เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此] - บทที่ 1747 รู้สึกมีความสุข
ตอนที่ 1,747 รู้สึกมีความสุข
เฉียนเจินนึกถึงคลื่นพลังมหาศาลที่ถาโถมเข้ามาในห้วงความทรงจำสุดท้ายและความตายก็มาถึงอย่างไม่มีสัญญาณเตือน นางจำได้ดีว่าสิ่งสุดท้ายที่ตนเองกำลังนึกถึงก็คือเป็นห่วงความปลอดภัยของหลินเป่ยเฉินกับเฉียนเหมย
นางจำได้ดีว่าตนเองน่าจะตายไปแล้ว
แต่บัดนี้…
นายท่านช่วยชีวิตนางเอาไว้ใช่หรือไม่?
“นายท่านปลอดภัยดีนะเจ้าคะ? แล้วคนอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง…?”
เฉียนเจินซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของหลินเป่ยเฉิน รับฟังเสียงการเต้นของหัวใจที่คุ้นเคย ใบหน้าประดับรอยยิ้ม โอบแขนกอดเอวเด็กหนุ่มและถามด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน
บางครั้งนางก็รู้สึกว่านายน้อยเป็นเด็กที่ไม่รู้จักโต
“เรื่องมันยาวน่ะ…”
หลินเป่ยเฉินค่อย ๆ ปล่อยมือออก “พวกเราช่วยชุบชีวิตคนอื่นขณะคุยกันไปดีกว่า”
แล้วเขาก็พาเฉียนเจินมายังรูปปั้นของเฉียนเหมย
“นี่มัน…”
เฉียนเจินเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมาโดยทันที
หลินเป่ยเฉินนำโอสถคืนวิญญาณออกมาทำตามขั้นตอนเดิม
หลังจากนั้น
“นายท่าน? เฉียนเจิน?”
เฉียนเหมยกระโดดออกมาจากกองเศษหินที่หลุดไปจากร่างกายของตนเอง “ที่นี่คือที่ไหน เกิดอะไรขึ้น? แล้วค้อนของข้าอยู่ที่ใด?”
หลินเป่ยเฉินกับเฉียนเจินหันมองหน้ากันและหัวเราะออกมาโดยทันที
ให้ตายเถอะ
ฟังประโยคแรกที่เฉียนเหมยพูดออกมาหลังฟื้นคืนชีพสิ
“พวกท่านหัวเราะอะไรกัน”
เฉียนเหมยกวาดสายตามองรอบตัว และแล้ว นางก็นึกอะไรขึ้นมาได้จึงต้องกระโดดผ่างอีกครั้ง “ไม่นะ นายท่าน บรรดานายทหารที่อยู่กับข้าล้วนเสียชีวิตหมดสิ้น… เดี๋ยวก่อนนะ นี่เป็นเวลาใดแล้ว?”
หลินเป่ยเฉินเดินเข้าไปใช้มือลูบศีรษะเฉียนเหมยแผ่วเบาและกล่าวว่า “วางใจเถอะ ทุกอย่างจบสิ้นแล้ว”
เฉียนเหมยหยุดชะงักด้วยความพิศวง ก่อนจะเบิกตาโตและยิ้มเหมือนลูกแมว นางนำศีรษะของตนเองมาถูไถกับฝ่ามือของหลินเป่ยเฉินและส่งเสียงครางในลำคอว่า “คงเกิดเรื่องขึ้นมากมายเลยสินะเจ้าคะ แต่สุดท้ายก็เป็นนายท่านมาช่วยเหลือพวกเราเอาไว้อยู่ดีใช่หรือไม่?”
หลินเป่ยเฉินใช้มือบีบจมูกเฉียนเหมยเล็กน้อยและกล่าวว่า “เดี๋ยวเฉียนเจินจะเล่าให้ฟังเองว่าเกิดอะไรขึ้น ตอนนี้ ข้าไม่มีเวลา”
ชั่วประมาณหนึ่งก้านธูปให้หลัง หลินเป่ยเฉินก็จัดการชุบชีวิตฉู่เหิน เยว่หงเซียง หลิงไท่ซวี หลิงจุนเซวียน และฉุยเฮาเฟิง
หลังจากอธิบายเรื่องราวทั้งหมดเสร็จสิ้น ทุกคนที่ฟื้นคืนชีพกลับมาก็เข้าใจถึงสถานการณ์โดยรวม และพวกเขาก็ต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเศร้า
ในขณะที่พวกเขากลายเป็นรูปปั้นหิน โลกภายนอกก็เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง
“ข้ายังต้องหาโอสถคืนวิญญาณมาชุบชีวิตทุกคนอีกเป็นจำนวนมาก แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น พวกท่านต้องฟื้นฟูพลังของตนเองกลับมา และเมื่อมีความแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว ข้าจะพาพวกท่านเดินทางไปที่เส้นทางดาราจักร...”
