เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1722 จะอยู่หรือจะตาย
ตอนที่ 1,722 จะอยู่หรือจะตาย
หลินเป่ยเฉินอ่านผลสแกนบนหน้าจอโทรศัพท์มือถือ
“นี่ ข้าพูดกับเจ้าอยู่นะ ทำไมเจ้าไม่พูดกับข้า? เจ้ามียศตำแหน่งใดในคุกแห่งนี้? เจ้ากล้าเมินเฉยต่อข้าหรือ… เจ้ากำลังหัวเราะอันใดอยู่ไม่ทราบ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าบิดาของข้าคือผู้ใด?”
ฮั่วจิงเหลียงเดินเข้ามาที่โต๊ะไม้ของหลินเป่ยเฉิน ก่อนโน้มตัวเข้ามาจ้องหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยอากัปกิริยาข่มขู่คุกคาม
หลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใด เพียงยกมือขึ้นกระชากเส้นผมของฮั่วจิงเหลียงและค่อย ๆ กดอีกฝ่ายให้แนบหน้าลงกับโต๊ะของเขา
“โอ๊ย เจ้าตายแน่ เจ้ากล้าดีอย่างไรมากระชากผมข้า ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นะ…”
โพละ!
ทันใดนั้น ศีรษะของฮั่วจิงเหลียงก็ถูกบดขยี้กับโต๊ะไม้จนแตกกระจาย ของเหลวสีแดงปนขาวกระจัดกระจายไปรอบบริเวณ…
“ส่งศพไปที่สุสานตระกูลหยวน”
หลินเป่ยเฉินนำผ้าขนหนูออกมาเช็ดมือและกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “จุดธูปแจ้งให้ดวงวิญญาณคนตายได้รับทราบว่าหลินเป่ยเฉินผู้นี้แก้แค้นให้แก่พวกเขาแล้ว”
“รับทราบขอรับ”
เจิ้งเจียงรับคำสั่งด้วยความกระตือรือร้นและนำผู้ติดตามมาจัดการตามคำสั่งของเด็กหนุ่มทันที
หวังจิงมีสีหน้าตกตะลึง สายตาของเขายามจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินมีความคาดหวังอะไรบางอย่าง
และปี๋อวิ่นเถาก็ไม่ทราบอีกแล้วว่าตนเองสมควรพูดอย่างไรดี
เขารู้สึกว่าตนเองเป็นตัวโง่งมผู้หนึ่ง เขานำหมาป่ามาสู่โพรงกระต่าย และทำให้มหันตภัยร้ายเกิดขึ้นเกินควบคุม
แต่ไม่รู้เป็นเพราะเหตุใด ในหัวใจปี๋อวิ่นเถากลับรู้สึกมีความสุขขึ้นมาเสียอย่างนั้น
ในไม่ช้า นักโทษคนที่สามก็ถูกนำตัวเข้ามาที่ห้องทรมาน
นักโทษผู้นี้มีนามว่าลู่เต้าชิง เป็นนายทหารระดับสูงอายุสี่สิบปี ถูกจับกุมด้วยข้อหาทุจริตในกองทัพ สภาพเนื้อตัวบอกชัดว่าถูกทรมานมาอย่างหนัก โทษที่ได้รับคือการประหารชีวิต เขาเดินเข้ามามองหน้าหลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใด ก่อนจะก้มศีรษะอย่างยอมรับชะตากรรม…
“ปล่อยตัวไป”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่ง
เจิ้งเจียงเดินเข้ามาปลดโซ่ตรวนที่พันธนาการร่างกายของลู่เต้าชิงโดยไม่รอช้า
“ปล่อยตัวข้าอย่างนั้นหรือ?”
