เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1674 ไม่ต้องเหนื่อยแรง
ตอนที่ 1,674 ไม่ต้องเหนื่อยแรง
นี่คือเหตุการณ์ที่ทุกคนคิดไม่ถึง
ชายฉกรรจ์หัวล้านถือเป็นนายทหารระดับสูงในกองทัพลูกศรโลหิต
“รนหาที่ตายนัก”
สุยฮันเหยียนจึงลงมือด้วยตนเอง
เพียงลมหายใจเดียว นางก็มาปรากฏตัวอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน นิ้วมือทั้งห้ากางออกเป็นกรงเล็บหมายจะตะปบเข้าใส่ลำคอของเขา
“เป็นเจ้าต่างหาก”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นตบสวนกลับไป
เพียะ!
สุยฮันเหยียนโจมตียังไม่ทันสำเร็จ ก็ต้องล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้นดาดฟ้าเรือเหาะเสียแล้ว
พลั่ก!
ร่างของนางกระแทกกับพื้นดาดฟ้าเรือเหาะอย่างแรง หมวกเหล็กสีแดงแตกกระจาย ใบหน้าครึ่งหนึ่งบวมช้ำ
ได้ยินเสียงอุทานด้วยความเหลือเชื่อดังขึ้นรอบกาย
บรรดานายทหารจากกองทัพลูกศรโลหิตตระหนักชัดแล้วว่าเจ้าเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้มีความแข็งแกร่งมากกว่าที่คิด
“ฆ่ามัน”
นายทหารเหล่านี้ถูกฝึกให้ต่อสู้กันแบบเป็นกลุ่ม หากร่วมมือกันโจมตีด้วยค่ายกลที่ถนัด ไม่ว่าศัตรูเป็นผู้ใดก็ต้องจัดการได้เสมอ
หลินเป่ยเฉินเหวี่ยงหมัดซ้ายออกไปอย่างไม่รีบร้อนสักเท่าไหร่
พร้อมกันนั้นก็ปลดปล่อยพลังปราณปีศาจออกมา
ตู้ม!
แล้วสีหน้าของนายทหารชุดแดงทั้งสิบแปดคนก็แปรเปลี่ยนไป พวกเขากระอักเลือด ล้มลงกับพื้น พยายามถอยหนีด้วยความหวาดกลัว
“ฮ่า ๆๆ นับว่ารนหาที่กันโดยแท้จริงนัก”
หวังจงกล่าวด้วยความตื่นเต้น
ในเวลาเดียวกันนี้ เรือเหาะจากกองทัพเซวียนเหยียนที่ลอยลำอยู่ล้อมรอบเรือเหาะหยางเว่ยก็พลันถูกหุ่นยักษ์สีแดงลอยพุ่งชนอย่างไม่ทันตั้งตัว ส่งผลให้หานเซียวและบรรดานายทหารระดับสูงล้มลงกลิ้งไปกับพื้นดาดฟ้าเรือเหาะ ก่อนที่จะถูกหุ่นประกอบตัวอื่น ๆ บุกขึ้นไปโจมตีบนลำเรือ…
“พวกเจ้าทุกคนถูกจับกุมแล้ว”
หลินเป่ยเฉินยกมือเท้าเอวและกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “ส่งทรัพย์สินของมีค่าออกมาให้หมด ไม่ว่าจะเป็นเงินทอง สมุนไพรวิเศษ หรือโอสถมหัศจรรย์ หากไม่ยอมส่งมอบออกมา ก็จะมีโทษตายสถานเดียว”
ความชั่วต้องจัดการด้วยความชั่ว
นี่คือสิ่งที่หลินเป่ยเฉินถนัดมากที่สุด
นายทหารจากกองทัพลูกศรโลหิตถูกทุบตีจนใบหน้าบวมช้ำ ทุกคนต่างคุกเข่าอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะ ไม่กล้าเงยหน้ามองขึ้นมาอีกแล้ว
พวกเขาล้วนอับอาย
ไม่มีผู้ใดคิดฝันเลยว่าตนเองจะต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้
แต่เพียงเท่านั้นยังไม่พอ ผู้คนจากกองทัพลูกศรโลหิตยังถูกสั่งให้ตบหน้าตนเองตลอดเวลาอีกด้วย
“ฮ่า ๆๆ จงจำเหตุการณ์ครั้งนี้เอาไว้ให้ดี แล้วรู้ไว้ซะด้วยว่าระหว่างพวกเจ้ากับข้า มันคนละชั้นกันนะเฟ้ย!”
