เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1706 ความยอดเยี่ยมของหวังจง
ตอนที่ 1,706 ความยอดเยี่ยมของหวังจง
“ใช่แล้วขอรับ นายน้อยมีความแข็งแกร่งไร้เทียมทาน บ่าวทราบดีอยู่แล้วว่าไม่ว่าอยู่ในดินแดนใด ก็ไม่มีผู้ใดสามารถต่อกรกับนายน้อยได้แน่นอน...”
หวังจงรีบประจบประแจงอย่างไม่ลืมหูลืมตา
“ไสหัวไปซะ”
หลินเป่ยเฉินโบกมือไล่ด้วยความรำคาญใจ
“ขอรับ”
หวังจงรีบถอยหนีไป
เมื่อเหตุการณ์นี้ปรากฏในสายตาของผู้คนในเขตหลานเหนี่ยว พวกเขาต่างก็ตกตะลึงกันทันที
ปรากฏว่านอกจากเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินจะมีฝีมือการต่อสู้แข็งแกร่งแล้ว เขายังมีขุมกำลังที่น่าเกรงขามอีกด้วย
กองทัพเรือเหาะกว่าสองร้อยลำมีแสนยานุภาพมากพอที่จะยึดครองเขตพื้นที่หลานเหนี่ยวได้อย่างไม่ต้องสงสัย
นับจากนี้ไป เขตหลานเหนี่ยวก็จะมีแต่ความสงบสุขแล้ว
เสียงโห่ร้องจากผู้คนดังกึกก้องไปทั้งตัวเมือง
หลินเป่ยเฉินโบกไม้โบกมือทักทายผู้คน รอยยิ้มแจ่มใสปรากฏบนใบหน้า เขาลอยตัวอยู่กลางอากาศครู่ใหญ่ ก่อนจะทิ้งตัวกลับไปที่เรือเหาะเซียนกระบี่อีกครั้ง
เมื่อมีหวังจงอยู่ข้างกาย เขาก็ไม่ต้องเป็นกังวลต่อสิ่งใดอีกแล้ว
เอ๊ะ?
เดี๋ยวก่อนนะ
นี่หวังจงกลายเป็นคนสำคัญในใจเขาตั้งแต่เมื่อไหร่?
หลินเป่ยเฉินนอนลงเล่นโทรศัพท์มือถือขณะเกิดคำถามขึ้นในใจ
…
ครึ่งวันต่อมา
“นายน้อย ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
หวังจงเดินเข้ามารายงานที่เรือเหาะเซียนกระบี่
“เรียบร้อยหมดแล้วหรือ?”
หลินเป่ยเฉินดีดตัวลุกขึ้นนั่งด้วยความตกใจ “เร็วขนาดนี้เชียว?”
