เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1699 เหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 1,699 เหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์
“เกิดอะไรขึ้น?”
เย่เทียนหลิงและพรรคพวกที่ซ่อนตัวอยู่ในร้านขายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารชะโงกมองเหตุการณ์ที่ถนนด้านนอกด้วยความเคร่งเครียด
ผู้ใดถึงกับกล้าละวาดในเขตการปกครองของกองทัพเจี๋ยซิง?
หรือว่าจะเป็นทหารกองทัพอื่นบุกข้ามเขตแดนเข้ามา?
ทันใดนั้น พวกเขาก็เห็นอสูรสีน้ำเงินตัวหนึ่งเดินลากนายทหารของกองทัพเจี๋ยซิงอยู่กลางถนน รอบกายยังคงมีนายทหารระดับสูงอีกมากที่นอนตายไม่ต่างจากมดปลวกตัวหนึ่ง
“พวกเราต้องหาทางหนีออกไปจากที่นี่ให้ได้ก่อน”
เย่เทียนหลิงหันกลับมามองหน้าพวกของเซี่ยถิงอวี่ก่อนจะกัดฟันกล่าวต่อ “หากเหตุการณ์ยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป สถานการณ์จะเลวร้ายลงเรื่อย ๆ อีกไม่นานอาหารและน้ำดื่มจะถูกปล้น พวกเราจะตกอยู่ในอันตราย ข้าเองก็ไม่ได้กลัวตายหรอก แต่ข้ากลัวว่าบรรดาผู้เฒ่าผู้แก่และเด็กสตรีที่อาศัยอยู่บริเวณท่าเทียบเรือจะไม่มีอาหารให้กินดื่มต่างหาก”
บรรดานายทหารคนอื่น ๆ ล้วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วย
“พวกเราคงหลบหนีได้ง่ายขึ้น หากมีพี่สาวกับพี่หลินอยู่ด้วย” เซี่ยถิงอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “ข้าไม่ทราบเลยว่าบัดนี้พวกเขาอยู่ที่ใดแล้ว”
ดวงตาของเย่เทียนหลิงเป็นประกายระยิบระยับ
นั่นสินะ เด็กหนุ่มรูปหล่อผู้มีนามว่าหลินเป่ยเฉินมีฝีมือกระบี่สะท้านสะเทือนแผ่นดิน หากเขาอยู่ที่นี่ด้วย การขนส่งอาหารและน้ำดื่มในครั้งนี้ก็คงปลอดภัยมากกว่าเดิมหลายเท่า
แต่ทันใดนั้น ดวงตาของเย่เทียนหลิงก็ปรากฏความเป็นกังวลขึ้นมา
ไม่ว่าหลินเป่ยเฉินจะแข็งแกร่งสักเพียงใด แต่หากมาเจออสูรน้ำเงินตัวนี้ ด้วยความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากเกินไป เกรงว่าหลินเป่ยเฉินก็คงทำสิ่งใดไม่ได้อีกแล้ว
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน ถิงอวี่ เจ้ากับคนอื่น ๆ ดูแลความปลอดภัยที่นี่ให้ดี อย่าให้มีผู้คนเข้ามาขโมยอาหารและน้ำดื่มได้เด็ดขาด”
เย่เทียนหลิงกัดฟันกรอดและตัดสินใจขั้นเด็ดขาด “ข้าจะออกไปตามหาคุณชายหลินและแม่นางชิน พวกเขาทั้งสองคนไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ อาจเกิดเรื่องร้ายขึ้นได้ง่าย ๆ เอาไว้ข้าพบเจอพวกเขาเมื่อไหร่ ข้าจะรีบกลับมาหาพวกเจ้า แล้วพวกเราก็จะออกเดินทางกัน…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
เย่เทียนหลิงก็เห็นว่าเซี่ยถิงอวี่กำลังจ้องมองมาที่ตนเองด้วยความตื่นตระหนก
เกิดอะไรขึ้น?