หลินเป่ยเฉินนำเก้าอี้ตัวหนึ่งมานั่งบนดาดฟ้าเรือ ก่อนจะยกมือเสยผมและพูดอย่างผู้ชนะว่า “พวกเจ้าอ่อนแอถึงเพียงนี้กลับคิดมาปล้นเรือเหาะของพวกข้า ไม่ทราบว่าพวกเจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากที่ใด? บัดนี้สำนึกเสียใจแล้วหรือไม่? เมื่อสักครู่ เห็นบอกว่าจะจับตัวพวกข้าไปสังหารทีละคนไม่ใช่หรือ?”
กลุ่มของนายทหารผู้พ่ายแพ้ไม่กล้าพูดคำใดออกมา
“เอาตัวมันออกมา”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่ชายฉกรรจ์หัวล้านแห่งกองทัพลูกศรโลหิต
เจ้าหุ่นสีน้ำเงินหมายเลข 3 เดินเข้าไปฉุดลากชายหัวล้านออกมาจากกลุ่มคน
ชายหัวล้านมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น ในอดีตถือเป็นหนึ่งในยอดนักรบแห่งกองทัพลูกศรโลหิต แต่ก่อนหน้านี้ขาขาดไปหนึ่งข้าง แม้บัดนี้อยากจะขัดขืนสักเพียงใด แต่เขาก็ไม่อาจต้านทานการถูกฉุดลากตัวออกมาได้อีกแล้ว เป็นผลให้ถูกเจ้าหุ่นน้ำเงิน 3 ทุบตีอย่างหนักหน่วง ชุดเกราะบนร่างกายแตกกระจาย สุดท้ายก็ต้องมานอนหมอบอยู่เบื้องหน้าหลินเป่ยเฉินอย่างไร้หนทางขัดขืน…
“อ๊ากกกก...”
ชายหัวล้านร้องโหยหวนราวกับหมูถูกเชือด
“ฆ่ามันทิ้งซะ บุคคลผู้นี้จิตใจชั่วร้ายมากเกินไป ปล่อยให้มีชีวิตลอยนวลไม่ได้เด็ดขาด… ต้องฆ่าทิ้งสถานเดียวเท่านั้น”
หลินเป่ยเฉินยกมือโบกสะบัดด้วยความขยะแขยง
“ช้าก่อน...”
สุยฮันเหยียนรีบส่งเสียงห้ามปรามพร้อมกับกล่าวว่า “คือว่า… นายน้อย ก่อนหน้านี้เพียงเป็นเรื่องเข้าใจผิด กองทัพลูกศรโลหิตเราเพียงต้องการขู่ขวัญฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เราไม่ได้คิดจะสังหารพวกท่านจริง ๆ หรอก”
เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉิน แม้แต่แม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพลูกศรโลหิตอย่างสุยฮันเหยียนก็ยังต้องยอมอ่อนข้อลงแล้ว
เพียะ!
“เพียงต้องการขู่ขวัญกับผีน่ะสิ”
หลินเป่ยเฉินตบหน้าสุยฮันเหยียนจนล้มลงไปนอนกองอยู่บนพื้น ก่อนจะตบซ้ำอีกครั้งอย่างไม่ยั้งมือ
เขาไม่ใช่ประเภทบุรุษที่ใจอ่อนเมื่อเห็นขาอ่อนของสตรี
หลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลใจแข็งดั่งหินผา
“ชายหัวล้านผู้นี้ใช้สายตาลวนลามผู้หญิงของข้า… เอ๊ย อาจารย์ของข้า มีโทษสมควรตายเป็นหมื่นครั้ง เจ้ายังมีหน้ามาปกป้องมันอีกหรือ?”
เด็กหนุ่มระเบิดเสียงคำรามด้วยความโกรธแค้น “พวกเจ้าต้องการสังหารคนบริสุทธิ์ นี่คือเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้… นำตัวไปฆ่าทิ้งซะ”
ตุบ!
ทั้งแม่ทัพสุยฮันเหยียนและชายฉกรรจ์หัวล้านในชุดเกราะสีแดงต่างก็รีบก้มตัวลงโขกศีรษะลงกับพื้นดาดฟ้าเรือทันที
บุคคลทั้งสองต่างก็รู้สึกหนาวเย็นไปถึงขั้วหัวใจ
นี่เองสินะความน่ากลัวของการถูกสั่งฆ่า
หลินเป่ยเฉินก้มมองคราบโลหิตบนพื้น ดวงตาเหม่อลอย ก่อนที่จะชักสีหน้าด้วยความเดือดดาลใจ จากนั้นกระโดดลุกขึ้นจากเก้าอี้ และตบเจ้าหุ่นน้ำเงินหมายเลข 3 จนหัวสั่นหัวคลอน
เพียะ!