“ก็แค่เขตเมืองเล็ก ๆ ไม่มีอันใดลำบากเลยขอรับ” หวังจงตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “นายน้อยอย่าลืมสิว่าก่อนหน้านี้ หวังจงก็คอยดูแลเมืองต่าง ๆ ในอาณาจักรซือเว่ยให้นายน้อยอยู่แล้ว”
นั่นสินะ
หลินเป่ยเฉินลืมไปเสียสนิทเลย
เด็กหนุ่มยกมือเกาหัวแกรก ๆ
หวังจงยิ้มอีกครั้งและกล่าวว่า “นายน้อย บ่าวส่งตัวเฉาตงเซินและโจวเจิ้งนำกำลังพลบุกไปโจมตีเขตเหยียนปิงแล้วขอรับ บัดนี้ กลุ่มคนเหล่านั้นยังไม่ทันตั้งตัวรับมือกับความตายของฮันม่อซู คาดว่าในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม พวกเราก็จะสามารถยึดครองเขตเหยียนปิงได้สำเร็จขอรับ”
หลินเป่ยเฉินพยักหน้า
ให้ตายเถอะ หวังจงจัดการทุกอย่างได้สมบูรณ์แบบจริง ๆ
หลินเป่ยเฉินอดรู้สึกไม่ได้ว่านับตั้งแต่ที่หวังจงปรากฏตัว เขาเองก็ไร้ค่าหมดความหมายไปทันที
ก่อนหน้านี้ นักพรตหญิงชินจะคอยชี้แนะแนวทางให้หลินเป่ยเฉินได้แก้ปัญหาด้วยตนเอง แต่หวังจงจะคอยแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้หลินเป่ยเฉินโดยที่เด็กหนุ่มไม่ต้องออกคำสั่ง
ดังนั้น ดูเหมือนว่า…
เป็นคนไร้ประโยชน์ก็ดีเหมือนกันแฮะ
“นายน้อยขอรับ เมื่อเขตเหยียนปิงอยู่ในมือของพวกเรา ทีนี้ก็เหลืออีกแค่ห้าเขตแดนเท่านั้น และทั้งห้าเขตแดนก็ประกอบไปด้วยเขตตงหยา เซวียนโจว เจิ้งติง ม่อหลิงและหานเฉา พวกเราก็สมควรรีบบุกยึดให้เร็วที่สุดเช่นกัน เมื่อมีเขตแดนทั้งเจ็ดอยู่ในการครอบครองเรียบร้อย กองทัพเซียนกระบี่ก็จะมีอำนาจในการเจรจาต่อรองได้กับทุกฝ่ายแล้วขอรับ…”
หวังจงให้คำแนะนำ
หลินเป่ยเฉินปรบมือด้วยความพอใจ “ให้ตายสิ นับว่าเจ้าจัดการเรื่องเล็กน้อยเหล่านี้ได้ดีเยี่ยมจริง ๆ”
หวังจงก้มหน้ารอรับคำสั่ง
“แต่ว่า…”
หลินเป่ยเฉินพลันถามด้วยความสงสัย “หากเรานำกองทัพบุกโจมตีเขตแดนทั้งเจ็ด แล้วเมืองอื่น ๆ ที่เรายึดครองมาได้ก่อนหน้านี้ ผู้ใดจะเป็นคนดูแล?”
หวังจงยิ้มและตอบว่า “เมื่อสิบวันก่อน คุณชายเซียวปิงกับหลงหน่าเดินทางมาถึงแล้วขอรับ ทั้งสองท่านคอยทำหน้าที่ดูแลเมืองต่าง ๆ ให้พวกเราอยู่ขอรับ”
“องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่ได้มาด้วยหรือ?”
หลินเป่ยเฉินถามขึ้นมาทันที
หวังจงยกมือปาดเหงื่อบนหน้าผาก “องค์ชายเจี้ยนอวี่บอกว่าต้องการจะอยู่ในเมืองชิงอวี้ต่อไปขอรับ เขากล่าวว่าต้องการจะตอบแทนบุญคุณของวังถ้ำเซียนให้ได้มากที่สุด”
“หืม? ไอ้หมอนี่ไม่ยอมมาอีกแล้วแฮะ”
หลินเป่ยเฉินรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นับว่าองค์ชายเจี้ยนอวี่เป็นคนที่พึ่งพาไม่ได้เลย
หวังจงอธิบายว่า “องค์ชายเจี้ยนอวี่สำนึกในบุญคุณของวังถ้ำเซียนมากขอรับ ดังนั้นเขาจึงอยากจะอยู่ต่อเพื่อช่วยกอบกู้วังถ้ำเซียนให้กลับมายิ่งใหญ่อีกครั้ง และองค์ชายเจี้ยนอวี่ก็ยังได้ฝากบ่าวให้มาบอกต่อนายน้อยว่า นับตั้งแต่ที่มาถึงโลกใบใหม่ เขาก็รู้สึกเหมือนตนเองได้มีชีวิตใหม่อีกครั้ง องค์ชายเจี้ยนอวี่ไม่อยากจะพึ่งพาความช่วยเหลือของผู้ใดอีกต่อไป เขาอยากจะใช้ความสามารถของตนเองในการสร้างเส้นทางชีวิตให้แก่ตนเองขอรับ”
หืม?