เย่เทียนหลิงสะดุ้งโหยง ก่อนจะนึกอะไรได้บางอย่าง
จึงค่อย ๆ หันหน้ามองกลับไป
แล้วเขาก็เห็นอสูรแดงตัวหนึ่งเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าร้านขายวัตถุดิบสำหรับประกอบอาหาร และมันก็กำลังก้มตัวมองเข้ามาที่พวกเขา
ดวงตาที่อยู่ภายใต้หมวกเหล็กของมันเป็นประกายวาวโรจน์
ในขณะนี้ เย่เทียนหลิงและพรรคพวกรู้สึกหนาวเย็นไปทั่วกายราวกับกำลังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
อสูรแดงตัวนี้มีความน่ากลัวเกินไป มันทำให้พวกเขายืนนิ่ง ไม่สามารถขยับเขยื้อนร่างกายได้อีกแล้ว
กลุ่มนายทหารนึกว่าตนเองกำลังจะต้องตาย…
“อ้อ มาอยู่ที่นี่กันนี่เอง”
เสียงที่คุ้นเคยพลันดังขึ้น “คิดไม่ถึงเลยว่าพี่เย่จะห่วงใยข้าถึงเพียงนี้ พบเจอกันเพียงไม่กี่วัน กลับรู้สึกผูกพันไม่ต่างจากสหายที่คบหากันมานานปี ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”
หลินเป่ยเฉิน… เด็กหนุ่มในชุดขาวค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มแจ่มใส
“ท่าน… เป็น… ท่านเองหรือ…”
เย่เทียนหลิงสลัดหลุดออกจากความตกตะลึง เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง แต่ก็ยังไม่อยากเชื่อ เสียงสั่นเครือ
“อ้อ ข้าลืมแนะนำตัวเองไปเลย”
หลินเป่ยเฉินเงยหน้าขึ้นสี่สิบห้าองศา ยิ้มอวดฟันขาววับและกล่าวว่า “ข้ามีนามว่าหลินเป่ยเฉิน ข้ามาจากกองทัพเซียนกระบี่ นอกจากมีหน้าตาหล่อเหลาสามารถเอาชนะใจสตรีได้ทุกดินแดนแล้ว ข้ายังมีฝีมือกระบี่เป็นเลิศ ผู้คนจำนวนมากจึงยกย่องข้าและตั้งฉายาให้ข้าเป็นเซียนกระบี่”
เซียนกระบี่?
เย่เทียนหลิงและพรรคพวกถึงกับยืนตกตะลึงไปแล้ว
หลินเป่ยเฉินยกมือชี้ไปที่เจ้าอสูรแดงซึ่งยืนอยู่ด้านหลังและกล่าวว่า “ก็อย่างที่พวกท่านเพิ่งเห็นไปนี่แหละ อสูรเหล่านี้เป็นลูกสมุนของข้าเอง… บัดนี้ เขตหลานเหนี่ยวตกอยู่ในการควบคุมของข้าแล้ว พวกท่านคงคิดไม่ถึงเลยสินะ?”
เย่เทียนหลิง เซี่ยถิงอวี่และคนอื่น ๆ ยืนนิ่งอึ้งตะลึงงันไม่ต่างจากเป็นรูปปั้นหิน
พวกเขากำลังอยู่ในอาการที่มากกว่าความประหลาดใจ
เป็นความตกตะลึง
“ท่าน… ท่านคือเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินจริง ๆ หรือ?”
บัดนี้ เซี่ยถิงอวี่นายทหารหนุ่มผู้ขี้อายทำลายความเงียบขึ้นมาเป็นคนแรก สีหน้าของเขาบอกชัดถึงความเหลือเชื่อและประหลาดใจ “ท่านมาที่นี่… เพื่อช่วยเหลือพวกเราใช่หรือไม่?”
