เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1663 บุกงานเลี้ยง
ตอนที่ 1,663 บุกงานเลี้ยง
ทันใดนั้น ฮั่วเซวียนเซินหันกลับมามองที่สหายของตนเองทั้งสองคนและยิ้มเล็กน้อย “ข้าลืมบอกไปเลยว่าเมื่อวานนี้ฮั่วเจี้ยนหลินยอมเปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นเผ่าพันธุ์ปีศาจแล้ว และเขามีผู้อาวุโสใหญ่ท่านหนึ่งคอยดูแลเป็นอย่างดี รับรองว่าภายในอีกสิบปีหลังจากนี้ ฮั่วเจี้ยนหลินจะต้องเป็นยอดปีศาจอันดับหนึ่ง พวกเจ้ารีบทำดีกับเขาไว้เสียตั้งแต่ตอนนี้เถอะนะ”
ทันใดนั้น
เสียงพูดคุยก็ดังอื้ออึงในงานเลี้ยง
“เปลี่ยนเผ่าพันธุ์เป็นปีศาจอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อได้รับทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับฮั่วเจี้ยนหลิน แขกผู้มีเกียรติจำนวนมากก็รู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาทันที เพราะมีไม่มากนักที่ผู้ย้ายเผ่าพันธ์จะได้รับการดูแลโดยผู้อาวุโสใหญ่จากเผ่าพันธุ์ปีศาจ และเมื่อเป็นเช่นนั้น คนผู้นั้นก็จะต้องกลายเป็นยอดฝีมืออนาคตไกลอย่างแน่นอน!!
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ไม่เคยมีมนุษย์ผู้ใดได้รับสิทธิพิเศษเช่นนี้มาก่อน
เพราะฉะนั้น ทุกคนจึงคิดไม่ถึงเลยว่าบุตรชายคนที่สองของฮั่วเซวียนเซินอย่างฮั่วเจี้ยนหลินจะมีวาสนาดีถึงเพียงนี้
และภายใต้การจับจ้องมองของผู้คนนับไม่ถ้วน ฮั่วเจี้ยนหลินก็ค่อย ๆ เดินขึ้นมาบนเวทีหยุดยืนอยู่ข้างกายฮั่วเซวียนเซินผู้เป็นบิดา
ฮั่วเจี้ยนหลินเป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบปี ร่างกายสูงโปร่ง ผมสีม่วงเข้มยาวสลวย ดวงตาสีม่วงเป็นประกายระยิบระยับราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
ผมสีม่วง ดวงตาสีม่วง นี่คือสัญลักษณ์ของเผ่าพันธุ์ปีศาจ!
แต่เส้นผมและดวงตาของฮั่วเจี้ยนหลินเป็นสีม่วงเด่นชัดมากเกินไป จนมันแผ่รังสีอะไรบางอย่างออกมา ทำให้ผู้คนไม่กล้าที่จะจ้องมองโดยตรง
เห็นได้ชัดว่าฮั่วเจี้ยนหลินกำลังจะกลายเป็นปีศาจระดับสูงแล้วจริง ๆ
คงซืออวี้กับเซินซือเฉินเมื่อเห็นเช่นนี้ หัวใจก็ตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม แล้วก็อดฝืนยิ้มออกมาไม่ได้
ตระกูลฮั่วนับว่าน่าสนใจจริง ๆ
ครั้งนี้มีการวางแผนอย่างรอบคอบรัดกุม
โชคดีที่บุตรชายคนโตของฮั่วเซวียนเซินอย่างฮั่วเจี้ยนป๋อได้ถูกหลินเป่ยเฉินฆ่าตายไปก่อนหน้านี้แล้ว
มิเช่นนั้น หากฮั่วเซวียนเซินมีทั้งฮั่วเจี้ยนป๋อและฮั่วเจี้ยนหลินอยู่ข้างกาย เกรงว่าผู้ติดตามคนอื่น ๆ ก็คงไม่มีโอกาสได้ลืมตาอ้าปากไปชั่วชีวิต
แต่ถึงกระนั้น ยังจะมีใครสามารถล้มคู่พ่อลูกฮั่วเซวียนเซินกับฮั่วเจี้ยนหลินได้อีกหรือ?
