เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1737 เจ้าต้องพ่ายแพ้ให้กับข้าอยู่ดี
ตอนที่ 1,737 เจ้าต้องพ่ายแพ้ให้กับข้าอยู่ดี
หลินซิงเฉิงนิ่งเงียบ
จ้องมองไปที่หลินเป่ยเฉิน
ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมา
“ฮ่า ๆๆ…”
หัวเราะจนน้ำตาไหล
หลินเป่ยเฉินถามออกไป “เจ้าหัวเราะอันใดไม่ทราบ?”
หลินซิงเฉิงยิ้มและกล่าวว่า “ข้าก็หัวเราะเจ้านั่นแหละ เจ้ามันไร้เดียงสาเกินไป หากข้าเป็นเจ้า ข้าคงไม่ลิงโลดใจเช่นนี้แน่…”
หลินเป่ยเฉินยกมือขึ้นทำท่าดันแว่น ก่อนได้ยินหลินซิงเฉิงกล่าวต่อไปอีกครั้ง
“ฮ่า ๆๆ เจ้าลืมผู้คนในอาณาจักรหลิวเยวียนไปหมดแล้วหรือ? ผู้คนจากสำนักกระบี่เหินฟ้าที่ช่วยชีวิตเจ้าไว้ เจ้าคิดว่าข้าจะปล่อยพวกเขาไปหรือ?”
พูดจบ หลินซิงเฉิงก็หมุนข้อมืออีกครา
ภาพบนหน้าจอแปรปลี่ยนไป
สิ่งที่กำลังปรากฏขึ้นในขณะนี้คือภาพจากเมืองชิงอวี้
…
เมืองชิงอวี้
เมฆทะมึน
สายฝนโปรยปราย
บรรยากาศตกอยู่ในความมืดสลัว
เรือเหาะสีดำทมิฬลำหนึ่งปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า กำลังมุ่งหน้าไปยังทิศทางที่ตั้งของสำนักกระบี่เหินฟ้า
“ใช่แล้ว”
ร่างของสตรีผู้สวมใส่ชุดกระโปรงสีม่วงลอยตัวอยู่เหนือเรือเหาะ ดวงตาจ้องมองไปยังทัศนียภาพเบื้องล่าง
สตรีผู้นี้มีใบหน้างดงาม ดวงตาคมคาย คิ้วเข้ม ร่างสูงอรชร ชุดกระโปรงสีม่วงรัดรูปกับช่วงเอวคอดกิ่ว แต่บนแผ่นหลังของนางสะพายด้วยดาบที่มีขนาดใหญ่มากกว่าร่างกายของนางเองเสียอีก ก่อเกิดเป็นความงามอันดุดันแสนทรงเสน่ห์ สตรีผู้นี้มีนามว่าเหวินเหอ เป็นยอดฝีมือชื่อดังจากอาณาจักรซือเว่ย
“เพื่อทำลายสำนักเล็ก ๆ แห่งนี้ ถึงกับต้องส่งข้ามาที่นี่เชียวหรือ? เสียเวลาซะจริง…”
เหวินเหอแลบลิ้นเลียริมฝีปาก แววตาเย็นชา “งั้นทำลายดินแดนนี้ให้หมดเลยก็แล้วกัน…”
นางเอื้อมมือขึ้นไปกำลังจะดึงดาบใหญ่ลงมาจากแผ่นหลัง แต่ทันใดนั้น สีหน้าของเหวินเหอก็แปรเปลี่ยนไป นางหันขวับกลับไปมองทางด้านหลัง เพราะสัมผัสได้ถึงพลังกดดันคุกคามที่น่าขนลุก “เป็นผู้ใด?”