กองทัพเซียนกระบี่
เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉิน
นี่คือความหวังสุดท้ายที่จะช่วยปลดแอกชาวเมืองผู้บริสุทธิ์ในเขตพื้นที่หลานเหนี่ยว
ตอนแรก มันเป็นเพียงความหวังลม ๆ แล้ง ๆ
เป็นความหวังที่ไม่มีทางเป็นจริง
แต่ทว่า…
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าอย่างแช่มช้า
ทันใดนั้น เซี่ยถิงอวี่ก็ร้องไห้ออกมาด้วยความปลาบปลื้มใจ
…
หลังจากนั้นไม่นาน
การออกลาดตระเวนทั่วเขตหลานเหนี่ยวก็เสร็จสิ้น
อันตรายที่ยังหลงเหลืออยู่ถูกพวกของหลินเป่ยเฉินกำจัดไปหมดสิ้น
ด้านนอกหอสุราเซียนเมามาย
กลุ่มนายทหารของกองทัพเจี๋ยซิงที่ยังรอดชีวิตอยู่ต่างก็ถูกนำมารวมตัวกันอยู่ที่ลานด้านหน้าหอสุราในท่วงท่าที่แปลกประหลาดพิสดาร
เมื่อหลินเป่ยเฉินกลับมาพร้อมกับพวกเย่เทียนหลิง เซี่ยถิงอวี่และคนอื่น ๆ นักพรตหญิงชินก็เพิ่งจะสอบสวนคณะของหลงเซวียนเสร็จพอดี
“ข้าค้นพบสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง”
นักพรตหญิงชินนั่งอยู่ริมหน้าต่างบนหอสุราและโบกมือเรียกหลินเป่ยเฉินที่ยืนอยู่ด้านนอก “รีบเข้ามาฟังเถอะ”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าสู่ด้านในหอสุรา เมื่อนั่งลงที่โต๊ะอาหารเรียบร้อย ก็เปิดใช้งานค่ายอาคมเพื่อปิดกั้นไม่ให้ผู้อื่นได้ยินบทสนทนาต่อจากนี้ เมื่อเรียบร้อยดีแล้ว เด็กหนุ่มก็ถามด้วยความสงสัยใจว่า “สิ่งที่น่าสนใจอันใดหรือขอรับ?”
นักพรตหญิงชินกล่าวว่า “หลงเซวียนกุมความลับสำคัญเอาไว้ ปรากฏว่าใต้ดินของเขตหลานเหนี่ยวเป็นที่ตั้งของเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์”
หลินเป่ยเฉินเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
ถึงเขาจะเป็นคนโง่ แต่ก็พอจะเคยได้ยินชื่อเสียงของแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์อยู่บ้าง
มันเป็นวัตถุดิบสำหรับการเล่นแร่แปรธาตุที่หายาก
เป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาล
ไม่ว่าจะเป็นอาวุธหรือชุดเกราะ หรืออุปกรณ์เล่นแร่แปรธาตุใด ๆ ที่สร้างขึ้นมาจากแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ พวกมันต่างก็มีราคาสูงลิ่วทั้งสิ้น
นอกจากนี้ แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ยังมีอิทธิฤทธิ์ในการช่วยลดอานุภาพของคำสาป การโจมตีและการควบคุมของฝ่ายตรงข้ามได้อีกด้วย
ณ ปัจจุบัน อาวุธเล่นแร่แปรธาตุที่ผลิตขึ้นมาด้วยแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์มักจะมีอานุภาพการโจมตีรุนแรงที่สุดต่อเผ่าพันธุ์อสูรและเผ่าพันธุ์ปีศาจ… โดยเฉพาะกับเผ่าพันธุ์ปีศาจที่ดูเหมือนว่าจะแพ้แร่โลหะหายากชนิดนี้เป็นพิเศษ
แร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์คือวัตถุดิบที่สำคัญมากสำหรับผู้ฝึกวิชาตามสายเลือดผู้แปรธาตุ
แต่การค้นพบเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์นั้นแทบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพราะมันเป็นสิ่งที่มีมูลค่ามหาศาลเหลือเกิน
มีค่ามากกว่าการค้นพบเหมืองแร่ทองคำสำหรับนำไปใช้เป็นสกุลเงินตำลึงทองเสียอีก
“ตกลงว่าพวกเรากำลังจะรวยกันแล้วใช่หรือไม่?”
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายระยิบระยับขึ้นมาในทันใด
“แต่ที่สำคัญก็คือเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้มีอยู่แค่ในเขตหลานเหนี่ยวเท่านั้น เมืองเทียนหลางซิงแบ่งแยกออกเป็นเจ็ดเขตปกครองใหญ่ แต่ละเขตก็จะมีเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์เป็นของตนเอง… และเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์ในเขตหลานเหนี่ยวก็เป็นเพียงหนึ่งในนั้นเท่านั้น”
นักพรตหญิงชินกล่าว “ไม่มีผู้ใดรู้คำตอบว่าเพราะเหตุใดจึงไม่เคยมีผู้คนค้นพบเรื่องนี้มาก่อน แต่เจ้าลองเดาดูสิว่าผู้ที่ค้นพบเหมืองแร่ทองคำศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้คือผู้ใด?”