ถ้าอย่างนั้นก็แล้วไป
หลินเป่ยเฉินพยักหน้าหงึกหงัก
หากองค์ชายเจี้ยนอวี่มีความคิดเช่นนั้นจริง ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี
แต่แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้หลินเป่ยเฉินประหลาดใจมากที่สุดก็คือหลงหน่าไม่ได้เลือกที่จะอยู่ข้างกายองค์ชายเจี้ยนอวี่อีกต่อไปแล้ว แต่นางกลับตอบรับคำเชิญเพื่อมาเข้าร่วมกองทัพเซียนกระบี่ของเขาแทน
“นายน้อย บ่าวได้ยินมาว่าที่ท่าเทียบเรือนอกเมืองนั้น มีคนแปลกประหลาดนามว่าท่านผู้กล้าแซ่โจว เขามีฝีมือในการต่อสู้แข็งแกร่งเลื่องลือระบือไกล อีกทั้งยังมีสถานะสูงส่งในเขตหลานเหนี่ยว นายน้อยเคยพบเจอกับคนผู้นี้แล้วหรือไม่? หากพวกเราสามารถนำเขามาเป็นพวกได้ แผนการในการยึดครองเจ็ดเขตแดนก็คงง่ายดายขึ้นแล้ว”
หวังจงเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้า “ข้าเคยลองติดต่อเขามาสามครั้งแล้ว”
หวังจงรีบเสนอตัวด้วยความกระตือรือร้นว่า “ถ้าอย่างนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบ่าวเถอะขอรับ บ่าวจะต้องพาท่านผู้กล้าแซ่โจวมาพบเจอกับนายน้อยให้ได้”
“ได้สิ ฝากด้วยก็แล้วกันนะ”
หลินเป่ยเฉินยิ้มกริ่ม
หวังจงประสานมือก้มศีรษะ “ถ้าอย่างนั้นบ่าวขอไปพบเขาก่อนนะขอรับ”
เมื่อมองแผ่นหลังของหวังจงเดินจากไป หลินเป่ยเฉินก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขาอยู่ที่เขตหลานเหนี่ยวมาเกือบยี่สิบวันแล้ว ไม่ทราบเลยว่าเคยติดต่อไปที่ท่านผู้กล้าแซ่โจวทั้งหมดกี่ครั้ง แต่ก็ยังไม่เคยเห็นคนผู้นั้นแม้แต่ปลายเส้นผม
แล้วหวังจงจะเอาอะไรไปพาตัวท่านผู้กล้าแซ่โจวมาหาเขา?
หลินเป่ยเฉินแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นความล้มเหลวของหวังจง
แต่ชีวิตคนเรามักจะเต็มไปด้วยความประหลาดใจเสมอ
สิ่งที่น่าเหลือเชื่อบังเกิดขึ้น
ผ่านไปเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น
วีรบุรุษในตำนานแห่งท่าเทียบเรือก็มาปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าหลินเป่ยเฉิน
“โจวเทียนอวิ๋น ขอทำความเคารพท่านผู้สูงส่ง”
ท่านผู้กล้าแซ่โจวสวมใส่อาภรณ์สีน้ำเงิน ร่างกายกำยำ แต่ใบหน้าอ่อนวัย ไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าคนผู้นี้มีอายุที่แท้จริงเท่าไหร่กันแน่
หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าหวังจงที่เดินตามเข้ามาด้วยความเหลือเชื่อ
ตาเฒ่าคนนี้…
เขาทำได้อย่างไร?
เขาทำให้ท่านผู้กล้าแซ่โจวยอมมาหาหลินเป่ยเฉินได้จริง ๆ