เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1657 หุ่นประกอบทั้งเก้า
ตอนที่ 1,657 หุ่นประกอบทั้งเก้า
บรรดาโครงกระดูกผีทั้งเก้ามารวมตัวกันยังจุดที่หลินเป่ยเฉินบอกด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี
หากองค์ชายหลิงเยวียนหลงกับพวกของเฟิงเสี่ยวไป๋จำได้ว่าโครงกระดูกผีทั้งเก้าเหล่านี้เป็นพวกเดียวกับที่เคยมาช่วยเหลือภูตอเวจีสาว รับรองว่าเป็นได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน
ว่าแต่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ให้กับโครงกระดูกผีพวกนี้อย่างไรดีนะ?
ตอนที่หลินเป่ยเฉินยังอยู่โลกมนุษย์ใบเก่า เขาเป็นโอตาคุคนหนึ่ง
และโอตาคุก็มักจะชื่นชอบการประกอบโมเดลหุ่นยนต์เสมอ
เมื่อใช้เวลารวบรวมความคิดอยู่สักครู่ เขาก็เริ่มเดินเข้าไปดัดแปลงร่างกายโครงกระดูกผีทีละตัว
กระบวนการไม่มีสิ่งใดซับซ้อน
ไม่ต่างอะไรจากการประกอบชิ้นส่วนโมเดลหุ่นยนต์
ดึงชิ้นส่วนตรงนี้ออกมา ใส่ชิ้นส่วนตรงนั้นเข้าไป
การดัดแปลงร่างกายของโครงกระดูกผีไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะระดับสูง ขอแค่ให้กระดูกข้อต่อเชื่อมติดกันก็พอแล้ว
ทุกอย่างยิ่งง่ายขึ้นเมื่อพวกมันใช้ปราณปีศาจในการดำรงชีวิต หลินเป่ยเฉินเพียงโคจรพลังปราณปีศาจเล็กน้อย กระดูกทุกชิ้นก็ยึดติดกันอย่างเหนียวแน่น
บัดนี้ ในพื้นที่เก็บไฟล์ออนไลน์ของแอปสวิ่นเล่ยมีชิ้นส่วนกระดูกมากมายอยู่ในนั้น หลินเป่ยเฉินสามารถนำชิ้นส่วนกระดูกสีสันต่าง ๆ ออกมาประกอบร่างใหม่เป็นรูปทรงตามที่ตนเองต้องการ
ผ่านไปสองชั่วยาม
ทุกสิ่งทุกอย่างถูกจัดการเสร็จเรียบร้อย
รูปลักษณ์ของโครงกระดูกผีทั้งเก้าตัวแปรเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หากในโลกนี้เคยมีผู้ที่รับชมภาพยนตร์เรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์มาก่อน พวกเขาก็จะต้องจดจำได้ทันทีว่ารูปร่างหน้าตาของโครงกระดูกผีทั้งเก้าตัวได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นหุ่นยนต์ที่ชื่อ ‘ออปติมัส ไพรม์’ ไปเรียบร้อยแล้ว
พวกมันทุกตัวมีหน้าตาเหมือนกันทั้งหมด
แตกต่างเพียงความสูงเท่านั้น
และระดับความแข็งแกร่งก็จะเป็นไปตามความสูงต่ำของพวกมัน
แต่หลินเป่ยเฉินสามารถรับประกันได้เลยว่า เจ้าโครงกระดูกทั้งเก้าตัวเมื่อได้รับการดัดแปลงร่างกายแล้ว พลังในการต่อสู้ของพวกมันก็เพิ่มมากขึ้นเป็นสองเท่า
“จอมปีศาจจักรพรรดิสองตัว จอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ตอนปลายเจ็ดตัว…”
หลินเป่ยเฉินลองทดสอบขั้นพลังของลูกสมุนทั้งเก้าและหัวใจก็พองโตอย่างมีความสุข
เมื่อมีพวกมันเป็นองครักษ์อยู่ข้างกาย หากไม่ต้องต่อสู้กับองค์ชายหลิงเยวียนหลง หลินเป่ยเฉินก็ไม่ต้องหวาดเกรงผู้ใดอีกแล้ว
แต่ถึงกระนั้น หลินเป่ยเฉินก็ยังรู้สึกไม่ไว้วางใจอยู่ดี
