เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1652 องค์ชายหลิงปะทะภูตอเวจี
ตอนที่ 1,652 องค์ชายหลิงปะทะภูตอเวจี
ใบหน้าเปียกชุ่มไปด้วยโลหิต กระดูกทั่วกายแตกหัก ผิวหนังเป็นบาดแผลฉกรรจ์ จนสามารถมองเห็นอวัยวะที่อยู่ภายในได้เช่นเดียวกับกระดูกที่แทงทะลุออกมาจากใต้ผิวหนัง…
มีเพียงส่วนศีรษะของเขาเท่านั้นที่ยังสมบูรณ์ดี
ทว่า ลักษณะของอวี้เหวินซิวเซียนก็ไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว
“ภูตอเวจี?”
องค์ชายหลิงเยวียนหลงยิ้มเล็กน้อย ก่อนถามว่า “เจ้าคิดว่าตัวโง่เขลาจากตระกูลฮั่วพวกนั้นจะสามารถขัดขวางข้าได้หรือ?”
เขายกมือขึ้นสูง
ตุบ! ตุบ! ตุบ! ตุบ!
แล้วศพคนตายจำนวนมากก็ตกลงไปในห้องเก็บโครงกระดูก
ล้วนแต่เป็นสมาชิกจากตระกูลฮั่วที่เข้ามาสำรวจสุสานทั้งสิ้น
แม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่อย่างฮั่วเซินเซี่ยก็รวมอยู่ในซากศพเหล่านี้ด้วย ปรากฏว่าชายชราเสียชีวิตมาได้พักใหญ่แล้ว
อวี้เหวินซิวเซียนหรี่ตาลงเล็กน้อย
ลักษณะการตายของสี่ผู้เฒ่าจากตระกูลฮั่วค่อนข้างแปลกประหลาด
ไม่มีบาดแผลบนซากศพ ไม่มีโลหิตไหลทะลัก
เห็นได้ชัดว่าแผนการขัดขวางองค์ชายหลิงเยวียนหลงล้มเหลวไม่เป็นท่า
“เจ้าคงอยากจะให้ข้าสังหารคนตระกูลฮั่วจนโลหิตไหลทะลักลงบนพื้นดินของสุสาน เมื่อถึงตอนนั้น วิญญาณปีศาจแห่งสนามรบจำนวนมากก็จะถูกปลุกขึ้นมาจากความตาย… นับว่าแผนการของเจ้าช่างอำมหิตยิ่งนัก”
องค์ชายหลิงเยวียนหลงยังคงยิ้มด้วยความสบายใจ
เขาจ้องมองอวี้เหวินซิวเซียนผู้ยืนอยู่ด้านตรงข้ามและกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงเนิบนาบว่า “น่าเสียดายที่เจ้าคำนวณพลาดไปหนึ่งอย่างคือ ข้าเองมองแผนการนี้ทะลุปรุโปร่งตั้งแต่แรก”
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงเงียบ
เงียบเหมือนคนตาย
องค์ชายหลิงเยวียนหลงกล่าวต่อไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ข้าควรจะเรียกเจ้าว่าหัวหน้ากลุ่มภูตอเวจี แต่น่าเสียดายที่เจ้าโง่เขลามากเกินไป เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าคนจากสภาขุนนางแห่งเมืองหลันจี๋ซิงจะพลาดท่าเสียทีให้แก่ตระกูลฮั่ว นี่คือลูกไม้ที่ตื้นเขินมากเกินไป เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าข้าอาจจะสงสัยในตัวคนตระกูลฮั่วอยู่แล้วก็เป็นได้?”
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงเงียบ
โลหิตยังคงไหลทะลัก ปีศาจหนุ่มยังคงหอบหายใจ
องค์ชายหลิงเยวียนหลงกล่าวต่อไป “เจ้าคิดว่าตนเองไม่ต้องทำสิ่งใดเลย แค่รอให้พวกตระกูลฮั่วทำตามแผนการก็พอแล้ว เจ้าแกล้งปล่อยให้อวี้เหวินซิวเซียนถูกจับกุม เพื่อที่พวกเราจะได้นำตัวเขามายังที่ซ่อนกระดูกอาถรรพ์ และเจ้าก็จะแฝงตัวเข้ามาด้วย แต่ช่างน่าเศร้าที่แผนการของเจ้าถูกข้าอ่านออกตั้งแต่แรก วันนี้เกาะกระดองเต่าคือกับดักที่จะกักขังเจ้าไปตลอดกาล เจ้าซ่อนตัวอยู่ในร่างของอวี้เหวินซิวเซียนคงไม่สามารถหลบหนีได้อีกแล้วกระมัง?”
