เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1718 เสียงแห่งความตาย
ตอนที่ 1,718 เสียงแห่งความตาย
มีเพียงหูจงเซียนผู้เดียวเท่านั้นที่ยืนขมวดคิ้ว เกิดสังหรณ์ไม่ดีขึ้นมาในจิตใจ
ปี๋อวิ่นเถาอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หาจังหวะแทรกไม่ได้
ในห้องทรมานหมายเลข 28 ยังคงมีเสียงหัวเราะดังขึ้นไม่หยุดยั้ง
บรรยากาศเต็มไปด้วยความตลกขบขัน
ทันใดนั้น…
ปัง!
เสียงที่แปลกประหลาดก็ดังขึ้น
โลหิตสาดกระจาย
หัวหน้าผู้คุมเฟิงจงหลิงที่กำลังหัวเราะขบขันพลันหยุดชะงักทันที
เขาก้มหน้ามองอย่างเชื่องช้า
ปรากฏว่าภายใต้การคุ้มกันของชุดเกราะวิหคเหินฟ้าซึ่งเป็นชุดเกราะเล่นแร่แปรธาตุระดับ 19 นั้น ขาซ้ายของเขาตั้งแต่ใต้หัวเข่าลงไปได้อันตรธานหายไปแล้ว
ความเจ็บปวดแล่นพล่านไปทั่วร่างกาย
“อ๊าก...”
เฟิงจงหลิงร้องโหยหวน
สีหน้าตื่นกลัว
ดูเหมือนเขาจะไม่เชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะกล้าทำร้ายตนเองในสถานการณ์เช่นนี้ และในเวลาเดียวกันนี้ เมื่อร่างกายไม่มีขาซ้ายอีกต่อไป สมดุลการทรงตัวจึงสูญสิ้น ตัวคนล้มคะมำไปด้านหนึ่ง
ผู้ติดตามรีบวิ่งเข้าไปประคอง
อีกหลายคนระเบิดเสียงคำราม
“บังอาจนัก!”
“ชั่วช้าเกินไปแล้ว!”
ผู้คุมที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 สองคนหันมองหน้ากัน ก่อนจะพร้อมใจกันชักกระบี่ออกมา และพุ่งเข้าหาหลินเป่ยเฉิน โจมตีใส่เขาด้วยความเร็วสายฟ้าฟาด
ปัง!
ปัง!
เสียงระเบิดที่แปลกประหลาดดังขึ้น
ม่านหมอกเลือดสาดกระจายอีกสองจุด
หลังจากนั้น ศพไร้ศีรษะของผู้คุมทั้งสองก็ล้มลงกับพื้นหิน โลหิตไหลเจิ่งนอง
ตายโดยไม่ต้องสืบ
“อย่าเพิ่งทำอะไรวู่วาม…”
ปี๋อวิ่นเถาได้แต่ตะโกนออกมาขณะรู้สึกอยากร้องไห้โดยไม่มีน้ำตายิ่งนัก
แต่ไม่มีผู้ใดเชื่อฟังเขาเลย
สถานการณ์เกินควบคุมแล้ว
ปัง!
ปัง!
ปัง!
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ม่านหมอกเลือดสาดกระจาย
ศพไร้ศีรษะล้มลงดั่งใบไม้ร่วง
“อย่าขยับ อย่าส่งเสียง”
หลินเป่ยเฉินพูดไม่ดัง แต่ถ้อยคำของเขากลับก้องอยู่ในหูของทุกคน
ม่านหมอกเลือดจากศพไร้ศีรษะสาดกระจายเปรอะเปื้อนเต็มกำแพงห้องทรมาน
คราบเลือดเหล่านั้นไม่ต่างจากกุหลาบแดงที่เบ่งบานกลางความมืดมิด เป็นความสวยงามแห่งความตาย ทำให้ทุกคนรู้สึกขนลุกขนชัน
ความปั่นป่วนโกลาหลกลายเป็นความเงียบสงบ
บรรดาผู้คุมปิดปากเงียบ ไม่กล้าเคลื่อนไหว
“ทีนี้จะตอบคำถามของข้าได้หรือยัง?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาหาหัวหน้าผู้คุมเฟิงจงหลิง
สีหน้าเย็นชาไร้ความรู้สึก
แต่ดวงตาเป็นประกายเย็นเยียบ ทำให้ผู้ที่ถูกจ้องมองถึงกับหนาวสั่นไปทั้งตัว
“คือว่า…”
เฟิงจงหลิงเหงื่อไหล เนื้อตัวสั่นเทา
ทั้งเจ็บปวด!
และหวาดกลัว!!
ก่อนหน้านี้ เขาเคยได้ยินตำนานเกี่ยวกับหลินเป่ยเฉินมามากมาย และส่วนใหญ่เฟิงจงหลิงก็มักจะหัวเราะเยาะเพราะไม่ได้เชื่อเรื่องเล่าเหล่านั้น คนเสียสติอย่างไรก็เป็นคนเสียสติอยู่วันยันค่ำ แล้วเขาจะต้องไปสนใจเพื่ออะไร?
