เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1740 เรือเหาะทองคำ
ตอนที่ 1,740 เรือเหาะทองคำ
เนื่องจากหลินเป่ยเฉินมีสายเลือดศักดิ์สิทธิ์ การเลื่อนขั้นพลังของเขาจึงต้องใช้พลังมากกว่าผู้คนทั่วไป ดังนั้น การจะเลื่อนขึ้นสู่ขอบเขตจอมเทพจักรพรรดิจึงไม่ใช่เรื่องง่าย
แต่เพียงเท่านี้หลินเป่ยเฉินก็พอใจมากแล้ว
ตู้ม!
เขาปล่อยหมัดออกไปข้างหน้า
ห้องลับระเบิดกระจาย
มวลอากาศโดยรอบสั่นไหวราวกับกระแสน้ำ
แล้วหลินเป่ยเฉินก็กลับมาอยู่ในห้องทำงานบนชั้นที่สามสิบสามของตึกเฉิงซินอีกครั้ง
…
“นี่ก็นานแล้วนะ ทำไมถึงยังไม่กลับออกมาอีก?”
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ท่านแม่ทัพหลินคงไม่ได้พ่ายแพ้หรอกกระมัง?”
ด้านนอกตึกเฉิงซิน รองหัวหน้าผู้คุมเจิ้งเจียงแสดงสีหน้ากระวนกระวายใจออกมา
เจิ้งเจียงกำลังหวาดกลัวบรรดาหุ่นอสูรที่ยืนอยู่รอบกายหลายตัวเหล่านั้น
กาลเวลาเดินไปข้างหน้าอย่างเชื่องช้า
เจิ้งเจียงเริ่มนึกทบทวนการตัดสินใจของตนเอง
การทรยศหลินซิงเฉิงและเลือกย้ายฝั่งมาทำงานให้แก่หลินเป่ยเฉิน ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้วจริง ๆ หรือ?
ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ เจิ้งเจียงก็ยิ่งวิตกกังวลมากเท่านั้น
บนเตียงนอนที่อยู่ด้านข้าง เฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียนยังคงนอนสลบไสลไม่ได้สติ แต่ใบหน้าเริ่มมีสีเลือดสูบฉีดมากขึ้นแล้ว
ขณะนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในคุกใต้ดินของหน่วยสืบสวนพิเศษได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองเทียนหลางซิงเป็นที่เรียบร้อย
สถานการณ์ร้อนระอุ
หลินเป่ยเฉินกลายเป็นที่จับตามองจากทุกฝ่าย
บัดนี้ ไม่ทราบเลยว่ามีดวงตาเป็นจำนวนกี่คู่ที่กำลังจ้องมองตรงไปยังตึกเฉิงซิน รอคอยให้การต่อสู้ภายในนั้นยุติลง
เจิ้งเจียงเดินวนไปวนมาตลอดเวลา
ทันใดนั้น…
แอ๊ดดด!
เสียงประตูชั้นแรกเปิดออก
หัวใจของเจิ้งเจียงแทบกระดอนขึ้นมาเต้นอยู่ในลำคอ
กลุ่มคนที่กำลังจ้องมองไปยังประตูบานนั้นเบิกตาโต
เด็กหนุ่มในชุดขาวเดินเอามือไขว้หลังก้าวออกมาอย่างเชื่องช้า
อาภรณ์ขาวราวหิมะ ปราศจากคราบสกปรก
ท่าทางเยือกเย็นไม่ต่างจากผู้ที่กำลังเดินชมสวนดอกไม้ ไม่มีอาการของคนที่เพิ่งผ่านการต่อสู้อย่างดุเดือดเลยสักนิด
“นายท่าน...”
เจิ้งเจียงร้องตะโกนด้วยความดีใจ “นายท่านขึ้นไปได้กี่ชั้นขอรับ?”
หลินเป่ยเฉินหันกลับมามองแล้วตอบว่า “ข้าแพ้ตั้งแต่ชั้นแรกแล้ว”
เจิ้งเจียงเบิกตาโตด้วยความตกตะลึง
หลินเป่ยเฉินไม่ได้กล่าวคำใดอีก แต่เดินมาตรวจสอบอาการของเฟิงเสี่ยวไป๋กับฉินโมเหยียน ก่อนจะพาผู้คนของตนเองกลับที่พักไปหน้าตาเฉย
เจิ้งเจียงยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าสับสน
เขาค่อย ๆ หันไปมองที่ตึกเฉิงซิน รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล
ครึ่งชั่วยามให้หลัง ข่าวที่น่าตกตะลึงก็แพร่สะพัดไปทั่วเมืองเทียนหลางซิง ปรากฏว่าเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินสามารถบุกตะลุยขึ้นไปได้ถึงชั้นบนสุดของตึกเฉิงซิน และลงมือสังหารรองผู้คุมสภาหลินซิงเฉิงบนชั้นที่สามสิบสามได้สำเร็จ!
