เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1679 สร้างกองทัพของตนเอง
ตอนที่ 1,679 สร้างกองทัพของตนเอง
ในระหว่างที่พูดมาถึงตรงนี้ หลินเป่ยเฉินก็อดหัวเราะออกมาอย่างมีความสุขไม่ได้ “แยกจากกันไม่ทันไร ก็รีบร้อนนำของขวัญชุดใหม่มามอบให้กันอีกแล้ว เห็นทีข้าคงต้องรับไว้อีกแล้วสินะ… จอมยุทธ์จ้าว เริ่มภารกิจได้… ปฏิบัติการตามแผนเดิม… ลงมือโจมตีได้เลย!”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เงาร่างของใครบางคนที่สวมใส่ชุดเสื้อคลุมสีดำก็ปรากฏกายขึ้นด้านหลังหลินเป่ยเฉิน
ก่อนจะหายตัวไป
และลมหายใจต่อมา เงาร่างนั้นก็ไปปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านหน้าแม่ทัพสุยฮันเหยียนแห่งกองทัพลูกศรโลหิต มือซีดขาวที่มีแต่หนังหุ้มกระดูกตะปบลงไปบนหัวไหล่ของสุยฮันเหยียน…
สุยฮันเหยียนยืนตัวแข็งค้าง
นางไม่ทันสังเกตเลยว่าคู่ต่อสู้มาประชิดตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ นางรู้สึกเพียงแต่ว่ามีคลื่นพลังของผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 2 กระแทกเข้ามาภายในร่างกาย ดวงตาของนางจึงเบิกโตด้วยความหวาดกลัวและสยดสยอง
…
ผ่านไปชั่วหนึ่งก้านธูป
การต่อสู้ยุติลง
สุยฮันเหยียนและหานเซียวรวมไปถึงนายทหารระดับสูงของทั้งสองกองทัพต่างก็ใบหน้าบวมปูดหมดสภาพ บัดนี้ถูกจับใส่โซ่ตรวนนำมานั่งคุกเข่าอยู่บนดาดฟ้าเรือเหาะเซียนกระบี่
หัวใจมีแต่ความหมดหวัง
นอกจากหลินเป่ยเฉินแล้ว ยังมียอดฝีมือผู้ใดอีก?
เงาร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำเป็นผู้ใดกันแน่?
หลินเป่ยเฉินมีกำลังเสริมในการเดินทางสู่อาณาจักรซือเว่ยครั้งนี้ด้วยหรือ?
แม้แต่นักพรตหญิงชินก็ยังตกตะลึง
นางไม่ทราบเลยว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ใดมาจากไหน
ขณะนี้ เงาร่างลึกลับได้เดินกลับมายืนอยู่ข้างกายหลินเป่ยเฉิน
คลื่นพลังแผ่ออกมาจากร่างกาย
ดวงตาเป็นประกายระยิบระยับอย่างแปลกประหลาด
เงาร่างปริศนานั้นกล่าวออกมาแช่มช้าว่า “ภารกิจสำเร็จแล้ว ท่านลูกค้าโปรดยืนยันหมายเลขคำสั่ง”
“9527”
หลินเป่ยเฉินบอกหมายเลขออกไป
เงาร่างปริศนาถือวัตถุแปลกประหลาดอยู่ในมือ มันมีลักษณะเหมือนแผ่นกระจกขนาดเท่ากับฝ่ามือมนุษย์ และมีปุ่มกดอยู่จำนวนหนึ่ง หลังจากกดปุ่มเหล่านั้นแล้ว เงาร่างปริศนาก็พยักหน้าด้วยความพอใจ
เขากล่าวด้วยน้ำเสียงมีความสุขว่า “เงินเข้าเรียบร้อยแล้วขอรับ หากครั้งหน้าท่านลูกค้าอยากใช้บริการข้าอีก ข้าจะมีส่วนลดมอบให้ท่านเป็นพิเศษ นอกจากนี้ หากท่านลูกค้าพึงพอใจในการบริการครั้งนี้ ก็อย่าลืมกดให้คะแนนห้าดาวด้วยนะขอรับ”
กล่าวจบ
เงาร่างในชุดเสื้อคลุมสีดำก็กระโดดหายเข้าไปในหลุมดำที่ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะของหลินเป่ยเฉิน
คนปริศนาหายวับไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินนำโทรศัพท์มือถือออกมาเปิดแอป UU กดเข้าไปในหน้าหา ‘ผู้รักษาความปลอดภัย’ ก่อนจะกด ‘ภารกิจเสร็จสิ้น’ เพื่อยืนยันคำสั่ง
การว่าจ้างให้ผู้ที่อยู่ในขั้นจอมเทพจักรามาช่วยเหลือเมื่อสักครู่นี้ ทำให้หลินเป่ยเฉินต้องเสียเงินไปถึงหมื่นตำลึงเงิน
โชคดีที่ก่อนหน้านี้เขายึดทรัพย์สินของมีค่ามาจากสุยฮันเหยียนกับหานเซียวได้มากโข เด็กหนุ่มจึงมีเงินพอสำหรับการว่าจ้างพอดี
เมื่อคิดอะไรบางอย่างเล็กน้อย หลินเป่ยเฉินก็ไม่ลืมที่จะกดเข้าไปให้คะแนนห้าดาวสำหรับบริการเมื่อสักครู่
นี่คือครั้งแรกที่เขาลองใช้งานแอป UU
ได้ผลดีเกินคาดแฮะ
มีประโยชน์กว่าที่คิด
แต่ข้อเสียเดียวก็คือค่าบริการแพงไปหน่อย
