เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1715 เข้าสู่คุกใต้ดิน
ตอนที่ 1,715 เข้าสู่คุกใต้ดิน
“ตราบใดที่ท่านยอมให้การเอาผิดหลินเป่ยเฉินและเปิดเผยความจริงว่าเขาร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ จนนำมาสู่การสังหารท่านขุนนางใหญ่เหยียนอวี้หลง การทรมานครั้งนี้ก็จะยุติลง และท่านผู้คุมสภาเฟิงก็จะได้รับการปล่อยตัวโดยทันที นี่เป็นข้อเสนอที่ดีมากไม่ใช่หรือ?”
เฟิงเสี่ยวไป๋อยู่ในอาการสะลึมสะลือครึ่งหลับครึ่งตื่น
พลังยุทธ์อันสูงส่งแทบสูญสลายหมดสิ้น
บัดนี้ เขาแทบไม่ต่างไปจากคนพิการผู้หนึ่ง
การทรมานของหน่วยสืบสวนพิเศษนั้นโหดร้ายทารุณเกินจินตนาการ เครื่องมือทรมานที่มีอยู่หลายชนิดนั้น นอกจากจะสร้างความเจ็บปวดให้แก่ร่างกายแล้ว ยังสามารถสร้างความทรมานให้แก่จิตใจได้อย่างน่าสะพรึงกลัวอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ แม้เฟิงเสี่ยวไป๋จะมีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิ แต่เมื่อถูกส่งตัวเข้าห้องทรมาน เขาก็ไม่อาจทนทานรับไหวอีกแล้ว
น้ำลายและโลหิตไหลย้อยออกมาจากปากของเฟิงเสี่ยวไป๋อย่างควบคุมไม่ได้
ดวงตาของเขาเหม่อลอย กล้ามเนื้อบนใบหน้ากระตุก เฟิงเสี่ยวไป๋ไม่ต่างจากคนใกล้ตาย ไม่เหลือสง่าราศีของผู้ที่ดำรงตำแหน่งท่านผู้คุมสภาแห่งอาณาจักรหลิวเยวียนแม้แต่นิด
สายตาของเฟิงเสี่ยวไป๋มองเห็นทุกอย่างเป็นภาพซ้อน
สติสัมปชัญญะวุ่นวายสับสน
เฟิงเสี่ยวไป๋ต้องนึกทบทวนอยู่นานทีเดียวกว่าจะคิดออกว่าหลินเป่ยเฉินกับเหยียนอวี้หลงเป็นผู้ใด เพราะด้วยความที่ตนเองถูกทรมานอย่างต่อเนื่อง สมองของเขาจึงได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง ทำให้สูญเสียความสามารถในการประมวลผลเรื่องราวต่าง ๆ ไปชั่วคราว
ผ่านไปหลายสิบลมหายใจ ในที่สุด เฟิงเสี่ยวไป๋ก็จดจำทุกอย่างได้แล้ว
กล้ามเนื้อบนใบหน้าของเขากระตุก มุมปากยกตัวเหมือนรอยยิ้ม เฟิงเสี่ยวไป๋พยายามพูดออกมาว่า “ไม่ เขาไม่ใช่คนทรยศ เขาไม่ได้ร่วมมือกับเผ่าพันธุ์ปีศาจ…”
“นี่ไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง”
เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทรมานส่ายศีรษะด้วยความผิดหวังและกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าสลด “นี่ไม่ใช่คำตอบที่ควรออกมาจากปากท่าน... ทรมานต่อไป”
เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านข้างนำเครื่องมือทรมานออกมาเริ่มต้นการทรมานต่อไป
บนกำแพงทั้งสี่ด้านของห้องทรมานมีอุปกรณ์จำนวนมากแขวนเรียงรายเอาไว้ละลานตา เครื่องมือแต่ละชิ้นต่างก็มีวัตถุประสงค์ในการใช้งานแตกต่างกันไป บางชิ้นเอาไว้ใช้ทิ่มแทงฝ่าเท้า บางชิ้นเอาไว้ใช้ที่ทิ่มแทงแขนขา บางชิ้นเอาไว้ใช้ทิ่มแทงหัวใจ หว่างคิ้ว ช่วงท้อง กระดูกสันหลัง ไปจนถึงก้านสมอง…
ร่างกายของเฟิงเสี่ยวไป๋ชักกระตุกอย่างรุนแรง ลำคอของเขาส่งเสียงคำรามแหบต่ำ ไม่ต่างจากกุ้งยักษ์โดนน้ำร้อนลวก
โลหิตไหลทะลักออกมาจากบาดแผลบนร่างกาย
สติของเขากำลังจะพร่าเลือน
ทันใดนั้น…
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เป็นผู้ใด?”
เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทรมานชักสีหน้าด้วยความรำคาญใจ ก่อนจะลุกขึ้นไปเปิดประตูอย่างเชื่องช้า “ข้าสั่งไว้แล้วไงว่าห้ามรบกวน… อ้อ เป็นเสี่ยวปี๋นี่เอง”
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย
ทำไมเขาถึงต้องมาเจอเจ้าคนเสียสติในเวลานี้ด้วยนะ?
ปี๋อวิ่นเถามีชื่อเสียงเลื่องลือไปทั่วหน่วยสืบสวนพิเศษ ด้วยความที่อายุยังน้อย มีระดับพลังแข็งแกร่ง จิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ ครั้งหนึ่งเคยเป็นดาวเด่นแห่งหน่วยสืบสวนพิเศษ
แต่น่าเสียดายที่บุรุษหนุ่มยึดมั่นในหลักการมากเกินไป ทั้งยังไม่รู้จักยืดหยุ่นในการใช้ชีวิตบนโลกแห่งความเป็นจริง บางครั้งจึงกระทำเรื่องราวอย่างยอมหักไม่ยอมงอ ทำให้ผิดใจกับเพื่อนร่วมงานเป็นจำนวนมาก ดังนั้นหลายคนจึงพากันสงสัยว่าปี๋อวิ่นเถาอาจจะมีปัญหาทางสมองก็เป็นได้
และไม่ว่าด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม ปี๋อวิ่นเถาไม่สมควรมาปรากฏตัวที่ห้องทรมานของเขาเช่นนี้เลย
เจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมการทรมานเริ่มคาดเดาไปต่าง ๆ นานา
“ที่แท้ก็เป็นท่านผู้คุมเหลียวนี่เอง”
เห็นได้ชัดว่าปี๋อวิ่นเถารู้จักผู้ควบคุมการทรมานท่านนี้ จึงพยักหน้าทักทายกันพอเป็นพิธี
ผู้คุมเหลียวเดินออกมายืนขวางอยู่หน้าประตู สื่อสารเจตนาชัดเจนว่าไม่ต้องการให้ปี๋อวิ่นเถาเข้าสู่ด้านในห้องทรมาน
เขาชำเลืองมองมาที่หลินเป่ยเฉินซึ่งยืนอยู่ด้านหลังปี๋อวิ่นเถา ใบหน้าของผู้คุมเหลียวจึงบิดเบี้ยวเล็กน้อยก่อนขมวดคิ้วถามว่า “ท่านพาคนแปลกหน้ามาทำอะไรที่นี่?”
ห้องทรมานเป็นเขตแดนต้องห้ามของหน่วยสืบสวนพิเศษ หากไม่ใช่นักโทษและผู้คุม ผู้ที่จะเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ได้จะต้องได้รับการอนุญาตเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น
และปี๋อวิ่นเถาไม่มีรายชื่ออยู่ในผู้ที่มีคุณสมบัตินั้น
ด้วยเหตุนี้ ผู้คุมเหลียวจึงปล่อยให้ปี๋อวิ่นเถาเข้าสู่ด้านในห้องทรมานไม่ได้เด็ดขาด
ปี๋อวิ่นเถาอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ข้าได้เบาะแสใหม่ในคดีที่กำลังสืบสวนอยู่ มีข้อมูลบางอย่างที่ข้าต้องการได้ยินจากปากของเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียน เจ้าหน้าที่ด้านบนบอกว่าทั้งสองคนถูกพาตัวมาที่ห้องทรมานหมายเลข 28 เมื่อครึ่งชั่วยามก่อน ไม่ทราบว่าผู้คุมเหลียวสอบสวนนักโทษเสร็จแล้วหรือไม่?”