เขานำกระป๋องสเปรย์ย้อมผมที่ซื้อมาใช้งานก่อนหน้านี้ออกมาพ่นสีไปตามร่างกายของเจ้าโครงกระดูกที่กลายเป็นหุ่นยนต์ทั้งเก้า
ในไม่ช้า การพ่นสีก็ผ่านพ้นไป
บัดนี้ หุ่นโครงกระดูกทั้งเก้าแบ่งแยกออกเป็นสามกลุ่มสามสี ซึ่งประกอบไปด้วยกลุ่มสีแดง กลุ่มสีเหลืองและกลุ่มสีน้ำเงิน
หลินเป่ยเฉินตั้งชื่อให้พวกมันอย่างเรียบง่ายว่า แดง 1 แดง 2 แดง 3 เหลือง 1 เหลือง 2…
ไปจนถึงน้ำเงิน 3
ในกลุ่มหุ่นทั้งเก้าตัว เจ้าแดง 1 มีพลังแข็งแกร่งมากที่สุด หากเทียบกับพลังของมนุษย์ มันก็คงอยู่ในขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิระดับ 2 แล้ว
ร่างกายประกอบไปด้วยกระดูกสามร้อยห้าสิบสี่ชิ้น กระดูกหน้าอกมีขนาดใหญ่โตและแข็งแกร่ง พละกำลังกายก็แข็งแกร่งไม่ต่างไปจากจอมเทพจักรพรรดิเช่นกัน
เมื่อตั้งชื่อให้พวกมันเสร็จสิ้น หลินเป่ยเฉินก็ตัดสินใจป้องกันความเสี่ยงขั้นที่สาม ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้าย
เขาใช้แอปเมจิก คาเมร่าแต่งเสริมความน่าเกรงขามให้แก่หุ่นประกอบทั้งเก้าตัวของตนเอง
“เพียงเท่านี้ ก็คงไม่มีผู้ใดมองออกอีกแล้วมั้งว่าพวกเจ้าเคยเป็นโครงกระดูกผีมาก่อน?”
เด็กหนุ่มถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ความจริง ในแอปไป่ตู้ เน็ตดิสก์ก็ยังเก็บหุ่นยนต์หมายเลข 1 อยู่ด้วยซ้ำ
แต่หุ่นยนต์ตัวนั้นที่เคยสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงในแผ่นดินตงเต้า เมื่อมันมาอยู่ต่างภพภูมิ อานุภาพการทำลายล้างจึงเทียบไม่ได้เลยกับหุ่นประกอบใหม่ทั้งเก้าตัวของหลินเป่ยเฉิน
“เกือบหมดเวลาแล้วสินะ”
หลินเป่ยเฉินคำนวณเวลาปิดสุสานและรู้ดีว่าตนเองต้องรีบออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
หากไม่รีบออกไป มีหวังคงได้กลายเป็นผีเฝ้าสุสานแน่ ๆ
หลังจากนั้น หลินเป่ยเฉินก็เปิดแอปไป่ตู้ แมปและขี่มอเตอร์ไซค์ไปตามเส้นทางที่ปรากฏ
เด็กหนุ่มเร่งความเร็วเต็มที่
และด้วยพลังที่เพิ่มมากขึ้นของหุ่นประกอบทั้งเก้าตัว พวกมันจึงสามารถวิ่งตามมาทันโดยไม่มีปัญหา
และเมื่อเกือบจะถึงทางออก หลินเป่ยเฉินก็เก็บมอเตอร์ไซค์ ก่อนกระโดดขึ้นไปยืนอยู่บนหัวไหล่ของหุ่นประกอบยักษ์ตัวที่สูงที่สุด หลังจากนั้น เขาก็มุ่งหน้าไปยังทางออกของสุสานใต้ดิน
ความรู้สึกไร้น้ำหนักครอบคลุมร่างกาย
หลังจากนั้นไม่นาน
หุ่นประกอบยักษ์ก็กระโดดออกมาจากปากทางเข้าถ้ำใต้ดิน
“ได้กลับออกมาแล้วโว้ย!”
หลินเป่ยเฉินสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยรอบกาย จึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก สภาพจิตใจผ่อนคลายมากขึ้น
แต่แล้วในอากาศพลันเต็มไปด้วยม่านพลังสีฟ้าอ่อน แทบไม่ต่างไปจากตอนที่อยู่ในสุสานใต้ดิน ต้องใช้เวลาหลายอึดใจทีเดียว กว่าที่หลินเป่ยเฉินจะแน่ใจว่าตนเองออกมาจากสุสานใต้ดินแล้ว
ครืน!