เหวินเหอตวัดดาบส่งลำแสงออกไปตัดก้อนเมฆ ไม่ต่างจากเกลียวคลื่นในมหาสมุทร
สายลมสายฝนโหมกระหน่ำหนักหน่วงมากขึ้น
กลุ่มก้อนเมฆจางหายไป
นั่นเปิดเผยให้เห็นถึงสาวงามผู้หนึ่งกำลังนั่งเอนกายอยู่บนก้อนเมฆก้อนใหญ่
ไม่มีผู้ใดรับทราบเลยว่าสาวงามผู้นี้ปรากฏตัวขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ นางมีใบหน้างดงามสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับทรวดทรงองค์เอวที่ไม่ต่างไปจากงานศิลปะชั้นเลิศ เมื่อนางปรากฏตัวขึ้นมา บรรยากาศทั้งหมดก็ดูจะสดใสขึ้นในพริบตา
เหวินเหอมีความมั่นใจในเรื่องความงามของตนเองมาโดยตลอด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับสาวงามผู้เกียจคร้านในชุดสีขาวผู้นี้ เหวินเหอก็รู้ตัวดีว่าตนเองไม่มีความงดงามที่จะไปเทียบเคียงกับอีกฝ่ายได้เลย
สตรีในชุดขาวผู้นี้สูงส่งราวกับเทพเจ้า มีความงดงามอย่างยากที่จะหาผู้ใดมาเปรียบเทียบได้
นางนั่งเอกเขนกอยู่บนก้อนเมฆ ใช้มือข้างหนึ่งเท้าคาง ด้านหน้าตั้งไว้ด้วยโต๊ะเตี้ยตัวหนึ่ง บนโต๊ะเตี้ยตั้งไว้ด้วยสุราและผลไม้ สตรีชุดขาวรินสุราใส่จอกและยกดื่มด้วยความสบายใจ
กลิ่นสุราลอยในอากาศ สูดดมแล้วสดชื่นยิ่งนัก
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
สัญชาตญาณของเหวินเหอแจ้งเตือนถึงอันตราย
เพราะการปรากฏตัวของสตรีชุดขาวมีความแปลกประหลาดมากเกินไป
“ฝนตกที่ไหน ท้องฟ้าก็อยู่ที่นั่น… ข้าก็สามารถอยู่ที่นี่ได้เช่นกัน”
สตรีชุดขาวตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงอ่อนหวานเนิบนาบ
นางค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมา ดวงตาที่มีความสดใสไม่ต่างจากกลุ่มดาราบนฟากฟ้ายามราตรีจ้องมองตรงไปที่เหวินเหอคล้ายกับเป็นการส่งสัญญาณบางอย่าง
“ย้าก...”
ทันใดนั้น เหวินเหอระเบิดเสียงคำราม แล้วดวงตาก็ลุกเป็นเปลวไฟสีม่วง
ทันใดนั้น บนผิวหนังของนางก็ปรากฏอักขระสีม่วงขึ้นเต็มพรืดไปหมด ไม่ว่าจะเป็นบนใบหน้า บนลำคอ ตามแขนขา ผิวหนังทุกส่วนล้วนแต่มีอักขระประหลาดปรากฏขึ้นมา
เพียงไม่กี่ลมหายใจเท่านั้น
เหวินเหอผู้มีฉายาว่านักเลาะกระดูกก็กลายร่างเป็นปีศาจสาวโดยสมบูรณ์
พลังปราณมนุษย์แปรเปลี่ยนเป็นพลังปราณปีศาจ
นางเหินร่างข้ามท้องฟ้ามาลอยตัวอยู่เบื้องหน้าสตรีในชุดขาว ก่อนจะย่อกายลงแสดงความเคารพสูงสุด
“ประเสริฐ”
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของสตรีชุดขาว จากนั้นนางจึงเงยหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้าไกล
…
ในห้องลับของหลินซิงเฉิง ทั้งหลินเป่ยเฉินและผู้เป็นเจ้าของห้องต่างก็เฝ้ามองสิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอค่ายอาคมด้วยความตกตะลึงพรึงเพริด
เปรี๊ยะ!
