เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1678 ความเปลี่ยนแปลงของหวังจง
ตอนที่ 1,678 ความเปลี่ยนแปลงของหวังจง
‘เรือเหาะเซียนกระบี่’ เคลื่อนที่ไปในเส้นทางดาราจักรอันกว้างใหญ่
ได้เวลาพักผ่อน
หลินเป่ยเฉินนำไวน์แดงที่สั่งซื้อผ่านทางออนไลน์มาแจกจ่ายเป็นของรางวัลให้แก่ทุกคน
“งานชุมนุมมังกรเบิกฟ้า น่าจะเป็นงานที่มีบางอย่างไม่ชอบมาพากล”
นักพรตหญิงชินนั่งอยู่ใต้ร่มคันใหญ่ รับแก้วไวน์ไปดื่ม ก่อนออกความคิดเห็นว่า “โยนแผ่นป้ายนกเพลิงนั่นทิ้งไปเถอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการได้แต่งงานกับองค์หญิงผู้เลอโฉม หรือการได้ครอบครองคลังสมบัติของราชวงศ์เทียนหลางเซิน ไปจนถึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่แห่งอาณาจักรซือเว่ย… ทั้งหมดนี้ต่างก็เป็นสิ่งที่หลอกล่อให้บรรดายอดฝีมือมาต่อสู้กันเองเพื่อทำให้อาณาจักรซือเว่ยปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้นเท่านั้น… แม้ว่างานชุมนุมจะจัดขึ้นในอีกครึ่งปี และข้าก็ยังไม่รู้ว่าผู้ใดอยู่เบื้องหลังการชุมนุมครั้งนี้ แต่มันก็เป็นสิ่งที่พวกเราไม่ควรเข้าไปข้องเกี่ยวเด็ดขาด”
“ข้าเองก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันขอรับ”
หลินเป่ยเฉินระเบิดเสียงหัวเราะอย่างคนฉลาด “เอาไว้ไปถึงที่เมืองเทียนหลางซิงเมื่อไหร่ ข้าจะนำแผ่นป้ายนี้ออกไปประมูลทันที… บัดนี้ เราได้ต้นไผ่สามกษัตริย์มาแล้ว สิ่งเดียวที่ยังขาดหายก็คือการตามหาตัวท่านอาจารย์เฉินปี้หยางให้เจอเท่านั้น”
นักพรตหญิงชินพยักหน้า
รู้สึกโล่งอกมากขึ้น
ความลุ่มหลงในเงินทองของหลินเป่ยเฉิน… มีประโยชน์ก็ในตอนนี้เอง
…
สามวันให้หลัง
เรือเหาะเซียนกระบี่ถูกปิดล้อม
หานเซียวแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเซวียนเหยียน เช่นเดียวกับสุยฮันเหยียนแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพลูกศรโลหิต ต่างก็ยกกองทัพเรือเหาะของตนเองมาดักเล่นงานหลินเป่ยเฉินอยู่ที่จุดทิ้งสมอหมายเลขเจ็ดสิบเก้า
“หัวขโมยต่ำช้าอย่างเจ้าคงคิดไม่ถึงเลยสินะ”
สุยฮันเหยียนยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะหลี่เซวี่ย ดวงตาร้อนผ่าวด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธแค้น จ้องมองตรงมาที่หลินเป่ยเฉินพร้อมกับกล่าวว่า “วันนี้ เจ้าจะต้องชดใช้สำหรับสิ่งที่ทำเอาไว้เมื่อสามวันก่อน”
ในเวลาเดียวกันนี้
“ฮ่า ๆๆ เซียนกระบี่? ให้ตายเถอะ”
หานเซียวผู้ยืนอยู่บนสะพานของเรือเหาะกังเหยียนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความเหยียดหยาม “หลินเป่ยเฉิน ข้าจะให้เวลาเจ้าสิบลมหายใจ จงส่งมอบป้ายหยกนกเพลิงกลับมาให้ข้าซะ จากนั้นก็ยอมแพ้แต่โดยดี มิเช่นนั้น ข้าจะทำให้เจ้าได้รับรู้รสชาติของความเจ็บปวดที่มีชีวิตอยู่ และเจ้าจะต้องขอร้องอ้อนวอนให้ข้าฆ่าเจ้าเสีย”