…
“ว่าไงนะ? หลินซิงเฉิง… ตายแล้วอย่างนั้นหรือ?”
เมื่อผู้คุมสภาฮวาไป๋ได้ยินข่าวนี้ เขาก็ตกใจจนแทบตกเก้าอี้ พูดไม่ออกอยู่นานสองนาน
แววตาปรากฏความตื่นกลัวอย่างชัดเจน
ก่อนหน้านี้ เขากำลังวางแผนที่จะหลอกใช้เซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินให้กำจัดศัตรูของตนเอง
แต่บัดนี้ ดูเหมือนว่าฮวาไป๋คงไม่ต้องหลอกใช้อีกแล้ว
หลินซิงเฉิงเป็นนักสู้กระดูกเหล็ก มีขั้นพลังสูงส่ง มีผู้ติดตามมากมาย หลังการล่มสลายของราชวงศ์เทียนหลางเซิน หลินซิงเฉิงก็เพาะสร้างขุมกำลังของตนเองเอาไว้มากมาย ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดก็คือหน่วยสืบสวนพิเศษประจำเมืองนั่นปะไร
ฮวาไป๋พยายามกำจัดหลินซิงเฉิงมาแล้วหลายครั้ง แต่ก็ล้มเหลวมาโดยตลอด
ด้วยเหตุนี้ หลินซิงเฉิงจึงเป็นตัวปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้แก่ฮวาไป๋ตลอดมา
คิดไม่ถึงเลยว่าการต่อสู้ภายในตึกเฉิงซินดำเนินไปได้ไม่ถึงสองชั่วยาม หลินซิงเฉิงก็ถูกเซียนกระบี่หลินเป่ยเฉินฆ่าตายเสียอย่างนั้น
นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?
นี่หมายความว่าฮวาไป๋ไม่ควรมีเรื่องขัดแย้งกับหลินเป่ยเฉินเด็ดขาด
ฮวาไป๋ต้องการจะใช้หลินเป่ยเฉินเป็นเครื่องมือในการกำจัดขวากหนามให้แก่ตนเอง แต่ไป ๆ มา ๆ หลินเป่ยเฉินกลับกลายเป็นขวากหนามของเขาไปเสียแล้ว นี่ไม่ต่างจากการเผชิญหน้ากับอสูรดารา หากประมาทมากเกินไป ก็อาจจะถูกกลืนกินได้โดยไม่รู้ตัว
ข่าวดีก็คือก่อนหน้านี้ ฮวาไป๋แสดงท่าทีเป็นมิตรต่อหลินเป่ยเฉินตลอดมา เพราะฉะนั้น ระหว่างพวกเขาจึงไม่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาก่อน
แต่ข่าวร้ายก็คือ อำนาจภายในอาณาจักรซือเว่ยที่ฮวาไป๋คิดจะครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียวนั้น เขาคงทำตามแผนการเดิมไม่ได้อีกแล้ว
“พวกเจ้าจัดเตรียมของขวัญและบอกให้ที่ปรึกษาเจียงสือ นำของขวัญทั้งหมดไปส่งมอบให้แก่คฤหาสน์ลู่หลิวด้วยตนเอง”
ฮวาไป๋ออกคำสั่งเสียงดัง
ในไม่ช้า เขาก็ตามตัวที่ปรึกษาอีกสองคนเข้ามา
ย่อมต้องเป็นลั่วอี้หูกับซือเทียนซิง
“ข้ามีงานให้พวกเจ้าทำสามประการ”
“ประการแรก ปรับเปลี่ยนโครงสร้างผลประโยชน์ในงานเลี้ยงล่ากวาง โดยเฉพาะส่วนแบ่งของสุสานกษัตริย์ เราต้องเพิ่มส่วนแบ่งให้แก่หลินเป่ยเฉินมากขึ้น อี้หู เรื่องนี้ต้องฝากให้เจ้าจัดการแล้ว เจ้าไปขอส่วนแบ่งเพิ่มเติมจากทางวังหลวงก็แล้วกัน…”
“ประการที่สอง ไปเร่งรัดขอคำตอบจากทางราชสำนักมาซะ บอกให้พวกเขารับข้อเสนอของเราและเลือกจักรพรรดิองค์ใหม่ขึ้นมาสักองค์หนึ่ง ข้าสามารถให้คำมั่นสัญญาแก่พวกเขาได้ว่า หากทางราชสำนักเชื่อฟังพวกเราแต่โดยดี พวกเขาก็จะได้อยู่อย่างสงบสุข โดยที่มีองค์จักรพรรดิองค์ใหม่เป็นหุ่นเชิดของพวกเรา”