อวี้เหวินซิวเซียนยังคงนิ่งเงียบ
กล้ามเนื้อบนลำตัวเกร็งกระตุก กระดูกที่แตกหักก็เริ่มย้อนกลับคืนตำแหน่งเดิมอย่างช้า ๆ และภายใต้ม่านพลังสีม่วงของปราณปีศาจ ร่างกายของอวี้เหวินซิวเซียนก็เริ่มกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
แต่เพียงพริบตาเดียว อวี้เหวินซิวเซียนก็กลับกลายร่างเป็นสตรีนางหนึ่ง
สตรีผู้มีรูปโฉมงดงามอย่างหาตัวจับยาก
กลุ่มม่านพลังสีม่วงเข้มห่อหุ้มร่างกายอันเปลือยเปล่าปกปิดจุดสำคัญของร่างกาย แต่ถึงกระนั้น มันก็ยังไม่อาจซ่อนเร้นความสวยงามเฉิดฉายที่ไม่แพ้หลิงเฉินแม้แต่น้อย
มิหนำซ้ำ ด้วยคลื่นพลังแห่งปราณปีศาจ สตรีผู้นี้จึงดูเย้ายวนใจและมีเสน่ห์มากกว่าหลิงเฉินเสียอีก
“เจ้าแน่ใจหรือว่าสามารถอ่านแผนการของข้าได้ทะลุปรุโปร่ง?”
นางจ้องมองไปที่องค์ชายหลิงเยวียนหลงและหัวเราะเยาะ “เจ้าพูดมากเกินไปแล้ว เห็นได้ชัดว่าเจ้ากำลังปิดบังอะไรบางอย่าง เพราะฉะนั้น คนที่สามารถอ่านแผนการของข้าได้นั้นต้องไม่ใช่เจ้า…”
เมื่อกล่าวมาถึงตรงนี้ สายตาของหญิงสาวก็เลื่อนมาจับจ้องที่ร่างของหลิงเฉิน ริมฝีปากสีม่วงของนางบิดตัวเป็นรอยยิ้มขณะถามว่า “ไม่แปลกใจเลยที่คนผู้นั้นจะชื่นชอบเจ้ามากมายถึงเพียงนี้ ฮ่า ๆๆ หากข้าเดาไม่ผิด คนที่สามารถอ่านแผนการของข้าได้ คือเจ้าใช่หรือไม่?”
ไม่มีคำตอบจากปากของหลิงเฉิน
ลักษณะของภูตอเวจีผู้นี้เหมือนคนวิกลจริต
และที่สำคัญ เมื่อสักครู่นี้ นางเกือบจะถูกฆ่าตายแล้ว เหตุไฉนจึงฟื้นคืนพลังกลับขึ้นมาได้อีก?
ทั้ง ๆ ที่นางได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีด้วยอาวุธเล่นแร่แปรธาตุระดับ 70 อย่างค้อนคว่ำนภา
แต่ในที่สุด หลิงเฉินก็ค้นพบอะไรบางอย่าง
ในห้องเก็บโครงกระดูกอาถรรพ์ คลื่นพลังจากโครงกระดูกผลึกแก้วในห้องนั้นกำลังไหลรินเข้าสู่ร่างของภูตอเวจีผู้นี้อย่างต่อเนื่อง แต่กระแสพลังนั้นอยู่ในลักษณะคลื่นพลังเบาบาง หากไม่สังเกตดูดี ๆ ก็จะมองไม่เห็นเด็ดขาด
ภูตอเวจีได้รับพลังเสริมจากโครงกระดูกใช่หรือไม่?
หัวใจของหลิงเฉินกระตุกวูบ
ดูเหมือนว่าท่านลุงของนางจะพูดมากเกินไปจริง ๆ นั่นทำให้ภูตอเวจีมีเวลารวบรวมพลังฟื้นฟูร่างกายกลับขึ้นมาใหม่แล้ว
แต่ทุกอย่างยังไม่สายเกินไป
หลิงเฉินรีบนำวัตถุมโนหิรัญออกมาใช้งาน
นางยกมือขึ้น
แล้ววัตถุรูปทรงหยดน้ำสีเงินบนฝ่ามือของนางก็เปลี่ยนแปลงรูปทรงกลายเป็นหน้าไม้คันหนึ่ง
ฟิ้ว!