บัดนี้ ทั้งสองกองทัพได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกันแล้ว
กองทัพเซวียนเหยียนและกองทัพลูกศรโลหิตเมื่อผนึกกำลังกัน พวกเขาก็มีเรือเหาะน้อยใหญ่รวมแล้วกว่าสองร้อยลำที่ห้อมล้อมเรือเหาะเซียนกระบี่ไม่ต่างไปจากฝูงฉลามกระหายเลือด
การโจมตีในครั้งนี้แม่ทัพใหญ่ของทั้งสองฝ่ายอย่างหานเซียวกับสุยฮันเหยียนต่างก็มาควบคุมการโจมตีด้วยตนเอง
เมื่อมีแม่ทัพใหญ่มาด้วย บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาจึงมีขวัญกำลังใจกล้าหาญมากแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นมูลค่าของเรือเหาะเซียนกระบี่หรือมูลค่าของป้ายหยกนกเพลิงสำหรับการเข้าร่วมงานชุมนุมมังกรเหินฟ้านั้น ต่างก็เป็นสิ่งที่จะทอดทิ้งไปไม่ได้เด็ดขาด
หากไม่ใช่กลัวว่าจะทำให้ทรัพย์สินมีค่าเสียหาย พวกเขาก็คงไม่ต้องมาเสียเวลาพูดคุยกับหลินเป่ยเฉินอีกแล้ว
บนเรือเหาะเซียนกระบี่
หมิงเซวี่ยเฟิงและบรรดากะลาสีเรือตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
พวกเขาจะเคยถูกปิดล้อมอย่างหนาแน่นถึงเพียงนี้ได้อย่างไร?
แม้แต่นักพรตหญิงชินก็ยังมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาแล้ว
ด้วยการค้นคว้าข้อมูลจากหลายฝ่ายของนางก่อนหน้านี้ นักพรตหญิงชินจึงได้ข้อสรุปว่าความแข็งแกร่งของผู้คนในอาณาจักรซือเว่ย มีมากกว่าผู้คนในอาณาจักรหลิวเยวียนหลายเท่า
มีแม้กระทั่งผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลาย
พื้นฐานพลังในการโจมตีจึงแข็งแกร่งมากกว่าผู้คนในอาณาจักรหลิวเยวียน
แม้แต่บรรดาแม่ทัพนายกองระดับล่างก็ยังมีผู้ที่บรรลุขั้นจอมเทพจักรพรรดิอยู่หลายคน
เมื่อทั้งสองกองทัพผนึกรวมเป็นหนึ่งเช่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของคุณภาพหรือปริมาณ ก็น่าจะเอาชนะหุ่นประกอบทั้งเก้าตัวของหลินเป่ยเฉินได้อย่างไม่มีปัญหา
นี่คงจะเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือด
และภายใต้การปิดล้อมจากทุกทิศทุกทาง เรือเหาะเซียนกระบี่จึงไม่มีหนทางถอยหนี
บรรยากาศตึงเครียดขึ้นมาทันที
จิตสังหารปกคลุมรอบบริเวณ
เรือเหาะของฝ่ายศัตรูเคลื่อนเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไม่ต่างไปจากฝูงปลาที่พยายามไล่กินลูกอ๊อดผู้โชคร้าย
“จี๊ด!”
อากวงขนพองไปทั้งตัว มันกางกรงเล็บกว้าง อ้าปากอวดเขี้ยวขาววับ
“แฮ่!”
เจ้าเสืออสูรกลายพันธุ์ก็ส่งเสียงคำรามในลำคอเช่นกัน
“นายน้อย เป็นความผิดของบ่าวแท้ ๆ ที่เสนอแนะให้ปล่อยพวกเขาไปก่อนหน้านี้ แต่ถึงกระนั้น นายน้อยไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวบ่าวจะจัดการเอง…”
หวังจงแสดงความรับผิดชอบอย่างหาได้ยากยิ่ง
เดี๋ยวก่อนนะ?