ได้ยินเสียงแผ่นดินสะเทือนดังมาจากด้านข้าง
หลินเป่ยเฉินหันหน้าไปมอง
แล้วเขาก็ได้เห็นว่าสิ่งที่เป็นปากทางเข้าถ้ำใต้ดินได้พังถล่มลงไป และเพียงพริบตาเดียวเท่านั้น ก็เริ่มมีสายน้ำไหลทะลักขึ้นมาจากใต้ดิน…
ทะเลสาบที่แห้งเหือดไปก่อนหน้านี้กำลังจะกลับมาเติมเต็มอีกครั้ง
ก้นทะเลสาบมีสายน้ำเนืองนอง
หลินเป่ยเฉินเดินไปยืนอยู่ริมทะเลสาบ แล้วก็อดถอนหายใจไม่ได้กับภาพที่เกิดขึ้น
นี่คือความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ธรรมชาติคือสิ่งที่ทรงพลังที่สุดเสมอ ปรากฏการณ์เช่นนี้ แม้แต่ผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราก็ยังไม่สามารถกระทำได้
ทางเข้าสุสานใต้ดินถูกปิดผนึกอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินนึกสงสัยอยู่ว่าหากเขาขุดดินทั้งวันทั้งคืนอย่างไม่ย่อท้อ เขาจะพบเจอที่ตั้งของสุสานโบราณอีกครั้งหรือไม่
เด็กหนุ่มยืนกวาดสายตาสำรวจอยู่ข้างทะเลสาบ
ไม่มีสัญญาณของผู้คน
“น่าแปลกแฮะ ตามที่เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงบอกเอาไว้ พวกขององค์ชายหลิงน่าจะซุ่มอยู่แถวนี้นี่นา ทำไมเราถึงรู้สึกเหมือนไม่มีคนอยู่เลยนะ?”
“ชักไม่ชอบมาพากลแล้วสิ เฟิงเสี่ยวไป๋เป็นห่วงเราซะขนาดนั้น ไม่มีทางที่เขาจะไม่อยู่รอรับเราแน่ ๆ หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคณะเดินทางของหลิงเฉินตอนที่กลับออกมา?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น
เขาเปิดใช้การนำทางของแอปไป่ตู้ แมป ก่อนกระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซค์และนำหุ่นประกอบทั้งเก้ามุ่งหน้าตรงไปยังทิศทางที่ตั้งของเมืองหลันจี๋ซิง
ครึ่งชั่วยามผ่านไป
เด็กหนุ่มหยุดมอเตอร์ไซค์
เพราะว่าท้องถนนเบื้องหน้ากลายสภาพเป็นสนามรบ
การรบสิ้นสุดลงแล้ว
กองกำลังของทั้งสองฝ่ายแยกย้ายสลายตัว
แต่บนพื้นดินยังคงถูกย้อมไปด้วยโลหิต เปลวไฟยังคงเผาไหม้ซากศพของทหาร ซึ่งโดยส่วนใหญ่แล้วก็เป็นทหารของเผ่าพันธุ์มนุษย์
หลินเป่ยเฉินมองเห็นธงรบถูกทิ้งจมอยู่ในกองเลือด
ธงรบเสียหาย แต่คำว่าต้าเฟิงยังมองเห็นได้ชัดเจน
กองทัพต้าเฟิง!
ใจของหลินเป่ยเฉินกระตุกวูบ
นี่คือธงรบของกองทัพที่แข็งแกร่งที่สุดจากสี่ทัพหลวง เป็นศูนย์รวมของนายทหารชั้นนำคนสำคัญในการปกป้องเมืองหลันจี๋ซิงตลอดมา
ไม่นานมานี้ พวกเขาก็เพิ่งเอาชนะกองทัพปีศาจจากสมรภูมิแม่น้ำเทียนซุยมาได้ไม่ใช่หรือ?
แต่บัดนี้เล่า?
เห็นได้ชัดว่าพ่ายแพ้
นายทหารในกองทัพถูกกวาดล้างทั้งหมดหรือไม่?
หลินเป่ยเฉินเริ่มเกิดสังหรณ์ร้ายขึ้นในหัวใจ