เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1664 งานเลี้ยงเลือด
ตอนที่ 1,664 งานเลี้ยงเลือด
“สิบลมหายใจ”
เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากปากของคนผู้นี้ “ใครก็ตามที่ไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลฮั่ว พวกท่านมีเวลาสิบลมหายใจ จงไสหัวไปจากที่นี่ซะ… มิเช่นนั้น พวกท่านจะต้องถูกฝังร่วมกับคนตระกูลฮั่ว!!”
เสียงพูดเต็มไปด้วยจิตสังหาร มวลอากาศปั่นป่วนโดยที่มีบุรุษหนุ่มในชุดขาวเป็นศูนย์กลาง ทำเอาผู้คนทั่วงานเลี้ยงรู้สึกหายใจไม่ออก
ทันใดนั้น แขกผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงก็ส่งเสียงอุทานออกมาด้วยความตกตะลึง
ในเวลาเดียวกันนี้ ดวงตาของฮั่วเซวียนเซินก็สามารถปรับตัวกับแสงสว่างระยิบระยับที่อยู่รอบตัวแขกผู้ไม่ได้รับเชิญได้เรียบร้อยแล้ว
“หลินเป่ยเฉิน?”
ฮั่วเซวียนเซินอุทานออกมาด้วยความเหลือเชื่อ สีหน้าบอกชัดถึงความดีใจ
เพราะเขาไม่ต้องเป็นฝ่ายออกตามล่าหลินเป่ยเฉินเอง
ตอนแรก ฮั่วเซวียนเซินเข้าใจว่าหลินเป่ยเฉินเสียชีวิตอยู่ในสุสานโบราณใต้ดิน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเด็กหนุ่มกลับยังมีชีวิตอยู่รอด จนมาปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อีก
ฮั่วเซวียนเซินถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ในเมื่อไม่ใช่ผู้อาวุโสระดับสูงของสำนักอัสนีมืด ก็ไม่มีอะไรที่ฮั่วเซวียนเซินต้องหวาดกลัวอีกแล้ว
ฮั่วเจี้ยนหลินก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเช่นกัน
เขาจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินพร้อมกับยิ้มเย้ยหยันด้วยความอำมหิต
ตลอดหลายวันที่ผ่านมา ฮั่วเจี้ยนหลินนอนหลับฝันทุกค่ำคืนถึงหลินเป่ยเฉิน และเมื่อตื่นขึ้นมาเมื่อไหร่ เขาก็จะมีรอยยิ้มทุกครั้ง ทุกสิ่งทุกอย่างที่ฮั่วเจี้ยนหลินมีในขณะนี้ นับว่าต้องขอบคุณหลินเป่ยเฉินแต่เพียงผู้เดียว
หากไม่ใช่เพราะว่าหลินเป่ยเฉินสังหารพี่ชายของเขาทิ้งไป อำนาจทั้งหมดก็คงไม่มีทางตกมาถึงมือบุตรชายคนรองอย่างเขาแน่นอน
เมื่อแขกในงานเลี้ยงรู้ว่าผู้บุกรุกเป็นผู้ใด จิตใจของพวกเขาก็สงบเยือกเย็นมากแล้ว
หลินเป่ยเฉินไม่ใช่คนที่พวกเขาสมควรหวาดกลัว
บัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นคงซืออวี้หรือเซินซือเฉินต่างก็อดแสดงสีหน้าผิดหวังออกมาไม่ได้
ทั้งสองเข้าใจว่าผู้บุกรุกน่าจะเป็นพวกคนใหญ่คนโตจากเผ่าพันธุ์ปีศาจ แต่ที่ไหนได้ คนผู้นั้นกลับเป็นหลินเป่ยเฉิน!!
สถานการณ์ในตัวเมืองหลันจี๋ซิงได้เปลี่ยนไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินมีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด? แม้แต่องค์ชายหลิงเยวียนหลงก็ยังต้องหลบหนีแทบเอาตัวไม่รอดด้วยซ้ำ
เมื่อไม่มีผู้คนหนุนหลัง หลินเป่ยเฉินก็ไม่ใช่ภัยคุกคามต่อตระกูลฮั่วอีกแล้ว
บรรยากาศในงานเลี้ยงกลับมาครึกครื้นอีกครั้ง
“ท่านพ่อ มดปลวกตัวนี้ ให้ลูกจัดการเองเถอะ”
ฮั่วเจี้ยนหลินกล่าวด้วยความมั่นใจ
ฮั่วเซวียนเซินพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
ถูกต้องแล้ว
พวกเขาต้องใช้โอกาสนี้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของฮั่วเจี้ยนหลินต่อหน้าแขกเหรื่อทุกคน
แสดงให้ทุกคนได้ประจักษ์ว่าตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ที่ฮั่วเจี้ยนหลินได้รับนั้น เขาได้รับมาเพราะมีความสามารถ ไม่ใช่ได้รับมาเพราะเส้นสาย
“ใครจะกลับก็รีบกลับซะ”
ฮั่วเซวียนเซินยิ้มแย้มและพยักหน้า “แต่งานเลี้ยงของเรายังดำเนินต่อ”
“ใช่แล้ว”