“ประการที่สาม หน้าที่นี้ต้องมอบให้แก่เจ้า เทียนซิง รีบไปรับตัวอดีตนายทหารของหลินซิงเฉิงทุกคนมาเป็นพวกของเราซะ”
ในภาวะวิกฤต ฮวาไป๋เป็นผู้ที่มีสติแจ่มใสและมั่นคงเสมอ
…
ในเส้นทางดาราจักร
ท้องฟ้าดำมืดกว้างใหญ่ยาวไกลสุดลูกหูลูกตา
เรือเหาะทองคำลำหนึ่งที่ฉุดลากด้วยอสูรดาราสี่ตัวกำลังเคลื่อนผ่านท้องฟ้าแห่งนี้ไปด้วยความเร็วสูงสุด
บนดาดฟ้าเรือเหาะทองคำ ร่างของคนผู้หนึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ภายใต้การปกคลุมของผ้าคลุมสีทองคำ ใบหน้าของนางขาวเนียนไร้ตำหนิ จัดได้ว่าเป็นผู้ที่มีความงดงามอย่างหาตัวจับยาก แต่สีหน้ากลับมีแต่ความเรียบเฉย บอกถึงความเย็นชาต่อทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิต
ทันใดนั้น ดูเหมือนนางจะสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง จึงยื่นมือออกไปข้างหน้าในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวพร่างพราว
แล้วนางก็สามารถตรวจจับการส่งข่าวได้ผ่านทางพลังจิต
“หลินซิงเฉิงตายแล้ว”
หญิงสาวผู้นี้ลืมตาขึ้นมาอย่างแช่มช้า แววตาเป็นประกายด้วยความสงสัย
“ตะเกียงวิญญาณจำนนพบเจ้านายคนใหม่แล้วหรือ? น่าสนใจดีนี่… ในที่สุด คนผู้นั้นก็ปรากฏตัวแล้ว”
นางเลียริมฝีปากเล็กน้อย “น่าสนใจ เจี๋ยนเซวี่ยอู่หมิงกลับมาได้อย่างน่าสนใจยิ่งนัก คิดไม่ถึงเลยว่านางจะกล้ากลับมา… ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ดีแล้ว… เสี่ยวเผิง หันหัวเรือมุ่งหน้าไปที่อาณาจักรซือเว่ยเดี๋ยวนี้”
ในประวัติศาสตร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ย่อมมีจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเกิดขึ้นเสมอ
และในปีนี้ เส้นทางดาราจักรก็กำลังจะเกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ!
บัดนี้ ตามดินแดนต่าง ๆ ยังไม่ล่วงรู้เลยว่ากำลังจะเกิดมหันตภัยครั้งใหญ่
พายุหมุนที่ถล่มรุนแรง ย่อมมีต้นกำเนิดเป็นเพียงสายลมบางเบาเท่านั้น
และในวันนี้ สายลมที่เป็นต้นกำเนิดของพายุมหันตภัยก็ได้เกิดขึ้นโดยผู้ที่มีนามว่าหวงเฉิงอี๋ ผู้เป็นเจ้าสำนักราชันย์นักล่าแห่งดินแดนซิงไห่ และนางก็เป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในขั้นจอมเทพจักราระดับ 3 ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องวิชาประจำตัวอย่าง วิชา ‘วาดกระบี่หมื่นดวงดาว’
ระหว่างเดินทางมุ่งหน้าไปยังดินแดนลู่ซืออิ๋น นางได้เกิดเปลี่ยนใจอย่างกะทันหันและหันเหหัวเรือมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซือเว่ย
การตัดสินใจครั้งนี้เทียบได้กับการเปิดผนึกปลดปล่อยมหันตภัยโดยสมบูรณ์!!!