หลินเป่ยเฉินแสดงสีหน้าตื่นเต้นเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เขาชูกำปั้นขึ้นสูงและกล่าวต่อไป “พวกเราจะไปครองโลกด้วยกัน!!”
“ประเสริฐมากเจ้าค่ะ”
เฉียนเหมยเป็นคนแรกที่ชูกำปั้นเป็นเพื่อนเขา “นำกองทัพไปถล่มศัตรูให้ราบคาบ จัดการเผ่าพันธุ์ปีศาจและเผ่าพันธุ์อสูรไม่ให้เหลือแม้แต่ซากเดน หลังจากที่โลกทุกใบอยู่ในความสงบสุข ข้าน้อยก็จะได้แต่งงานกับนายท่านสักที”
หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก
ทุกคนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาด้วยความขบขัน
การได้ฟื้นคืนชีพกลับมาจากความตาย คือความรู้สึกดีมีความสุข
และยิ่งไปกว่านั้น การได้รู้ว่าบรรดาผู้คนที่กลายเป็นรูปปั้นหินยังอยู่รอดปลอดภัยและมีโอกาสที่จะได้ฟื้นคืนชีพกลับมาอีกครั้ง ก็ทำให้พวกเขาโล่งใจมากขึ้นแล้ว
มิหนำซ้ำ ยังมีอนาคตอันสดใสรอพวกเขาอยู่ข้างหน้าอีก
“ข้าจะลองสลายม่านพลังปิดผนึกกาลเวลาในพื้นที่ย่านนี้ลงก่อน และพวกเราจะตั้งหลักใหม่จากเมืองหยุนเมิ่งกันอีกครั้ง”
หลินเป่ยเฉินประกาศแผนการของตนเอง
กาลเวลาเคลื่อนตัวไปข้างหน้า
ในระหว่างที่หลินเป่ยเฉินกลับไปยังอาณาจักรซือเว่ย บรรดาผู้ติดตามของเขาก็จะได้สร้างเส้นทางชีวิตของตนเองจากเมืองหยุนเมิ่ง
บัดนี้ เมืองหยุนเมิ่งคือดินแดนแห่งการเริ่มต้นใหม่
ทุกอย่างเป็นไปตามความคิดของหลินเป่ยเฉิน
พื้นที่ในรัศมีห้าร้อยลี้ของเมืองหยุนเมิ่งกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
ผู้คนบนท้องถนนด้านนอกเริ่มเดินสัญจรไปมา ได้ยินเสียงสนทนาการพูดคุยลอยมาตามสายลม
นี่ไม่ต่างจากมีคนกดปุ่มบนรีโมตให้เล่นภาพยนตร์ต่ออีกครั้ง หลังจากกดหยุดชั่วคราวมาพักใหญ่
สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ไม่ได้รับผลกระทบจากสงคราม พวกเขาแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่าง ทุกคนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโลกนี้ได้ถูกแช่แข็งเอาไว้อย่างยาวนาน
หลินเป่ยเฉินเดินไปเปิดประตูจวนสกุลหลินและยืนมองบรรยากาศด้านนอกอยู่นานสองนาน
“นั่นมันคุณชายหลินนี่นา”
“พี่หลิน”
“ศิษย์พี่หลิน…”
เมื่อเห็นหน้าหลินเป่ยเฉิน ผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาตามท้องถนนก็หันมาทักทายเขาด้วยรอยยิ้มแจ่มใส
ในจักรวรรดิเป่ยไห่ โดยเฉพาะในเมืองแห่งนี้ หลินเป่ยเฉินมีสถานะไม่ต่างไปจากเทพเจ้าระดับสูง
บรรยากาศภายในเมืองหยุนเมิ่งไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