ฮั่วเจี้ยนหลินลอยตัวขึ้นไปในอากาศ มวลพลังสีม่วงห่อหุ้มร่างกาย เปิดเผยให้เห็นว่าเขาอยู่ในขั้นจอมปีศาจศักดิ์สิทธิ์ระดับ 2 แล้ว
นับว่าเป็นบุคคลที่มีพรสวรรค์อย่างหาได้ยากยิ่ง
ฮั่วเจี้ยนหลินได้รับการดูแลจากผู้อาวุโสระดับสูงของเผ่าพันธุ์ปีศาจ ตลอดสามวันที่ผ่านมา เขาจึงสามารถเลื่อนขั้นได้ถึงห้าระดับรวด
นับเป็นคุณสมบัติในการเลื่อนขั้นพลังที่ใกล้เคียงกับหลินเป่ยเฉิน
ในเวลาเดียวกันนี้
หลินเป่ยเฉินยืนอยู่ตรงทางเข้าประตูที่พังทลาย รอรับพลังปราณปีศาจที่พุ่งเข้ามาหาใบหน้าของตนเองด้วยความเย็นชา
เขาไม่พูดคำใดออกมาสักคำ
หลินเป่ยเฉินรอคอยอยู่ในความเงียบ
“ฮ่า ๆๆ หลินเป่ยเฉิน มีหนทางขึ้นสู่สวรรค์แท้ ๆ แต่เจ้ากลับเลือกลงนรก วันนี้ข้าจะทำให้เจ้าได้เห็นว่าผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงนั้นเป็นเช่นไร…”
ฮั่วเจี้ยนหลินยิ้มอย่างผู้ชนะ ดวงตาเป็นประกายวาวโรจน์ ไม่ต่างจากสายตาของสัตว์นักล่าที่จ้องมองเหยื่อในกรงขัง
เขารู้จักหลินเป่ยเฉินดี
ไม่มีผู้ใดไม่เคยได้ยินกิตติศักดิ์ของปราณกระบี่คงกระพัน
บนร่างกายของฮั่วเจี้ยนหลินมีแผ่นหยกป้องกันภัยที่ท่านหัวหน้าภูตอเวจีมอบให้ใช้งาน มันสามารถป้องกันการโจมตีได้ถึงขั้นจอมเทพจักรพรรดิระดับ 1 ดังนั้นฮั่วเจี้ยนหลินจึงไม่ต้องหวาดกลัวสิ่งใดอีกแล้ว
แต่สิ่งที่ทุกคนคิดไม่ถึงเลยก็คือ ผู้ลงมือกลับไม่ใช่หลินเป่ยเฉิน
มือสีแดงขนาดใหญ่ยื่นเข้ามากำบังเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินจากด้านนอกประตูที่พังถล่ม
มือขนาดใหญ่นั้นเป็นประกายสะท้อนแสงเหมือนทำขึ้นจากโลหะ น่าจะเป็นวัตถุเล่นแร่แปรธาตุระดับสูง
มันเพียงดีดนิ้วเท่านั้น
คลื่นพลังมหาศาลก็กระแทกเข้าใส่ร่างกายของฮั่วเจี้ยนหลิน
แผ่นหยกป้องกันภัยที่แขวนติดตัวแตกสลายไม่เหลือชิ้นดี
เช่นเดียวกับโครงกระดูกของฮั่วเจี้ยนหลิน
ครืน!
พื้นดินสั่นสะเทือน
หุ่นประกอบยักษ์ที่มีความสูงมากกว่าคนปกติถึงสามเท่าพลันเดินเข้ามายืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน
ร่างกายของมันสูงใหญ่และน่าเกรงขาม
ผิวหนังที่เป็นสีแดงแวววาวทำให้มองไม่ออกว่ามันคือตัวอะไรกันแน่
ทุกคนในงานเลี้ยงต่างก็ตกตะลึง
ผู้แข็งแกร่งอย่างฮั่วเจี้ยนหลินกลับถูกอสุรกายสีแดงตัวนี้ดีดนิ้วกระเด็นออกไปอย่างไร้ทางต่อกร…
หรือว่าหลินเป่ยเฉินจะอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ?
“ครบสิบลมหายใจแล้ว”
หลินเป่ยเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ “วันนี้พวกท่านจะต้องตายกันไปให้หมด”
แววตาเย็นชาของเขาคุกคามผู้คนได้ยิ่งกว่าคมกระบี่ และทุกคนต่างก็รู้สึกว่าวิญญาณจะหลุดลอยออกจากร่างเสียให้ได้เมื่อหลินเป่ยเฉินกวาดตามองผ่านมา
ฮั่วเจี้ยนหลินผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัสยื่นมือออกไปข้างหน้าหาหลินเป่ยเฉิน
หลินเป่ยเฉินเดินเข้ามาช้า ๆ และยื่นมือไปจับศีรษะของฮั่วเจี้ยนหลิน
“เจ้าไม่สมควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไป”
ขาดคำ
หลินเป่ยเฉินก็บิดข้อมือ แล้วศีรษะของฮั่วเจี้ยนหลินพลันหมุนวนสามร้อยหกสิบองศา
กร๊อบ!
หลังจากนั้น คุณชายรองผู้เป็นความหวังแห่งตระกูลฮั่วก็ถูกหลินเป่ยเฉินกระชากศีรษะหลุดออกจากบ่าอย่างง่ายดาย
ติ๋ง! ติ๋ง! ติ๋ง!
โลหิตแห่งการแก้แค้นไหลรินลงสู่พื้นดิน
ในเวลาเดียวกันนี้
ฮั่วเซวียนเซินผู้ยืนอยู่บนเวทีตัวสั่นเทาด้วยความโกรธแค้น
ร่างกายของเขายืนโงนเงน แทบจะเป็นลมล้มลงไปแล้ว
บุตรชายของเขาเสียชีวิตรวดเร็วมากเกินไป
ฮั่วเซวียนเซินไม่มีเวลาได้ทำสิ่งใด ไม่มีเวลาได้ช่วยเหลือบุตรชายแม้แต่นิดเดียว!!