ลู่เต้าชิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิง เงยหน้ามองหลินเป่ยเฉินด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะส่ายศีรษะซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าไม่ไป… ข้าไม่ไป ข้าไม่ไปเด็ดขาด… ข้ายอมรับสารภาพผิด ข้ามีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาจริง ๆ”
“คนตายสร้างประโยชน์ให้แก่ผู้ใดไม่ได้ แต่หากท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านยังสามารถปกป้องผู้บริสุทธิ์ได้ เจ้าหน้าที่ปี๋อวิ่นเถาพิสูจน์ได้แล้วว่าท่านถูกใส่ความ จงตั้งใจใช้ชีวิตให้ดีเถอะ”
หลินเป่ยเฉินชี้มือไปที่ปี๋อวิ่นเถา
ปี๋อวิ่นเถาประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เขาสัมผัสได้ถึงนัยยะซ่อนเร้นในคำพูดของหลินเป่ยเฉิน ดังนั้น ปี๋อวิ่นเถาจึงเสแสร้งแกล้งปั้นสีหน้าไหลตามน้ำไปอย่างแนบเนียน
นักโทษคนที่สี่เป็นนายทหารผู้หนึ่ง ขอบเขตพลังอยู่ในขั้นจอมเทพศักดิ์สิทธิ์ระดับ 7 เหตุผลที่ถูกจับกุมเพราะก่อความวุ่นวายใน ‘โรงเตี๊ยมถิงหยวน’ ทำร้ายร่างกายเถ้าแก่และเสี่ยวเอ้อจนได้รับบาดเจ็บไปสี่คน…
“ปล่อยตัวไป”
หลินเป่ยเฉินเพียงชำเลืองมองหน้านักโทษเล็กน้อยก็ประกาศด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
หลังจากนั้น นักโทษจำนวนมากก็ถูกนำตัวเข้ามาที่ห้องทรมานหมายเลข 28
หลินเป่ยเฉินเพียงเงยหน้ามองนักโทษวูบเดียว เขาไม่พูดคำใดมาก นอกจากประกาศผลการพิจารณาคดี
บางคนได้รับการปล่อยตัว
บางคนถูกฆ่าตายอยู่ตรงนั้น
ไม่ขึ้นสวรรค์!
ก็ลงนรก!!
แต่กล่าวโดยสรุปก็คือ ผู้คนส่วนใหญ่จะถูกปล่อยตัว และมีนักโทษที่ถูกฆ่าตายเพียงจำนวนน้อยนิดเท่านั้น
ในตอนแรก ปี๋อวิ่นเถา เจิ้งเจียง หวังจิงและคนอื่น ๆ ล้วนมึนงงสับสน
แต่แล้วพวกเขาก็เข้าใจในอะไรบางอย่าง
หลินเป่ยเฉินปล่อยตัวนักโทษผู้ถูกใส่ความและสังหารนักโทษที่สมควรตายจริง ๆ เท่านั้น
แต่คำถามก็คือ หลินเป่ยเฉินรู้ได้อย่างไรว่านักโทษคนไหนถูกใส่ความและนักโทษคนไหนเลวทรามต่ำช้าจริง ๆ?
เด็กหนุ่มสามารถมั่นใจได้อย่างไร? เขาเพียงมองหน้านักโทษไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น ก็สามารถพิจารณาได้แล้วหรือว่าอีกฝ่ายถูกใส่ความหรือกระทำความผิดตามที่ระบุในเอกสาร?
กาลเวลาผ่านไป
มีนักโทษได้รับอิสรภาพเป็นจำนวนถึงแปดสิบเอ็ดคน และในเวลาเดียวกันนี้ ก็มีนักโทษถูกสังหารคาห้องทรมานไปยี่สิบเอ็ดคน…
นักโทษทุกคนที่ถูกควบคุมตัวอยู่ล้วนได้รับการพิจารณาคดีเสร็จสิ้น
ห้องทรมานหมายเลข 28 ตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนจ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉินเสมือนมองสัตว์ประหลาดตัวหนึ่ง
“ให้ตายสิ…”
หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ และย่อตัวยืดเส้นยืดสายอีกหลายครั้ง เมื่อเลือดลมไหลเวียนดีแล้ว เขาก็แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา “ทำไมถึงยังไม่มาอีกนะ?”