เฟิงจงหลิงจึงไม่รู้จักน้ำหนักของคำว่าเซียนกระบี่
เซียนกระบี่ที่สามารถฆ่าผู้ที่พบเห็นได้โดยตาไม่กะพริบ
เมื่อจ้องมองศพไร้ศีรษะที่นอนเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นหิน เฟิงจงหลิงก็รู้สึกตื่นกลัวสุดขีด และเขาก็จำได้ดีถึงตำนานเล่าขานเกี่ยวกับหลินเป่ยเฉินขึ้นมาเรื่องหนึ่งว่า
ทุกครั้งที่หลินเป่ยเฉินเล่นงานศัตรู หลินเป่ยเฉินจะใช้วิชาเฉพาะตัวที่เรียกว่าวิชาปราณกระบี่คงกระพัน ศีรษะของคู่ต่อสู้จะระเบิดกระจาย ด้วยเหตุนี้ หลายคนจึงแอบตั้งฉายาลับ ๆ ให้แก่หลินเป่ยเฉินว่า ‘เซียนกระบี่นักล่าหัว’ และเรียกขานวิชาปราณกระบี่คงกระพันของเขาว่าเป็นวิชา ‘ปราณกระบี่ปลิดศีรษะ’
และด้วยความคิดวุ่นวายที่กำลังตีกันปั่นป่วนอยู่ในหัวสมอง เฟิงจงหลิงจึงไม่ทันได้ให้คำตอบตามที่เด็กหนุ่มต้องการฟัง
ปัง!
ม่านหมอกเลือดพุ่งกระฉูดออกมาจากไหล่ซ้ายของเฟิงจงหลิง
แล้วแขนซ้ายของเขาก็หายไป
เห็นได้ชัดว่าหลินเป่ยเฉินไม่หลงเหลือความอดทนอยู่อีกแล้ว
“อ๊าก...”
เฟิงจงหลิงส่งเสียงร้องราวหมูถูกเชือด “อย่าฆ่าข้าเลยนะ ข้ายอมบอกแล้ว ข้ายอมบอกแล้ว… หูจงเซียน เขาเป็นที่ปรึกษาของรองผู้คุมสภาหลินซิงเฉิง เขาเองก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน…”
เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย
ร่างของใครคนหนึ่งก็กำลังจะพุ่งออกไปจากประตูของห้องทรมานหมายเลข 28
หูจงเซียนหัวใจร้อนผ่าวด้วยความโกรธแค้น
เขาแทบรอไม่ไหวแล้วที่จะได้ใช้กระบี่หั่นซากศพของเฟิงจงหลิง
ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก
ตัวไร้ประโยชน์เช่นนี้กลายเป็นหัวหน้าผู้คุมได้อย่างไร?
คำสารภาพที่ไม่คาดคิดจากเฟิงจงหลิงทำให้หูจงเซียนผู้สงบเยือกเย็นตื่นตัวขึ้นมา และเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากรีบหลบหนี โดยไม่คิดอยู่รับชมเหตุการณ์ในห้องทรมานอีกต่อไป
ปัง!
ปัง!
เสียงระเบิดสั่นประสาทดังขึ้นอีกครั้งและอีกครั้ง
หูจงเซียนรู้สึกเบาหวิวบริเวณขาซ้ายและขาขวาของตนเอง
ทันใดนั้น ร่างกายของเขาก็สูญเสียการควบคุมจนล้มลงกระแทกพื้นหินอย่างแรง ตัวคนไถลไปไกลอีกหลายวา ทิ้งคราบเลือดลากยาวเป็นทางไว้ด้านหลัง…
เจ็บปวดทรมานแสนสาหัส
หูจงเซียนกัดฟันกรอด พยายามไม่ส่งเสียงร้องโหยหวนเหมือนเฟิงจงหลิง
เขารับรู้แล้วว่าตนเองคงหนีความตายไม่พ้น หูจงเซียนจึงไม่หวาดกลัวอีกต่อไป เขายันกายลุกขึ้นนั่ง และหันกลับไปจ้องมองหลินเป่ยเฉินพร้อมกับหัวเราะเยาะเสียงแหบต่ำ “ฮ่า ๆๆ ฮ่า ๆๆ…”
หลินเป่ยเฉินไม่สนใจหูจงเซียนอีกต่อไป
“สำนักงานของรองผู้คุมสภาอยู่ที่ใด?” เขาจ้องมองไปที่เฟิงจงหลิงหัวหน้าผู้คุมซึ่งใกล้หมดสติ “และรองผู้คุมสภาคือผู้ใด?”
ในอาณาจักรซือเว่ย ผู้ที่มีอำนาจสูงสุดในขณะนี้มีนามว่าฮวาไป๋อดีตแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพเทียนหลาง และปัจจุบันก็ดำรงตำแหน่งผู้คุมสภาสูงสุด
รองลงมาก็เป็นรองผู้คุมสภาทั้งห้าคน
ซึ่งประกอบไปด้วยหลินซิงเฉิง เยว่อี้ สวีฉานหลี่ ม่อหลี่และม่อเฟิง
“เป็นใต้เท้าหลิน หลินซิงเฉิง…”
เฟิงจงหลิงตื่นกลัวจนแทบเสียสติ ไม่กล้าปิดบังแม้แต่น้อย และรีบตอบคำถามเสียงดังฟังชัด
หลินซิงเฉิง!
เป็นเจ้าสุนัขหยาบช้าตัวนี้จริง ๆ
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจขั้นเด็ดขาด
“ขอบใจเจ้ามาก”
เขาพูด
ปัง!
แล้วเสียงแห่งความตายก็ดังขึ้นอีกครั้ง!