นับจากนี้ไป ตระกูลคงกับตระกูลเซินก็คงต้องตกเป็นเบี้ยล่างตระกูลฮั่วไปตลอดกาลแล้ว
ในงานเลี้ยงพลันเต็มไปด้วยเสียงแซ่ซ้องสรรเสริญ
“คุณชายฮั่วช่างมีอัจฉริยภาพยิ่งนัก”
“คุณชายฮั่วอันใด? เราต้องเรียกว่าท่านแม่ทัพฮั่วต่างหาก”
“ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านแม่ทัพฮั่วมีความเก่งกาจสมคำเล่าลือ สมแล้วที่เกิดมาเป็นบุตรชายของท่านประมุขฮั่ว ฮ่า ๆๆ”
“ตระกูลฮั่วจงเจริญ”
“นี่นับว่าตระกูลฮั่วได้รับพรจากสวรรค์โดยแท้จริง”
“ตระกูลฮั่วยิ่งใหญ่เกรียงไกร”
บรรยากาศในงานเลี้ยงดำเนินไปด้วยความอบอุ่นและคึกคัก
ทุกคนรีบเสนอหน้าเข้ามาแสดงความยินดีกับคู่พ่อลูกฮั่วเซวียนเซินกับฮั่วเจี้ยนหลินเพื่อแสดงความจงรักภักดีของตนเอง
ฮั่วเซวียนเซินยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มของผู้ชนะ
ไม่ง่ายเลยกว่าที่ชีวิตเขาจะมาถึงจุดนี้
ต้องขอบคุณความกล้าหาญของตนเองที่ทำให้เขากล้าร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ
นอกจากนี้ ตระกูลฮั่วยังได้ล้างแค้นให้แก่ฮั่วเจี้ยนป๋อ ฮั่วเซินเซี่ยและคนอื่น ๆ อย่างครบถ้วน ไม่ว่าพิจารณาจากแง่มุมใด พวกเขาก็ได้ประโยชน์ทั้งขึ้นทั้งล่อง
นับจากนี้ไป โชคชะตาของตระกูลฮั่วก็จะมีแต่ความเจริญรุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้นไปเท่านั้น
“ฮ่า ๆๆ เจี้ยนหลินลูกรัก เจ้าช่างดูดีมีสง่าราศีเหลือเกิน”
ฮั่วเซวียนเซินชูจอกสุราขึ้นสูงพร้อมกับระเบิดเสียงหัวเราะ “พวกเรามาดื่มให้แก่ความยิ่งใหญ่ของตระกูลฮั่วกันเถอะ…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
โครม!
บานประตูใหญ่ก็ถูกถีบเปิดเข้ามาจากด้านนอก
ก้อนหินถล่มทลาย มวลอากาศปั่นป่วน คลื่นพลังแผ่กระจายไปทั่วบริเวณ
เสียงกรีดร้องจากผู้คนดังขึ้นด้วยความตื่นตกใจ
แขกที่เข้ามาร่วมงานบางท่านมีพลังแข็งแกร่งไม่มากพอ ตัวคนจึงถูกก้อนหินถล่มทับจนแหลกเหลวกลายเป็นกองเนื้อ
กลิ่นคาวเลือดตลบคลุ้งในงานเลี้ยงอันรื่นเริง
“ใคร?”
ฮั่วเซวียนเซินระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น
งานมงคลเช่นวันนี้ยังมีผู้คนกล้ามาก่อกวนพวกเขาอีกหรือ?
พวกมันไม่เห็นแก่หน้าตระกูลฮั่วใช่หรือไม่?
ผู้บุกรุกถึงกับกล้าพังประตูฐานบัญชาการเข้ามาขนาดนี้ ย่อมต้องเป็นหนึ่งในสมาชิกระดับสูงของเผ่าพันธุ์ปีศาจแน่นอน
คงตั้งใจมาปรากฏตัวเพื่อข่มขวัญตระกูลฮั่วกระมัง?