ในกลุ่มชาวเมืองยังมีผู้คนอีกมากมายที่เคยตกอยู่ในยุคสมัยที่หลินเป่ยเฉินเป็นตัวชั่วร้ายที่สุดในเมือง พวกเขาเคยเกลียดชังเด็กหนุ่มลึกถึงกระดูกดำ แต่แล้วทุกคนก็ได้เห็นหลินเป่ยเฉินกลับตัวเป็นคนใหม่ จากคนชั่วช้าสามานย์กลายเป็นวีรบุรุษผู้ผดุงความยุติธรรม ดังนั้น บรรดาผู้เฒ่าผู้แก่และชาวเมืองกลุ่มนี้จึงรู้ดีว่าหลินเป่ยเฉินไม่ได้เป็นเทพเจ้าอันใด แต่เด็กหนุ่มเป็นมนุษย์ที่มีเลือดเนื้อ และพวกเขาก็เฝ้ามองการเจริญเติบโตของหลินเป่ยเฉินมาตลอดเวลา…
หลินเป่ยเฉินยิ้มแย้มและโบกมือตอบรับการทักทายอย่างมีความสุข
รอยยิ้มจากชาวเมืองคือสิ่งที่ชุบชูหัวใจของเขาได้เป็นอย่างดี
หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนได้กลับบ้านของตนเองอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินรู้สึกว่าหลังผ่านการค้นหามาอย่างยาวนาน ในที่สุด บัดนี้ เขาก็พบความรู้สึกที่ตนเองกำลังตามหาแล้ว
นับเป็นความรู้สึกที่ดียิ่ง
เมืองหยุนเมิ่ง เป็นเมืองที่ความฝันได้เริ่มต้นขึ้น
บัดนี้ ผู้คนบนท้องถนนยังคงใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต่างจากได้อยู่ในสรวงสวรรค์ชั้นฟ้า
ใช่แล้ว
ที่นี่เปรียบเสมือนสวรรค์บนดิน
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินเป็นประกายแจ่มใสมากขึ้นและมากขึ้น
ทันใดนั้น เด็กหนุ่มก็รู้แล้วว่าแผ่นดินตงเต้ามีความหมายอย่างไรต่อจิตใจของเขา
ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ
แต่เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่ควรได้รับการดูแล
“ทุกคนพักอยู่ที่นี่กันก่อน”
ได้เวลาที่หลินเป่ยเฉินจะต้องกลับไปอาณาจักรซือเว่ยแล้ว
เขานำสมุนไพรวิเศษและโอสถสำหรับรักษาอาการบาดเจ็บทิ้งเอาไว้ให้แก่พวกของเฉียนเหมย ฉู่เหิน และคนอื่น ๆ เป็นจำนวนมาก
เมื่อคนกลุ่มนี้หายดีเมื่อไหร่ พวกเขาก็จะพร้อมสำหรับการเดินทางไปสู่อาณาจักรซือเว่ย
ทุกคนล้วนมีตำแหน่งเทพเจ้าอยู่ในการครอบครอง
เพราะฉะนั้น จึงน่าจะทนแรงกดดันระหว่างเดินทางผ่านประตูมิติได้โดยไม่มีปัญหา
เป็นอีกครั้งที่หลินเป่ยเฉินอดคิดสงสัยขึ้นไม่ได้มาว่า ระดับชั้นของสายเลือดจะเกี่ยวข้องกับความสูงส่งของตำแหน่งเทพเจ้าหรือไม่?
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงต้องฟื้นฟูพลังอย่างหนักหน่วงก่อนที่จะถึงเวลาเดินทางจริง
และในเวลาเดียวกันนี้ หลิงไท่ซวี หลิงจุนเซวียน ฉุยเฮาเฟิงและคนอื่น ๆ ก็มีประสบการณ์ในงานบริหารบ้านเมืองมาเป็นอย่างดี พวกเขาสามารถดูแลเมืองหยุนเมิ่งให้เป็นระเบียบเรียบร้อยได้ไม่ยาก ซึ่งนั่นก็จะเป็นผลดีต่อแผนการขั้นต่อไปของหลินเป่ยเฉินอย่างยิ่ง
…
อาณาจักรซือเว่ย
ท้องนภาที่เต็มไปด้วยดวงดารายาวไกลสุดลูกหูลูกตา
เรือเหาะพุ่งเป็นลำแสงสีทองคำมุ่งตรงไปข้างหน้า
หวงเฉิงอี้ยังคงเดินทางไปสู่จุดหมายต่อไป