ภาพบนหน้าจอเกิดรอยแตกร้าว
ตะเกียงโบราณสั่นไหวอย่างรุนแรง
“ปีศาจ…”
หลินซิงเฉิงอุทานออกมา “นั่นมันหัวหน้ากลุ่มภูตอเวจีของเผ่าพันธุ์ปีศาจไม่ใช่หรือ? นางไปปรากฏตัวอยู่ในเมืองชิงอวี้ได้อย่างไร?”
หลินเป่ยเฉินก็ตกตะลึงไม่แพ้กัน!
เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงมีสถานะสูงส่งมากกว่าที่เขาคิดเอาไว้หลายเท่า
นับตั้งแต่ที่มาถึงเมืองชิงอวี้ เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงก็ไม่ต่างจากพยัคฆ์คืนสู่ป่า มังกรคืนสู่ทะเล พลังของนางถูกปลดปล่อยเต็มอัตรา เพียงพริบตาเดียว นางก็อยู่ในขั้นจอมเทพจักรพรรดิตอนปลายแล้ว… นับเป็นปลาตัวใหญ่ที่จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้เป็นอันขาด
ไม่สิ นางไม่ใช่ปลา!
ต้องบอกว่าเป็นมังกรทะเลต่างหาก!!
มีความเป็นไปได้สูงที่บัดนี้เทพธิดาเจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงจะมีขั้นพลังอยู่เหนือกว่าขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิ
อาณาจักรหลิวเยวียนตกเป็นของนางโดยสมบูรณ์
หลินเป่ยเฉินหันกลับไปมองหน้าหลินซิงเฉิงและถามว่า “ท่านรองผู้คุมสภา… ไม่ทราบว่ายังมีอันใดให้น่าหัวเราะอยู่อีกหรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินถอนหายใจ
“นับตั้งแต่ที่ครองอำนาจในอาณาจักรซือเว่ย เวลาที่ข้าต่อสู้กับผู้ใดสักคน ข้าก็จะถอนรากถอนโคนให้สิ้นซาก ข้าจะไม่เปิดโอกาสให้ศัตรูได้ฟื้นตัวขึ้นมาใหม่ เพราะฉะนั้น ทุก ๆ การวางกลยุทธ์ในทุกสมรภูมิของข้า ข้าถึงต้องคำนวณการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ในทุกย่างก้าว แต่เจ้าเป็นคนแรกที่สามารถอ่านแผนการของข้าได้อย่างทะลุปรุโปร่ง หลินเป่ยเฉิน ข้าต้องชื่นชมเจ้าจริง ๆ สมแล้วที่เจ้าได้รับการยกย่องให้เป็นยอดอัจฉริยะแห่งยุค”
หลินซิงเฉิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ
หลินเป่ยเฉินนิ่งเงียบใช้ความคิดเล็กน้อย ก่อนตอบกลับไปว่า “ใช่แล้ว ข้าอ่านแผนการของเจ้าทะลุปรุโปร่งมาตั้งแต่ต้น”
หลินซิงเฉิงค่อย ๆ คลี่ยิ้มอย่างแปลกประหลาด “แต่สุดท้ายเจ้าก็ยังต้องพ่ายแพ้ให้กับข้าอยู่ดี ฮ่า ๆๆ…”
ขาดคำ
ตะเกียงโบราณก็หยุดสั่นไหว
แสงสีน้ำเงินที่ฉายหน้าจอศักดิ์สิทธิ์แผ่ขยายอาณาเขตครอบคลุมทั่วทุกตารางนิ้วภายในห้องลับ
หลินเป่ยเฉินสะดุ้งเฮือก
คลื่นพลังกดดันเข้ามาจากรอบทิศทาง
พลังปราณในร่างกายของเขาหยุดชะงัก ร่างกายไม่สามารถเคลื่อนไหวได้
หลินเป่ยเฉินรู้สึกไม่ต่างจากคนป่วยหนัก นี่คือคลื่นพลังกดดันที่แม้แต่จอมเทพจักรพรรดิตอนปลายก็ยังต้านทานไม่ได้
“เกิดอะไรขึ้น?”
เขาจ้องมองไปที่หลินซิงเฉิงด้วยความประหลาดใจ