สงสัยคงต้องสั่งสอนสักหน่อยแล้ว!
คงซืออวี้กับเซินซือเฉินพร้อมด้วยแขกคนอื่น ๆ รีบลุกขึ้นยืนหันมองไปทางประตูที่พังทลาย
ดวงตาของฮั่วเจี้ยนหลินพลันระเบิดรัศมีเป็นแสงสีม่วง ร่างกายเต็มไปด้วยพลังปราณปีศาจ ผมสีม่วงยาวสลวยปลิวไสวตามกระแสลม เขาระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า “หนูโสโครกอยู่ที่ใด ยังไม่รีบเสนอหน้ามาอีก?”
เศษฝุ่นผงในอากาศจางหายไป
“อย่าให้มันลอยนวลไปได้”
“ฆ่ามัน”
เสียงตะโกนดังขึ้นจากกลุ่มองครักษ์หน้าประตู
แต่เสียงตะโกนนั้นกลับหยุดลงอย่างกะทันหัน
พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก! พลั่ก!
เงาร่างหลายสิบร่างลอยกระเด็นมากระแทกพื้นราวกับกระสอบป่านเก่าขาด เมื่อตกกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายก็ระเบิดกระจาย
ผู้คนในงานเลี้ยงส่งเสียงอุทานด้วยความตื่นตระหนก
บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือด
ร่างขององครักษ์ผู้หนึ่งกระเด็นมาตกลงตรงหน้าเวที แขนขาของคนผู้นี้หักงอผิดรูปผิดร่าง นับว่าเสียชีวิตอย่างน่าอนาถยิ่ง
ฮั่วเซวียนเซินกับฮั่วเจี้ยนหลินยืนตะลึงตื่นตกใจ
แค่พังประตูก็นับว่าหยามหน้ากันมากเกินไปแล้ว
นี่ถึงกับเข้ามาสังหารผู้คน เท่ากับเป็นการประกาศสงครามชัด ๆ!
สถานการณ์แปรเปลี่ยนไป
ตามกฎหมายที่บัญญัติโดยท่านหัวหน้าภูตอเวจี หากมีผู้คนบุกรุกบ้านเรือนกันและกัน ไม่ว่าจะเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือเผ่าพันธุ์ปีศาจ ก็ให้ทางเจ้าของบ้านสามารถป้องกันตนเองได้โดยไม่มีข้อยกเว้น
ปีศาจผู้บุกรุกเสียสติไปแล้วหรือไม่?
ในหัวใจของฮั่วเซวียนเซินเต็มไปด้วยจิตสังหาร
ทันใดนั้น…
ตึก! ตึก! ตึก!
ได้ยินเสียงฝีเท้าดังขึ้นจากนอกประตู
แสงสว่างจากนอกประตูสาดส่องเข้ามา
แล้วเงาร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏขึ้นตรงประตูที่พังถล่ม
เป็นร่างที่สูงใหญ่กำยำ และมีใบหน้าหล่อเหลา
เสื้อคลุมสีขาวปลิวไสวตามแรงลม ตัดกับบรรยากาศโดยรอบอย่างสิ้นเชิง
ด้านหลังคนผู้นี้เต็มไปด้วยแสงสว่างเป็นประกายระยิบระยับ
แสงระยิบระยับนั้นลอยออกมาจากร่างกายของคนผู้นี้ การปรากฏตัวของเขามีสง่าราศีไม่ต่างจากการปรากฏตัวของเทพสงครามในตำนานโบราณ
คนผู้นี้เป็นใครกันแน่?
ทุกคนต่างก็มองไม่เห็นหน้าผู้บุกรุก
แต่พวกเขารู้สึกได้อย่างหนึ่ง… นั่นคือผู้บุกรุกมีพลังกดดันหนักหน่วง ทำให้แขกที่อยู่ในงานเลี้ยงรู้สึกแน่นหน้าอกหายใจไม่ออก ราวกับมีภูเขาทั้งลูกทับอยู่บนหน้าอกก็ไม่ปาน!!