ผู้คุมเหลียวส่ายศีรษะ “ยังไม่เสร็จ ท่านกลับไปก่อนเถอะ”
ปี๋อวิ่นเถาขมวดคิ้วแต่ก็ยังยืนอยู่ที่เดิมและกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่นมากขึ้น “ตามกฎของหน่วยสืบสวนพิเศษ ผู้คุมจะสามารถใช้งานห้องทรมานได้ครั้งละไม่เกินครึ่งชั่วยาม นี่ก็ครบกำหนดเวลาของผู้คุมเหลียวแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไม่ถือโทษท่านที่ใช้งานห้องทรมานเกินเวลา ได้โปรดส่งตัวนักโทษทั้งสองคนมาให้ข้าเถอะ”
“นี่เป็นการสอบสวนในคดีพิเศษ เพราะฉะนั้น ข้าจึงได้รับสิทธิ์ให้ใช้ห้องทรมานได้โดยไม่จำกัดเวลา”
ผู้คุมเหลียวกล่าว
ปี๋อวิ่นเถาตอบว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอดูเอกสารยืนยันสักหน่อย”
“เจ้า…”
ผู้คุมเหลียวชักสีหน้าด้วยความโกรธแค้น “นี่เจ้าต้องการเป็นศัตรูกับข้าใช่หรือไม่?”
“แล้วแต่ท่านจะคิด”
ปี๋อวิ่นเถาตอบกลับไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “ข้าต้องการพบนักโทษทั้งสองคนนั้นเดี๋ยวนี้”
“พบไม่ได้”
ผู้คุมเหลียวปฏิเสธโดยไม่ลังเล
“ท่านจะเสียเวลาพูดคุยอยู่เพื่ออะไรอีก”
หลินเป่ยเฉินรีบกระซิบใส่หูของปี๋อวิ่นเถา “ฆ่าทิ้งไปก็หมดเรื่องแล้ว”
ผู้คุมเหลียวหันมาจ้องหน้าหลินเป่ยเฉินเขม็ง
หลินเป่ยเฉินมองตอบกลับไปอย่างไม่กลัวเกรง
ผู้คุมเหลียวหัวเราะในลำคอ “หมูโง่ตัวนี้มาจากที่ใด? เจ้าไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ของที่นี่หรือ?”
เขาเข้าใจว่าหลินเป่ยเฉินเป็นผู้ติดตามคนใหม่ของปี๋อวิ่นเถาจึงดุด่าได้อย่างสบายปาก
หลินเป่ยเฉินหัวเราะเยาะตอบกลับไป
เขายกมือขึ้นกระแทกหมัด
พลั่ก!
ร่างของผู้คุมเหลียวลอยกระเด็น
ผู้คุมเหลียวรู้สึกได้ถึงแรงกระแทกหนักหน่วงขณะที่ตนเองลอยมากระแทกกับประตูห้องทรมานอย่างควบคุมไม่ได้
ประตูห้องทรมานเปิดออกกว้าง
“ท่านทำอะไรของท่าน… ท่านกล้าดีอย่างไร? ที่นี่คือคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษ ห้ามไม่ให้มีการทำร้ายผู้คุมเด็ดขาด มิเช่นนั้น ท่านจะต้องถูกลงโทษอย่างหนัก”
ปี๋อวิ่นเถาหันกลับมากล่าวอย่างไม่สบอารมณ์
“แต่นั่นเป็นกฎของพวกท่าน ไม่ใช่กฎของข้าสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินยักไหล่ตอบกลับไปอย่างไม่แยแส “อีกอย่าง เวลาของข้าเป็นเงินเป็นทอง ข้าไม่อยากเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์…”
แล้วเด็กหนุ่มก็เดินนำเข้าไปในห้องทรมาน
ปี๋อวิ่นเถาจ้องมองแผ่นหลังของหลินเป่ยเฉิน
เขายกมือขึ้นจับด้ามจับกระบี่ แต่หลังจากลังเลเล็กน้อย ปี๋อวิ่นเถาก็สูดหายใจลึก ปล่อยมือออกจากด้ามจับกระบี่และเดินตามเข้าไปในที่สุด
กลิ่นคาวโลหิตลอยมาปะทะใบหน้า
นับเป็นกลิ่นที่ปี๋อวิ่นเถาคุ้นเคยเป็นอย่างดี