตัวขึ้นไปในอากาศและต่อสู้กับปีศาจทองคำสี่ตัวด้วยความดุดันเหี้ยมโหด ศีรษะของปีศาจทองคำขาดกระเด็น แขนขาถูกตัดกระจัดกระจาย
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
บุตรชายของนักรบชราท่านนั้นระเบิดเสียงคำรามออกมาด้วยความเกรี้ยวกราด
เขามีนามว่าเจียงชางหยาง เป็นนายทหารหนุ่มผู้ที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างสูงในกองทัพตงหยาง ระดับพลังแข็งแกร่ง อนาคตสดใส แต่บัดนี้ เขากำลังนำทัพของตนเองออกมาต้านทานกองทัพของปีศาจทองคำ สุดท้าย นายทหารหลายร้อยคนก็ถูกเหยียบย่ำกลายเป็นกองเลือดเนื้ออยู่นอกกำแพงเมืองนั้นเอง…
“ท่านพ่อ พี่ใหญ่…”
หญิงสาวในชุดเหลืองร่ำไห้อยู่ในตัวเมือง น้ำตาไหลอาบแก้ม ก่อนที่จะมีนายทหารกลุ่มหนึ่งเข้ามาอารักขานางหลบหนีไป
อสูรร่างยักษ์จำนวนนับไม่ถ้วนบุกตะลุยเข้ามาในตัวเมือง
อาคารบ้านเรือนพังถล่มทลายลงไปต่อหน้าต่อตาผู้คน
“ฆ่าพวกมันให้หมด!”
หัวหน้ากลุ่มปีศาจทองคำเป็นบุรุษร่างสูงใหญ่สวมใส่ชุดเกราะทองคำ มันดึงดาบออกมาจากหน้าอกของนักรบมนุษย์ผู้หนึ่งและออกคำสั่งต่อไป
“อย่าให้พวกมนุษย์มีชีวิตอยู่รอดได้แม้แต่คนเดียว”
ในที่สุด กลุ่มนักรบก็สามารถอารักขาบรรดาสตรีและเด็กเล็กไปจนถึงบริเวณประตูมิติซึ่งหลงเหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งในตัวเมืองได้สำเร็จ