“เจ้าโง่เขลาถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เจ้าโง่เขลาถึงเพียงนี้เชียวหรือ?”
หลินเป่ยเฉินยกมือกอดอก กระทืบเท้าด้วยความขัดใจ “ชุดเกราะของฝ่ายตรงข้ามชำรุดเสียหาย แล้วข้าจะเอาไปขายต่อได้อย่างไร? ข้าเป็นคนจน เจ้ารู้หรือไม่?”
เจ้าหุ่นน้ำเงินหมายเลข 3 ก้มหน้างุด
มันไม่ต่างจากเด็กน้อยที่ถูกจับได้ว่ากระทำความผิด บัดนี้ ทำได้เพียงยืนรับการดุด่าจากบิดามารดาเท่านั้น
ในขณะนี้ ผู้คนทั้งสองกลุ่มต่างก็เห็นแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างกับสุยฮันเหยียนและชายหัวล้าน
พวกเขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
เด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้มีฝีมือแข็งแกร่ง แต่ท่าทางสมองจะไม่ค่อยปกติสักเท่าไหร่
เป็นพวกสมองเสื่อมอย่างนั้นหรือ?
ก่อนหน้านี้ อสูรสีน้ำเงินตัวนั้นขึ้นไปจับตัวพวกของหานเซียวออกมาจากเรือเหาะของกองทัพเซวียนเหยียนได้อย่างง่ายดาย มีพลังการต่อสู้อยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ตอนปลาย
แต่เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้ มันกลับเชื่อฟังเขาราวกับเป็นเด็กน้อยผู้หนึ่ง
กลุ่มคนบนเรือเหาะลำนี้เป็นผู้ใดกันแน่?
เด็กหนุ่มหน้าขาวผู้นี้เป็นผู้ใดกันแน่?
“พวกเจ้า…”
หลินเป่ยเฉินทิ้งตัวนั่งลงไปบนเก้าอี้อีกครั้ง ก่อนยกมือเท้าคางและระเบิดเสียงคำรามออกมาว่า “ถอดออกมาให้หมด ถอดออกมาให้หมด”
นายทหารของทั้งสองฝ่ายถูกจับตัวมายืนรวมกัน
โดยเฉพาะสุยฮันเหยียนที่บัดนี้ไม่มีสิ่งใดปกปิดใบหน้าอีกต่อไป เมื่อเห็นเช่นนั้น หวังจงก็ถูไม้ถูมือและส่งเสียงคำรามออกคำสั่งด้วยความเกรี้ยวกราดว่า “ถอดออกมาให้หมดสิ ได้ยินที่นายน้อยสั่งแล้วไม่ใช่หรือ ถอดชุดเกราะของพวกเจ้าออกมาให้หมด… เจ้ามีนามว่าสุยฮันเหยียนใช่หรือไม่? ทำสีหน้าเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หา? เจ้าแข็งแกร่งนักใช่ไหม เจ้าคิดว่าเจ้าจะไม่ต้องทำตามคำสั่งของนายน้อยอย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ”
สมแล้วที่เป็นพ่อบ้านหวังจง เขาดูออกตั้งแต่แรกแล้วว่าหลินเป่ยเฉินมีเจตนาเช่นใด
สุดท้าย ภายใต้การยืนเฝ้ามองของหุ่นประกอบทั้งเก้า บรรดานายทหารจากทั้งสองกองทัพก็ต้องยอมถอดชุดเกราะของตนเองออกมา
ชุดเกาะสภาพดีกว่าสี่สิบชุดถูกวางเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะหยางเว่ย
นี่คือชุดเกราะเล่นแร่แปรธาตุระดับ 17
หมิงเซวี่ยเฟิงและพรรคพวกเฝ้ามองน้ำลายไหลยืด
“พวกเจ้าจะยืนมองทำไม? ยังไม่รีบเอาไปสวมใส่อีก”
หลินเป่ยเฉินผายมือเชื้อเชิญ
“คือว่า… นายท่านพูดจริงหรือขอรับ? ชุดเกราะเหล่านี้เป็นของพวกเราจริง ๆ หรือ?”
บรรดากะลาสีเรือยกมือปาดน้ำตาเพราะนึกว่าตนเองกำลังฝันไป