เสียงลูกศรเงินถูกยิงออกไป
ในเวลาเดียวกันนี้
ภูตอเวจีสาวไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนไหว นางเพียงเงยหน้ามองขึ้นมาเท่านั้น
ลูกศรเงินพุ่งเข้าไปปักกลางหว่างคิ้วของภูตอเวจีสาว แต่นางไม่ได้มีทีท่าว่าจะได้รับบาดเจ็บใด ๆ เลย
“สาวน้อย เจ้า…”
ภูตอเวจีสาวยิ้มเล็กน้อย พลัน สีหน้าก็แปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
เพราะว่าลูกศรเงินได้พุ่งทะลุศีรษะของนางไปทางด้านหลังและเพิ่มความเร็วขึ้นมุ่งตรงไปยังโครงกระดูกผลึกแก้วที่ลอยตัวอยู่เบื้องหลังภูตอเวจีสาวอีกที
เจตนาของหลิงเฉินไม่ได้คิดโจมตีภูตอเวจีสาวตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เป้าหมายของนางคือการทำลายโครงกระดูกอาถรรพ์ต่างหาก!!
ดวงตาของภูตอเวจีสาวพลันเป็นประกายด้วยความตื่นตระหนก
นางรีบหมุนตัวกลับไป เอื้อมมือขวาพยายามคว้าจับลูกศรเงินนั้นกลับมา
คลื่นพลังสีม่วงระเบิดออกไปจากร่างกายของภูตอเวจี แล้วคลื่นพลังนั้นก็ห่อหุ้มลูกศรเงิน ก่อนนางจะค่อย ๆ ลากมันกลับหลังมาหาตนเองอย่างแช่มช้า
“เสด็จลุง!!”
หลิงเฉินร้องตะโกน
องค์ชายหลิงเยวียนหลงรีบโคจรพลัง ค้อนคว่ำนภาในมือถูกขว้างปาออกไปอีกครั้ง ค้อนวิเศษพุ่งตัวเป็นลำแสง ตรงเข้าไปหาภูตอเวจีสาวด้วยความแม่นยำ
ภูตอเวจีสาวพลันยกมือซ้ายขึ้นมา
คว้าจับค้อนคว่ำนภาด้วยมือเปล่า
องค์ชายหลิงเยวียนหลงหัวเราะเยาะ
ทันใดนั้น เขาก็เขียนอักขระโบราณในอากาศเพื่ออัญเชิญแผ่นยันต์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาสองแผ่น
ในสำนักผู้แปรธาตุ องค์ชายหลิงเยวียนหลงมีความชำนาญเรื่องการใช้แผ่นยันต์เล่นแร่แปรธาตุมากที่สุด
เขาสะบัดฝ่ามือและกระแทกแผ่นยันต์ออกมาข้างหน้า
วูบ!
แผ่นยันต์เปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปครอบคลุมค้อนคว่ำนภา
ในลมหายใจต่อมา ค้อนคว่ำนภาก็ระเบิดลำแสงเจิดจ้า
ตัวค้อนเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง
พรึ่บ!
แล้วมือซ้ายของภูตอเวจีสาวก็ระเบิดกระจายกลายเป็นม่านหมอกเลือด
เหตุการณ์ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในระหว่างที่นางพยายามจะดึงลูกศรเงินกลับมา
ฟิ้ว!
ทันใดนั้น ลูกศรเงินหลุดออกจากการควบคุมของภูตอเวจีสาว
มันพุ่งออกไปข้างหน้า
นี่คือความเปลี่ยนแปลงที่ภูตอเวจีสาวคิดไม่ถึง
ปึก!
ลูกศรเงินพุ่งเข้าไปเสียบอยู่ที่กลางหว่างคิ้วของโครงกระดูกอาถรรพ์
เปรี๊ยะ!
ได้ยินเหมือนเสียงแก้วกำลังแตกร้าว
แล้วรอยแตกร้าวเหมือนเส้นผมหลายเส้นก็ปรากฏขึ้นบนหัวกะโหลกของโครงกระดูกอาถรรพ์
รอยแตกร้าวลุกลามอย่างช้า ๆ
จากนั้นจึงลุกลามอย่างรวดเร็ว
หัวกะโหลกเต็มไปด้วยรอยแตกร้าว
บัดนี้ กาลเวลาคล้ายกับหยุดนิ่ง
ภูตอเวจีสาวมีสีหน้าตกตะลึง…
แววตาของหลิงเฉินเป็นประกายด้วยความโล่งใจ…
รอยยิ้มดีใจปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฟิงเสี่ยวไป๋และพรรคพวก…