หลินเป่ยเฉินตกตะลึงไม่ใช่น้อย
พ่อบ้านเฒ่าผู้นี้เหตุไฉนจึงได้เปลี่ยนแปลงกลายเป็นคนละคน?
นักพรตหญิงชินก็ประหลาดใจเช่นกัน
หมิงเซวี่ยเฟิงและเหล่ากะลาสีเรือคนอื่น ๆ เมื่อได้ยินเช่นนั้น พวกเขาก็อดคิดขึ้นมาในใจไม่ได้ว่า ‘หรือพ่อบ้านเฒ่าผู้มีรอยยิ้มจอมปลอมและมีความเห็นแก่ตัวอย่างไร้ยางอายผู้นี้ จะเป็นยอดฝีมือที่ซุกซ่อนเขี้ยวเล็บเอาไว้ตลอดมา?’
ดวงตาหลายสิบคู่จ้องมอง…
ไปที่ร่างของหวังจง พ่อบ้านชรารูปร่างอ้วนเตี้ย
หวังจงเดินออกไปข้างหน้า บิดขี้เกียจเล็กน้อย ได้ยินเสียงกระดูกข้อต่อลั่นดังกร๊อบแกร๊บ
ชายชรากลายเป็นผู้ที่มีสง่าราศีขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์
ในที่สุด หวังจงก็จะแสดงฝีมือแล้วใช่หรือไม่?
ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของหวังจง
ทุกคนต่างก็เฝ้ารอคอยด้วยความคาดหวังว่าปาฏิหาริย์จะเกิดขึ้น
แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังอดตกตะลึงและลุ้นระทึกไปพร้อมกับทุกคนไม่ได้
ตุบ!
ทันใดนั้น หวังจงก็ทิ้งตัวลงไปนั่งคุกเข่าบนพื้นดาดฟ้าเรือ ก่อนจะโขกศีรษะคำนับลงไปอย่างแช่มช้า…
บรรยากาศปกคลุมด้วยความเงียบ
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าของตนเอง
นักพรตหญิงชินเบิกตาโตด้วยความไม่อยากเชื่อ
หมิงเซวี่ยเฟิงและกลุ่มลูกเรือได้แต่ยกมือตบหน้าผากของตนเอง
อากวงพูดอะไรไม่ออก
เช่นเดียวกับเจ้าเสือเสี่ยวหูที่เป็นบุตรบุญธรรม
หลังความเงียบงันปกคลุมบรรยากาศอยู่นานสองนาน สุดท้าย ความเงียบก็ถูกทำลายลงไปด้วยเสียงหัวเราะเยาะดังสนั่น
“ลากตาเฒ่านั่นกลับมาซะ!!”
หลินเป่ยเฉินโกรธจนใบหน้าเขียวคล้ำ
ช่างน่าอับอายจริง ๆ
อากวงกับเสี่ยวหูรีบกระโจนออกไปเพื่อฉุดลากหวังจงกลับเข้าไปในห้องพักใต้ท้องเรือ
“ปล่อยข้านะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ข้ากำลังจะร่ายมนต์แล้ว ข้ามีพลังทำลายล้างมหาศาลจริง ๆ นะ…”
หวังจงร้องตะโกนขณะพยายามดิ้นรนขัดขืน
บนดาดฟ้าเรือเหาะ
หลินเป่ยเฉินยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก ก่อนจะค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนและเดินตรงไปที่หัวเรือของเรือเหาะเซียนกระบี่
ด้วยท่าทีไม่เดือดเนื้อร้อนใจ
เขาจ้องมองไปยังกองทัพของฝ่ายตรงข้าม แล้วจึงส่ายศีรษะเล็กน้อย ถอนหายใจออกมาว่า “เฮ้อ ทำไมถึงเป็นพวกเจ้าอีกแล้วเนี่ย? นับว่ารนหาที่ตายไม่เลิกราจริง ๆ”