เจิ้งเจียงและพรรคพวกได้สติกลับคืนมา
ใช่แล้ว
นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งชั่วยามแล้วหลังจากที่เกิดเหตุความวุ่นวายในคุกใต้ดิน แล้วเหตุไฉนคนใหญ่คนโตประจำเมืองเทียนหลางซิงผู้ถูกลูบคมซึ่งหน้าอย่างหลินซิงเฉิงถึงยังไม่ปรากฏตัวออกมาอีก?
หรือว่าญาติของเขาเสียชีวิตกะทันหัน?
หรือว่าประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางมาที่นี่?
หลินเป่ยเฉินตัดสินใจรอคอยต่อไป
เพราะไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถเดินทางได้รวดเร็วอย่างเขา หลินเป่ยเฉินรู้ดีว่าตนเองจำเป็นต้องให้โอกาสผู้อื่นเสียบ้าง
บางทีการจราจรอาจจะติดขัดจริง ๆ ก็เป็นได้
“ไปเอาเอกสารนักโทษต้องคดีในรอบสองปีนี้มาให้หมด… ข้าจะนั่งอ่านแก้เบื่อสักหน่อย”
หลินเป่ยเฉินออกคำสั่งอีกครั้ง
“ได้เลยขอรับ”
เจิ้งเจียงรับคำโดยไม่ลังเลแม้แต่นิดเดียว
หลินเป่ยเฉินหันกลับมาและเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างเตียงของเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียน เมื่อตรวจสอบโดยละเอียดดีแล้ว เขาก็พบว่าอาการบาดเจ็บของทั้งสองยังไม่ทุเลาตามที่คิด แม้ว่ายาวิเศษที่ซื้อหามาจากโทรศัพท์มือถือเหล่านี้จะมีสรรพคุณดีเลิศมากกว่ายาทั่วไป แต่พวกมันก็ยังใช้ไม่ได้ผลต่อคนทั้งสองอยู่ดี หลินเป่ยเฉินจึงทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเท่านั้น…
อีกหนึ่งชั่วยามผ่านไป
หลินเป่ยเฉินอ่านเอกสารนักโทษต้องคดีจบลงทั้งหมดอย่างรวดเร็ว
แต่ยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวจากภายนอก
รองผู้คุมสภาหลินซิงเฉิงยังคงนิ่งเฉย
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างแช่มช้า บิดขี้เกียจเล็กน้อย แล้วหันมาถามเจิ้งเจียงว่า “นอกจากเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนสองคนนี้แล้ว บัดนี้ คนอื่น ๆ ที่มาจากอาณาจักรหลิวเยวียนอยู่ที่ใด?”
ในเอกสารนักโทษ หลินเป่ยเฉินไม่พบเจอรายชื่อของหลิงไท่ซือ หลิงหลิง รวมไปถึงผู้คนจากตระกูลใหญ่อื่น ๆ เลย ซึ่งทำให้หลินเป่ยเฉินอดผิดหวังขึ้นมาไม่ได้
“กราบเรียนนายท่าน ข้าน้อยทราบเพียงแต่ว่าผู้ที่หลบหนีมาจากอาณาจักรหลิวเยวียนนั้นได้มาซ่อนตัวอยู่ในอาณาจักรซือเว่ยจริง ๆ โดยเฉพาะองค์ชายหลิงและองค์หญิงไข่มุกขาวแห่งราชวงศ์เกิงจิน เคยมีผู้คนพบเห็นพวกเขาอยู่หลายครั้ง… แต่ทั้งสองคนก็สามารถหลบหนีไปได้สำเร็จ ส่วนคนอื่น ๆ ในคณะเดินทางนั้น บัดนี้อยู่ที่ใดไม่มีใครทราบเลยขอรับ”
เจิ้งเจียงรายงานทุกอย่างที่ตนเองรับทราบออกมาโดยทันที