คลื่นพลังค่อย ๆ สลายตัวลงไป
หลินเป่ยเฉินเดินไปที่เก้าอี้ตัวใหญ่พร้อมยิ้มกว้าง เขานั่งลงอย่างสบาย ๆ ก่อนจ้องมองไปที่พวกของหานเซียวกับสุยฮันเหยียนและออกคำสั่ง “เหมือนเดิม ถอดออกมาให้หมด”
บรรดานายทหารที่ไม่เคยพบเจอหลินเป่ยเฉินมาก่อนมีสีหน้าแปรเปลี่ยนไปทันที
ส่วนพวกของสุยฮันเหยียนกับหานเซียวเคยถูกหลินเป่ยเฉินจับตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง จึงรู้ดีว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไร ชุดเกราะถูกถอดออกจากร่างกายอย่างเร็วไว ทักษะในการถอดชุดเกราะของพวกเขารวดเร็วจนน่าตกตะลึง
“ท่านแม่ทัพ ถอดออกมาเถอะ”
หานเซียวพยายามโน้มน้าวนายทหารใหญ่ผู้หนึ่ง
“ท่านแม่ทัพ รู้จักรักษาตัวรอดเป็นยอดคน เดี๋ยวข้าจะช่วยถอดให้ท่านเอง” สุยฮันเหยียนพยายามเกลี้ยกล่อมนายทหารใหญ่ในกองทัพของตนเองเช่นกัน
ไม่นานหลังจากนั้น
ทุกคนก็ถอดชุดเกราะออกมาหมดสิ้น… และไม่เพียงแต่ชุดเกราะระดับสูงเท่านั้น แต่ทรัพย์สินของมีค่าทั้งหมดก็ถูกส่งมอบออกมาอีกด้วย
ความเงียบปกคลุมในบรรยากาศ
“หวังจงหายไปไหนเนี่ย?”
หลินเป่ยเฉินส่งเสียงเรียก “ลากตัวเขากลับมาทำงานซะ”
ดังนั้นหวังจงจึงถูกอากวงและลูกบุญธรรมของมันลากตัวกลับออกมาอีกครั้ง
ควับ!
พ่อบ้านชราสะบัดสายแส้ในมือด้วยความตื่นเต้น “ฮ่า ๆๆ นายน้อยดูให้ดีนะขอรับ…”
ตรวจค้นและยึดครอง!
นี่คือความสามารถพิเศษของหวังจง
และด้วยความที่ถูกจับตัวอย่างไร้หนทางขัดขืน บรรดานายทหารของทั้งสองกองทัพจึงไม่กล้าดิ้นรน พวกเขาได้แต่ปล่อยให้หวังจง อากวงและเสี่ยวหููจัดการยึดทรัพย์ได้ตามใจชอบ
หนึ่งชั่วยามให้หลัง การตรวจค้นก็ยุติลง
“นายน้อย ครั้งนี้พวกเราจะร่ำรวยกันใหญ่แล้ว…” เมื่อหวังจงมองรายการสิ่งของที่อยู่ในม้วนกระดาษ ริมฝีปากของชายชราก็ต้องสั่นระริกด้วยความตื่นเต้น
“ผิดแล้ว”
หลินเป่ยเฉินนำม้วนกระดาษนั้นมาอ่านทวนอีกรอบด้วยสีหน้าพึงพอใจ “ข้าต่างหากที่ร่ำรวย ไม่ใช่พวกเรา!”
หวังจงพูดอะไรไม่ออก
“นายน้อย ถ้าอย่างนั้นคนเหล่านี้…”
หวังจงชี้มือไปที่พวกของสุยฮันเหยียนกับหานเซียวและถามว่า “พวกเราสมควรจัดการอย่างไรดี?”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่นและถามกลับไป “เจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ?”
หวังจงยิ้มกริ่ม “นายน้อย การเดินทางในครั้งนี้จะอาศัยเพียงความแข็งแกร่งของตนเองไม่ได้เด็ดขาด นายน้อยจำเป็นต้องมีกองทัพ นายน้อยจำเป็นต้องมีนายทหารที่เชื่อใจได้ไว้คอยรับใช้ บ่าวอยากจะแนะนำว่า… นายน้อยสมควรรับตัวพวกเขามาจัดตั้งเป็นกองทัพของตนเองขอรับ”
จัดตั้งเป็นกองทัพ?
หลินเป่ยเฉินขมวดคิ้ว แต่ก็รู้สึกว่าคำแนะนำนี้ฟังดูมีเหตุผล แม้มันจะดูแปลกประหลาดไปสักหน่อยเพราะออกมาจากปากของหวังจงก็ตาม
เก็บผู้คนทั้งสองกองทัพนี้ไว้ข้างกาย?
น่าสนใจแฮะ
การเดินทางในเส้นทางดาราจักร ไม่ว่าไปยังสถานที่ใด หากมีกองทัพไปด้วยก็อุ่นใจมากกว่ากันเสมอ โดยเฉพาะในตอนที่ต้องแสดงตัวเข้าไปช่วยเหลือบรรดาสาวงาม การมีกองทัพเป็นของตนเองก็จะทำให้หลินเป่ยเฉินดูเท่มากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่หากจะสร้างกองทัพ ค่าใช้จ่ายก็ต้องเพิ่มขึ้น
การเลี้ยงดูทั้งสองทัพไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เสมือนการเลี้ยงดูผู้คนทั่วไป เพราะนายทหารเหล่านี้จำเป็นต้องใช้ทรัพยากรในการฝึกวิชาบู๊หลายชนิด…
เพียงคิดก็ปวดหัวแล้ว
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ ถ้าอยากครอบครองกองทัพ เขาก็จะใช้พละกำลังขู่เข็ญไม่ได้เด็ดขาด!